จากการศึกษาวิจัยพบว่า คนไทยวัยทำงานมากกว่า 1 ใน 3 หรือร้อยละ 36.5 ขาดวิตามินดี ซึ่งวัดจากระดับวิตามินดีในเลือดที่มีค่าต่ำกว่าปกติ ทั้งที่ประเทศไทยเป็นเมืองร้อนและมีแดดตลอดทั้งปี แต่คนไทยวัยทำงานส่วนใหญ่กลับมีระดับวิตามินดีในเลือดไม่เพียงพอ โดยเฉพาะคนในกรุงเทพฯ เพื่อเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับวิตามินดี พร้อมรณรงค์ให้คนไทยหันมาใส่ใจต่อการได้รับวิตามินดีอย่างเพียงพอ เพื่อสุขภาพองค์รวม ช่วยลดความเสี่ยงโรคกระดูกพรุน บริษัท โรช ไดแอกโนสติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด จึงเชิญ นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์ แพทย์ที่ปรึกษาเวชศาสตร์ครอบครัว ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพ โรงพยาบาลพญาไท 2 มาให้ความรู้ในงาน “คุณมี D พอหรือยัง” ที่โรงแรมแกรนด์ มิลเลนเนียม เมื่อเร็วๆนี้

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์.

คุณหมอสันต์ อธิบายว่า ปัจจุบันพฤติกรรมคนเมืองหรือคนวัยทำงาน มักจะหลีกเลี่ยงแสงแดด นั่งทำงานในห้องแอร์นานๆ นิยมออกกำลังกายในที่ร่ม ส่วนสาวๆก็กลัวผิวดำ ผิวเสีย จึงทาครีมกันแดดที่มีสารป้องกัน (SPF) ในระดับสูง ซึ่งครีมกันแดดที่มีค่า SPF 15 ลดการดูดซึมวิตามินดี หรือแม้แต่มลภาวะ ฝุ่นควัน และกระจกใส ก็สามารถกั้นรังสี UVB ให้สัมผัสกับผิวหนังเราน้อยลง จึงทำ ให้ร่างกายสังเคราะห์วิตามินดีได้ไม่เพียงพอ ขณะที่พบว่าประชากรกว่าหนึ่งพันล้านคนทั่วโลก ขาดวิตามินดีหรือได้รับวิตามินดีไม่เพียงพอ การได้รับวิตามินดีที่เพียงพอจะส่งผลดีต่อสุขภาพตลอดวัฏจักรของชีวิต เริ่มตั้งแต่อยู่ในครรภ์ วิตามินดีช่วยทำให้การเติบโตของทารกในครรภ์เป็นไปอย่างสมบูรณ์ ช่วยลดความเสี่ยงของภาวะครรภ์เป็นพิษ หรือภาวะความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์ และป้องกันการคลอดก่อนกำหนดด้วย แต่หากมารดามีระดับวิตามินดีต่ำขณะตั้งครรภ์ อาจส่งผลต่อปัญหาสุขภาพต่างๆของลูกด้วย เช่น ปัญหาด้านโครงกระดูก และเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 1 นอกจากนั้น วิตามินดียังมีความสำคัญอย่างมากต่อการสร้างความแข็งแรงให้กระดูก และช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุนในผู้สูงอายุ เพราะวิตามินดีช่วยกระตุ้นการดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัส มีงานวิจัยสมัยใหม่พบว่า หากขาดวิตามินดี แม้จะได้รับแคลเซียมในปริมาณมาก แต่ร่างกายก็ไม่สามารถดูดซึมหรือเก็บแคลเซียมไปซ่อมแซมกระดูกได้ ตรงข้ามกับคนที่มีระดับวิตามินดีอยู่ในเกณฑ์ที่เพียงพอ แม้จะได้รับแคลเซียมในปริมาณน้อย แต่กลับพบว่าสามารถเพิ่มมวลกระดูกได้มากกว่า นอกจากนี้วิตามินดียังมีส่วนสำคัญในการสร้างผิวหนังและกล้ามเนื้อให้มีความแข็งแรงด้วย จึงอยากให้คนไทยให้ความสำคัญกับเรื่องของวิตามินดี เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้ได้รับแสงแดดมากขึ้น และปรับการรับประทานอาหาร หรือรับประทานวิตามินดีในขนาดที่เหมาะสม

ขอขอบคุณที่มา  ไทยรัฐออนไลน์