5 เทคนิคช่วยผู้ป่วยหอบหืดใช้ยาพ่นได้ผล
2014-09-18 15:11:55
Advertisement
คลิก!!!

        รพ.ชำนิ โชว์เทคนิค “เขย่าอม กดพร้อมดูด กลั้นแล้วกลั้ว” 5 ขั้นตอนช่วยผู้ป่วยโรคหืดใช้ยาพ่นได้ผล คุมอาการหอบหืดได้เอง ช่วยผู้ป่วยร้อยละ 70 ไม่ต้องไปพ่นยาที่โรงพยาบาล ลดอัตราการนอนรักษาตัวร้อยละ 92 ลดเสี่ยงเสียชีวิตจากการใช้ยาไม่ถูกวิธี


        ภญ.ภัทรจิตรา สมานชาติ เภสัชกรประจำ รพ.ชำนิ จ.บุรีรัมย์ ได้นำเสนอผลงานวิชาการ ด้านสาขาเภสัชกรรมเรื่อง “เขย่าอม กดพร้อมดูด กลั้นแล้วกลั้ว” ในการประชุมวิชาการกระทรวงสาธารณสุข ประจำปี 2557 ว่า ในรอบ 3 ปี รพ.ชำนิ มีผู้ป่วยโรคหืดมารับบริการในคลินิกโรคหืด 76 คน ส่วนใหญ่เป็นวัยกลางคน อายุเฉลี่ย 41 ปี เป็นหญิงมากกว่าชาย ส่วนใหญ่มีอาชีพรับจ้าง และเกษตรกร ส่วนใหญ่ผู้ป่วยมักไม่ไปพบแพทย์ตามนัด เนื่องจากไม่สะดวกในการเดินทาง และไม่ใส่ใจการดูแลตัวเอง เมื่อเจ้าหน้าที่สาธารณสุขออกไปเยี่ยมบ้านก็ไม่พบ และจากการศึกษาการใช้ยาพ่นขยายหลอดลมเองที่บ้านเมื่อเกิดอาการเฉียบพลัน ผู้ป่วยส่วนใหญ่ยังใช้ยาพ่นไม่ถูกวิธีเช่น ผู้ป่วยมักจะไม่กลั้นลมหายใจ ไม่บ้วนปาก ไม่กลั้วคอ พ่นยาติดกันหลายครั้งโดยไม่เว้นช่วง ทำให้การรักษาไม่ได้ผล เนื่องจากละอองยาไม่เข้าที่หลอดลม ทำให้เกิดผลเสีย และเสี่ยงเสียชีวิตสูง
       
       ภญ.ภัทรจิตรา กล่าวว่า การช่วยเหลือผู้ป่วยโรคหอบหืดให้สามารถพ่นยาได้ถูกวิธี และสามารถดูแลตัวเองได้ในภาวะฉุกเฉินที่เกิดอาการอย่างเฉียบพลัน ทีมเภสัชกรได้ร่วมกับทีมสหวิชาชีพของ รพ.ชำนิ คิดค้นเทคนิค 5 ขั้นตอนให้ผู้ป่วยโรคหืดสามารถนำไปใช้ได้ คือ “เขย่าอม กดพร้อมดูด กลั้นแล้วกลั้ว” มี 5 ขั้นตอนคือ 1. ให้เขย่าตัวยาพ่น เพื่อให้ยากระจายทั่วกระบอกยา 2. ให้ผู้ป่วยใช้ริมฝีปากอมปากหลอดพ่นยาให้สนิท 3. ให้ผู้ป่วยสูดยา ไปพร้อมๆ กันกับการกดกระบอกยา เพื่อให้ละอองยา กระจายลงไปสู่หลอดลมได้อย่างเต็มที่ 4. กลั้นลมหายใจสักระยะ และ 5. กลั้วยาที่พ่นเข้าไป เพื่อให้ละอองยาได้ไหลลงสู่หลอดลมได้อย่างเต็มที่ โดยการสอนผู้ป่วยจะสอนตัวต่อตัว และให้ฝึกทำต่อหน้าทุกครั้งที่มารับบริการ
       
       “ผลการดำเนินการในรอบ 3 ปีนี้ พบว่าได้ผลดี ผู้ป่วยที่ได้รับยาพ่น สามารถนำไปพ่นยาเองได้อย่างถูกต้อง สามารถควบคุมอาการได้ผลดี ไม่ต้องนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล ถึงร้อยละ 70 ของผู้ป่วยโรคหืดทั้งหมด สามารถลดปัญหาที่เกิดจากการใช้ยาได้จาก 47 ครั้ง เหลือเพียง 11 ครั้ง ทำให้ลดอัตราการนอนโรงพยาบาลได้ ถึงร้อยละ 92 และช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย” ภญ.ภัทรจิตรา กล่าว

ที่มา  http://www.manager.co.th/






เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X