มีการสำรวจในสหราชอาณาจักรชิ้นหนึ่งที่น่าสนใจ นั่นก็คือ การสำรวจความคิดเห็นสาวยุคใหม่ที่ยังไม่มีบุตรจำนวน 2,000 รายถึงสาเหตุที่ทำให้พวกเธอมองข้ามการเป็นแม่ และหันไปมองสิ่งอื่นว่าสำคัญกว่า
       
       โดยผลโพลล์จากสาว ๆ เหล่านี้ระบุว่า สิ่งที่พวกเธอต้องการในชีวิตคือ หน้าที่การงานดี ๆ ที่สามารถทำรายได้ให้ไม่ต่ำกว่าเดือนละ 100,000 ปอนด์ หรือการมีทรัพย์สมบัติเยอะ ๆ นั่นเอง
       
       สำหรับสาเหตุที่ไม่อยากเป็นแม่นั้นมีมากมาย เช่น 25 เปอร์เซ็นต์ของผู้ตอบแบบสอบถามมองว่าการเป็นแม่นั้นเป็นงานที่เหนื่อยมาก หรือ กว่าครึ่งของสาว ๆ มองว่า การเป็นแม่และต้องเลี้ยงลูกอยู่บ้านนั้นเป็นเรื่องลำบากใจสำหรับพวกเธอ และยังทำให้โอกาสในการงานนั้นน้อยลง แถม 1 ใน 5 ยังคิดว่า การมีลูกทำให้พวกเธอขาดความเป็นตัวตนของตัวเองไปอีกด้วย
       
       ปัจจัยด้านร่างกายก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผู้หญิง 1 ใน 3 กังวลว่าหลังตั้งครรภ์จะทำให้พวกเธอดูไม่สวย ขาดความมั่นใจในรูปร่าง 4 ใน 10 ของสาวที่ไม่มีลูกกล่าวว่า พวกเธอยังไม่พร้อมจะสละชีวิตเพื่อใครสักคน บ้างก็รู้สึกว่าเด็กเกินไปที่จะรับผิดชอบชีวิตคน ๆ หนึ่ง และ 26 เปอร์เซ็นต์ก็ยอมรับว่า เธอกลัวว่าการเป็นแม่จะกระทบต่อหน้าที่การงานที่กำลังก้าวหน้า
       
       บ้างก็มองการมีลูกว่าทำให้พวกเธอยากจนลงด้วยก็มี
       
       ...เป็นแม่ของลูกสักคนยากขนาดนั้นเลยทีเดียว...
       
       กลับมาฟังความเห็นของคนที่มีลูกกันบ้าง สาวออฟฟิศที่มีบุตรแล้วกว่าครึ่งระบุว่า กลุ่มสาวไม่มีลูกในที่ทำงานไม่เคยเข้าใจความเครียดที่เกิดในชีวิตของพวกเธอเลย แต่นั่นไม่ทำให้พวกเธอท้อใจได้หรอก เพราะในการสำรวจยังพบว่า 87 เปอร์เซ็นต์ของคนที่เป็นแม่รู้สึกว่าความสุขในชีวิตเพิ่มขึ้น และชีวิตได้รับการเติมเต็ม
       
       อย่างไรก็ดี การสำรวจครั้งนี้ทำให้เราได้ทราบความเห็นของผู้หญิงยุคนี้ส่วนหนึ่งว่า การเป็นแม่ไม่ใช่สิ่งที่อยู่ใน to-do-list ของพวกเธออีกต่อไป
       
       แต่บทสรุปของการสำรวจนี้น่าสนใจยิ่งกว่า เพราะคือการตั้งคำถามว่า ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราจะเตรียมการสนับสนุนให้คนมีบุตรมากขึ้น ไม่ใช่ปล่อยให้ต้องเลือกระหว่าง มีบุตร กับความก้าวหน้าด้านการงาน

       
       ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจากเดลิเมล

       ที่มา  http://www.manager.co.th/