|
สำหรับคู่แต่งงานใหม่ คงไม่มีคู่ไหนต้องการจะนอนแยกเตียงกัน ตรงกันข้ามกับผู้ที่ต้องสวมบทพ่อแม่ ที่ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตดูจะเปลี่ยนไปเสียหมด หลายคู่พบว่า การนอนร่วมเตียงเดียวกันกลายเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ และอาจต้องแบ่งกันนอนคนละเวลา โดยการสำรวจครั้งล่าสุดของอังกฤษพบว่า มีถึง 1 ใน 10 ของคู่พ่อแม่ที่แยกกันนอน หลังจากมีสมาชิกในครอบครัวเพิ่มขึ้น มีเพียง 6 ใน 10 ที่ระบุว่า พวกเขายังนอนร่วมเตียงเดียวกันทุกคืน
ยิ่งมีผู้หญิงจำนวนมากต้องกลับไปทำงานหลังลาคลอด ยิ่งทำให้ผู้เป็นพ่อแม่สมัยนี้ต้องแชร์ทั้งงาน และหน้าที่ในการดูแลลูกกันมากขึ้น ซึ่งนั่นหมายความว่า ทั้งสองฝ่ายต่างก็ต้องการเวลาพักผ่อนในตอนกลางคืนมากขึ้นนั่นเอง และการแยกกันนอนก็อาจเป็นหนทางที่ดีที่จะทำให้ทั้งสองฝ่ายมีโอกาสพักมากกว่าเดิม
การสำรวจนี้ได้สำรวจจากคู่แต่งงาน 2,000 คู่ เกี่ยวกับรูปแบบการนอนหลังจากมีเจ้าตัวเล็ก ซึ่งการสำรวจครั้งนี้พบว่า พ่อมีส่วนร่วมในการเลี้ยงดูลูกในเวลากลางคืนมากขึ้น โดย 3 ใน 5 ของคุณพ่อเข้าไปดูลูกยามที่ลูกร้องในเวลากลางคืน และ 1 ใน 3 ของคู่สามีภรรยาระบุว่า พวกเขาผลัดกันดูแลลูก
แต่สำหรับครอบครัวใดที่คุณพ่อต้องการแยกเตียงนอนเพราะเกรงว่าตนเองจะอดทนต่อเสียงร้องเด็กไม่เพียงพอ หรือรำคาญที่ผู้เป็นแม่ต้องลุกขึ้นมาให้นมลูกบ่อย ๆ ยามกลางคืนก็ไม่เป็นไรค่ะ แต่ขอให้ลุกขึ้นมาดูแลคุณลูกและคุณแม่กันบ้างก็พอ อย่าปล่อยให้คุณแม่กลายเป็นหมีแพนด้าแต่เพียงฝ่ายเดียวเลยค่ะ เพราะเวลากลางวันที่คุณพ่อต้องออกไปทำงานและปล่อยให้คุณแม่รับมือเจ้าตัวเล็กเพียงลำพังนั้น ก็เหนื่อยมากอยู่แล้ว
ถ้ากลางคืนต้องดูเจ้าตัวเล็กเพียงคนเดียวอีก เกรงว่า สุดท้ายแล้วความเหนื่อยที่รุมเร้าอาจทำให้ทั้งสองฝ่ายเกิดมีปากเสียงกันขึ้นมาก็ได้
เรียบเรียงจากเดลิเมล
ที่มา http://www.manager.co.th/