“โอลิเวีย คูลโป” กลายเป็นผู้คว้ามงกุฎ “มิสยูเอสเอ” คนล่าสุด และจะเป็นตัวแทนในการขึ้นประกวด “มิสยูนิเวิร์ส” ประจำปีนี้ต่อไป โดยระหว่างการประกวดสาวงามจากโรดไอแลนด์ ยังต้องตอบคำถามถึงประเด็นร้อนในวงการนางงาม เรื่องการมีส่วนร่วมของสาวแปลงเพศด้วย

สาววัย 20 ปี สามารถเอาชนะคว้ามงกุฎในการประกวดที่มีผู้เข้าร่วม 51 คน ซึ่งจัดกันในช่วงค่ำ ณ แพลนเน็ท ฮอลลีวูด รีซอร์ท แอนด์ กาสิโน ในลาสเวกัส เมื่อค่ำวันอาทิตย์ที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งเธอฉายแววแห่งความโดดเด่นทั้งในชุดบิกินีสีชมพู และชุดราตรีม่วงอมแดง ซึ่งปีนี้ชุดราตรีของสาวงามหลายคนดูจะหวือหวาเป็นพิเศษ แต่สำหรับผู้คว้ามงกุฎดูจะมิดชิดกว่าคนอื่นนิดหน่อย

อย่างไรก็ตาม ไฮไลต์ในการขึ้นเวทีประกวดของ โอลิเวีย คูลโป อาจจะอยู่ที่การตอบคำถาม เมื่อเธอต้องแสดงความเห็นต่อประเด็นร้อน ที่เวทีประกวดของประเทศเพื่อนบ้านแคนาดา มีการอนุญาตให้สาวเทียมขึ้นร่วมเวทีกับหญิงแท้ จนนำมาซึ่งเสียงวิจารณ์มากมาย

“ฉันคิดว่ามันยุติธรรมแล้วค่ะ” มิสยูเอสเอคนล่าสุด ตอบอย่างชัดเจน กับคำถามที่ว่ามันยุติธรรมสำหรับหญิงแท้หรือไม่ หากมีการอนุญาตให้หญิงแปลงเพศร่วมประกวดมิสยูนิเวิร์สด้วย “แต่ก็เข้าใจได้กับความกังวลเล็กน้อยที่เกิดขึ้นค่ะ เพราะธรรมเนียมเดิมเปิดโอกาสสำหรับหญิงแต่กำเนิดเท่านั้น แต่วันนี้ซึ่งมีการผ่าตัดมากมาย และมีคนอีกจำนวนมากที่ต้องการเปลี่ยนตัวเอง เพื่อชีวิตที่ดีขึ้น ฉันยอมรับได้ค่ะ เพราะฉันเชื่อมั่นว่านี่คือประเทศเสรี”

คูลโป ที่เป็นทั้งนักเชลโล และกำลังศึกษาอยู่ในระดับชั้นมหาวิทยาลัย เล่าถึงชีวิตในวัยเด็ก ว่าตนเองทั้งเตี้ย และอ้วน แต่กลายเป็นสาวงามสะพรั่งเมื่อเติบโตขึ้น นอกจากนั้น ก็ยังเติบโตขึ้นมาในครอบครัวนักดนตรี เคยใช้เวลาในช่วงหน้าร้อนเมื่อสมัยเรียนเกรด 2 กับแคมป์ดนตรีเพื่อเรียนการเล่นเชลโล โดยพ่อและแม่ก็มักจะมาชมการแสดงของเธอที่ ซิมโฟนี ฮอลล์ ในบอสตัน และ คาร์เนกี ฮอลล์ ในนิวยอร์กอยู่บ่อยๆ

โดยเธอจบการศึกษาจากโรงเรียนสตรีล้วน เซ็นต์ แมรี อคาเดมี เบย์ วิว นอกจากนั้น ก็ยังเคยเป็นสมาชิกของสมาคมนักเรียนดีเด่นประจำประเทศสหรัฐอเมริกา ส่วนตอนนี้อยู่ระหว่างการศึกษาต่อในชั้นปีที่สองของมหาวิทยาลัยบอสตัน เธอยังเล่าว่าตัวเองมาจากครอบครัวอิตาเลียน และมีส่วนผสมของความเป็นพวก “เนิร์ด” และ “นางแบบ” ในตัวเอง

สำหรับสาวงามที่ผ่านเข้ามาถึงรอบ 5 คนสุดท้ายนั้นเป็น นานา เมริเวทเธอร์ จากแมรีแลนด์ ซึ่งคว้าตำแหน่งรองอันดับ 1 ไป, รองอันดับ 2 เป็นของ ออร์ดรีย์ บอลเต จากโอไฮโอ ส่วน เจด เคลเซล จากเนวาดา กับ แจสมิน วิลกินส์ ตัวแทนจอร์เจีย คว้าตำแหน่งรองอันดับ 3 และ 4 ไปตามลำดับ

นอกจากนั้น ในการประกวดปีนี้ยังมีผู้เข้าประกวดเชื้อสายเอเชียเข้าร่วมชิงมงกุฏด้วย โดยตามข้อมูล นิตยา ปานมาลัยทอง หญิงสาวเชื้อสายลาววัย 26 ปี ซึ่งเป็นตัวแทนของ มินนิโซตา ยังเกิดในประเทศด้วย

หลังจากนี้ คูลโป จะได้เป็นตัวแทนของสหรัฐอเมริกา ในการเข้าร่วมการประกวดมิสยูนิเวิร์สครั้งที่ 61 ที่จะจัดขึ้นในปลายปีนี้ ซึ่งนับจากที่ บรู๊ก ลี คว้ามงกุฎมิสยูนิเวิร์สได้ในปี 1997 สาวงามจากสหรัฐฯ ก็ไม่เคยเป็นผู้ชนะเลิศในการประกวดเวทีนี้อีกเลย

สำหรับการประกวดมิสยูนิเวิร์สในปี 2012 นับว่าได้รับความสนใจเป็นพิเศษ ภายหลังเกิดประเด็นข่าวซึ่งเป็นที่พูดถึงมากมาย เมื่อกองประกวดกลางในนิวยอร์กโดยโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ตัดสินชี้ขาดให้สาวแปลงเพศมีสิทธิ์เข้าร่วมการประกวดมิสยูนิเวิร์สแคนาดา ภายหลังสาวประเภทสองคนนี้ถูกตัดสิทธิ์ ให้ตกรอบ เนื่องจากขาดคุณสมบัติที่ว่า “ต้องเป็นผู้หญิงโดยกำเนิด” แต่เธอกลับไม่ยอมแพ้ เลือกที่จะต่อสู้เพื่อเรียกร้องสิทธิ์ของตัวเองคืนมา

สุดท้ายสาวแปลงเพศผู้มีนามว่า เจนนา ทาลักโควา ก็สามารถขึ้นประกวดกับหญิงแท้ในการประกวดที่แคนาดาได้จริงๆ แม้จะไม่สามารถคว้ามงกุฎได้ แต่การต่อสู้เชิงกฎหมายครั้งนี้ ก็ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในวงการนางงาม เมื่อตัวแทนของกองประกวดมิสยูนิเวิร์ส ได้ยืนยันว่า หลังจากนี้ไป จะมีการอนุญาตให้สาวแปลงเพศได้มีส่วนร่วมกับการประกวดด้วย อย่างไรก็ตาม สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของผู้รับผิดชอบในการประกวดของแต่ละประเทศเอง

http://www.manager.co.th