หากเอ่ยถามคนทำงานในปัจจุบัน น้อยคนนักที่จะไม่ต้องการความสำเร็จ และความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน แถมยังมีเทคนิคมากมายจะช่วยดลบันดาลให้ความสำเร็จเหล่านั้นวิ่งเข้ามาหาเราได้เร็วขึ้น แต่สำหรับผู้ที่มีครอบครัวแล้ว บางครั้ง การเดินหน้าเข้าหาความสำเร็จ พร้อม ๆ กับการดูแลครอบครัวก็อาจสร้างแรงกดดัน จนทำให้ชีวิตรักพังทลายลงได้
       
       จากการสำรวจความคิดเห็นของผู้มีครอบครัวแล้ว ของเว็บไซต์ด้าน Parenting ในสหรัฐอเมริกาอย่าง Care.com พบว่า ในจำนวน 600 ครอบครัวที่ร่วมตอบแบบสอบถาม มีถึง 25 เปอร์เซ็นต์ที่ยอมทิ้งงานดี ๆ แต่ก็ต้องเหนื่อยจนไม่มีเวลาให้ตัวเองและครอบครัว หันไปหางานที่อาจมีรายได้ไม่มากนัก แต่พวกเขาสามารถจะจัดการกับ "ชีวิตของตนเอง" ได้มากขึ้น รวมถึงไม่เหนื่อยเกินไปที่จะหาเวลาโรแมนติกกับคู่สมรสด้วย
       
       "การได้มาซึ่งความสำเร็จในหน้าที่การงาน อาจทำให้ความสัมพันธ์ของผู้เป็นพ่อแม่สั่นคลอน โดยเฉพาะบรรดาเวิร์กกิ้งมัม หรือคุณแม่ที่ต้องทำงานไปด้วย ดูแลลูกเล็กไปด้วย คือผู้ที่เหนื่อย และเครียดมากที่สุด" เวนดี้ แซคส์ ผู้บริหารของเว็บไซต์กล่าว 
       
       เธอกล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า อุปกรณ์ไฮเทคที่สารพัดค่ายส่งออกมาทำตลาดเป็นอีกหนึ่งตัวการเพิ่มความเครียด เพราะนั่นหมายความว่า มนุษย์เราสามารถทำงานได้ทุกที่ทุกเวลาตลอด 24 ชั่วโมงใน 1 สัปดาห์จนเหมือนไม่มีวันหยุด
       
       "แค่เห็นว่าอุปกรณ์ไฮเทคในมือสามารถแอคเซสเข้าอีเมลได้ตลอดเวลา และได้เห็นเมลสั่งงานนับสิบให้เร่งสะสาง แค่นี้ก็ทำให้มนุษย์เราหมกมุ่นกับการทำงานมากไปจนความต้องการทางเพศหดหาย"
       
       อย่างไรก็ดี การสำรวจนี้พบว่า พ่อแม่จะมีความเครียดสูงสุดในช่วงก่อนที่ลูกจะเข้าโรงเรียน แต่พอลูกเข้าโรงเรียนแล้ว บรรยากาศต่าง ๆ ก็จะดีขึ้น
       
       เมื่อถามถึงแนวทางในการลดความเหนื่อย และความเครียดลง มี 34 เปอร์เซ็นต์ยอมรับว่าต้องพึ่งพาพี่เลี้ยงเด็กมาช่วยดูแล หรือส่งลูกเข้าสถานรับเลี้ยงเด็ก อย่างไรก็ดี 62 เปอร์เซ็นต์ระบุว่า จะยิ่งเครียดหนักขึ้น หากเกิดปัญหา เช่น พี่เลี้ยงเด็กป่วย หรือสถานรับเลี้ยงเด็กปิดโดยไม่บอกล่วงหน้า
       
       อย่างไรก็ดี ผู้ปกครองกลุ่มนี้ก็มีแผนสำรองสำหรับการเลี้ยงดูลูก มีเพียง 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่หวังจะพึ่งพานายจ้างในกรณีฉุกเฉิน เช่น ขอลางาน หรือพาลูกไปเลี้ยงที่ออฟฟิศ
       
       แซคส์ให้คำแนะนำว่า "สำหรับผู้ปกครองที่ต้องทำงาน โดยเฉพาะผู้เป็นแม่ ควรจะหาเวลาเพื่อลดระดับความเครียดลงบ้าง"
       
       "แม่มักจะให้เวลากับสมาชิกคนอื่น ๆ ในครอบครัวก่อนตัวเอง และมักจะไม่ร้องขอเวลาส่วนตัว แม้จะต้องการเวลาเหล่านั้นก็ตาม แต่ต่อไปนี้ควรหาเวลาให้ตัวเองบ้าง อาจจะแค่ 20 นาทีต่อวัน ใช้เวลานั้นทำอะไรก็ได้ที่จะทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น"
       
       สำหรับในประเทศไทยนั้น คงต้องยอมรับกันว่า การเลี้ยงดูเด็กเริ่มมีความใกล้เคียงกับต่างชาติมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ที่มีครอบครัวเดี่ยวอาศัยอยู่ตามคอนโดมิเนียม หรือหมู่บ้านจัดสรร ครอบครัวเหล่านี้มักต้องพึ่งพาสถานรับเลี้ยงเด็ก หรือจ้างพี่เลี้ยงพิเศษมาช่วยดูแล และมักได้รับผลกระทบจากการอยู่อาศัยในเมืองใหญ่ที่ใกล้เคียงกันมากทีเดียว
       
       เรียบเรียงจากเดลิเมล

       ที่มา  http://www.manager.co.th/