“ปิ๊บ รวิชญ์” กลับลำ ยันยังไม่เลิกเมีย ตีมึนไม่รู้ข่าวออกมาได้ยังไงทั้งที่ตนเองเป็นคนให้สัมภาษณ์เอง แต่รับมีปัญหากันเพราะอีโก้สูงทั้งคู่ ยันตอนนี้ยังเป็นสามี-ภรรยา ยังอยู่บ้านเดียวกัน นอนเตียงเดียวกันเหมือนเดิม ก่อนลั่นถ้าเลิกจะบอก

ทำเอางงไปตามๆ กัน เพราะไม่กี่วันที่ผ่านมา นักแสดงมากฝีมือ “ปิ๊บ รวิชญ์ เทิดวงส์” เพิ่งให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ชื่อดังฉบับหนึ่ง ว่าได้ลดสถานะความสัมพันธ์กับภรรยา “แพรว ดร.ดาริกา ลัทธพิพัฒน์” ทายาทมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง ว่าเหลือแค่เพื่อนเท่านั้น หลัง 2-3 ปีที่ผ่านมา มีทัศนคติการใช้ชีวิตคู่ไม่ตรงกัน ทั้งที่พยายามปรับตัวแล้ว แต่ที่ยังอยู่บ้านเดียวกันเพราะต้องการทำหน้าที่พ่อให้กับลูกทั้ง 2 คน แต่ล่าสุดเจอตัว ปิ๊บ รวิชญ์ ในงานประกาศผลรางวัล “ท็อป อวอร์ดส์ 2012” เจ้าตัวก็กลับลำกลางอากาศ โดยยืนยันว่ายังเป็นสามี-ภรรยากันเหมือนเดิม ยอมรับอีโก้สูงทั้งคู่ทำให้มีปัญหา แต่ตอนนี้เคลียร์กันแล้ว และไม่ทราบว่าข่าวออกมาได้ยังไง

“สถานะภรรยากับผมเพิ่งเจอกันและคุยกัน ภรรยาตกใจมาก จริงๆ เขาจะมาด้วยมาให้กำลังใจ แต่เขาไม่กล้ามา(หัวเราะ) เขากลัวโดนนักข่าวรุม จริงๆ แล้วไม่ได้มีอะไรเลย เตียงไม่ได้หักครับ แล้วก็ช่วยกันเลี้ยงลูก ช่วยกันดู เพราะว่าต่างคนต่างทำงานหนักนะครับ ถ้าสมมติว่ามันจะหัก จะแยกก็บอกแน่นอน เรายังเป็นครอบครัวเหมือนเดิมครับ แล้วก็เราช่วยกันเลี้ยงลูก ถ้าเกิดว่าคนใดคนหนึ่งไม่อยู่ รับไม่ไหวหรอกครับ ลูกซนมากเลย”

“ส่วนข่าวที่ออกมาว่าหย่ากัน จริงๆ ไม่ได้หย่าหรอก เพราะตั้งแต่ต้นเราไม่ได้จดทะเบียนกันตั้งแต่ต้น เครียดก็คือเครียดเหมือนกันนะ เขาก็ถามว่ามันเกิดขึ้นมาได้ยังไง ข่าวมันมาจากไหน แล้วมันมีข่าวเรื่องมือที่สาม นักข่าวโทรมาหาผมพูดถึงเรื่องมือที่สาม ก็เลยไม่รู้จะตอบยังไง ไม่รู้จริงๆ น่ะ(หัวเราะ)”

ยอมรับว่า ที่ผ่านมาอีโอ้สูงกันทั้งคู่ทำให้มีปัญหากัน แต่ตอนนี้เคลียร์กันแล้ว ยังใช้คำว่าสามี-ภรรยาได้เหมือนเดิม
“คืออย่างนี้ครับ บางทีมันเป็นธรรมดาเรื่องอีโก้ ต่างคนต่างมีอีโก้นะครับ ก็เลยต้องปรับเหมือนกันนะครับ ก็เคลียร์กันหมดแล้วครับ เราไม่ได้ทะเลาะกันนะ เราคุยกัน ปรับกัน เราได้จูนกันเรียบร้อย มันไม่ได้เพิ่งจูนนะ ล่าสุดก็สรุปว่าเราอยู่ด้วยกันครับ คือเราตัดสินใจว่าเราอยู่ด้วยกัน และยังใช้คำว่าสามี-ภรรยาอยู่เหมือนเดิมครับ จะใช้ยังไงก็ได้ คือไม่ได้จดทะเบียนกัน ยืนยันไม่ได้แยกทางกันครับ ยังอยู่บ้านเดียวกัน นอนเตียงเดียวกันครับ แต่ว่าอย่าลงรายละเอียดไปถึงห้องนอนเลยครับ ขอสงวนไว้นิดหนึ่ง (หัวเราะ)”

ส่วนที่ก่อนหน้านี้เจ้าตัวเป็นคนบอกเองว่าลดสถานะลง? “ปิ๊บ” บอกแจงว่า…
“ก็ผมคุยกับเขาว่าจริงๆ แล้วการเป็นเพื่อนกัน มันก็ดีกว่า ผมเชื่อว่าหลายๆ คู่ก็เป็นเพื่อนแหละ แต่ไม่ได้ออกมาพูดแบบนี้จริงๆ แล้วตอนมีข่าวออกมาผมก็ตกใจนะครับ มันมาคู่กับอีกข่าวหนึ่งเนอะ แต่ว่าอีกข่าวหนึ่งมันน่าตกใจมากกว่าไง เพราะว่ามันอยู่หน้าหนึ่ง (หัวเราะ) แต่จริงๆ แล้วก็ตกใจนะ เพราะว่าข่าวมันมากขึ้นๆ ภรรยาตกใจมากเพราะว่าเพื่อนโทรหาตลอดเลย วันนี้ก็เลยมาคุยกันว่ามันเกิดขึ้นมาได้ยังไงครับ เอาอย่างนี้ดีกว่า ผมพูดสรุปเลยนะ ถ้ามันเกิดอะไรขึ้นมาจริงๆ ผมบอกนักข่าวแน่นอนนะครับ ลูกไม่รู้เรื่องข่าว ลูกรู้แต่ว่าพ่อคือ ผอ. ในละครเรื่องแรงเงา ผมก็ไม่รู้ว่าลูกรู้ได้ไง เพราะเพิ่งอายุ 7 ขวบเอง วันนี้ผมไม่ได้มาสยบข่าวลือ คือมาเพื่อรางวัลครับ และถือโอกาสชี้แจงด้วย”

ปฏิเสธถอดนิสัยมาจาก ผอ.ในเรื่องแรงเงา หลังมีข่าวมีมือที่สามเข้ามาทำให้เจ้าตัวเกือบเลิกกับภรรยา
“ไม่มีครับ ผมไม่ใช่ ผอ.นะครับ ผมเป็น ปิ๊บ รวิชญ์(ยิ้ม) คือจริงๆ เนี่ยภรรยาผมจะมาให้กำลังใจ บอกตรงๆ ว่าอาจไม่ใช่รางวัลนี้รางวัลเดียว ในอนาคตอาจมีอีกหลายรางวัล แต่เขาบอกว่าตรงนี้มันแรงมาก ขอยังไม่มาดีกว่า จริงๆ ไม่มีอะไรที่จะต้องหนีหรือปิดบังเลยครับ มันแทบจะปกติครับ แล้วถ้ามันไม่ปกติผมจะบอกครับ ตอนนี้ยืนยันยังรักกันดีครับ”

กับที่คนมองว่าความเป็นครอบครัวยังอยู่ แต่ความรักเปลี่ยนไปนั้น “ปิ๊บ” เฉไฉว่า…
“จริงๆ แล้วชีวิตคู่มันต้องปรับ คือเราก็ค่อนข้างแรง แล้วอีโก้ทั้งคู่เลย ก็ต้องปรับกันครับ ก็ไม่มีอะไรที่จะรุนแรง ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าข่าวออกมาได้ยังไง”

จะมีการจดทะเบียนไหม?
“การจดทะเบียนก็ไม่แน่นะ (หัวเราะ)”

พร้อมกันนี้ “ปิ๊บ” ยังได้เคลียร์ กรณีถ่ายรูปคู่กับ “แนท” นางแบบสาวลูกครึ่งที่ถูกซัดทอดเป็นตัวการหลอกขายตุ๊กตาเฟอร์บี้ผ่านเน็ต จนมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความหลายราย ทำให้หลายคนเข้าใจไปว่าปิ๊บเป็นผู้ร่วมขบวนการนั้น กับเรื่องนี้เจ้าตัวปฏิเสธลั่น

“เขาเป็นแฟนละครมาขอถ่ายรูปครับ ก็เพิ่งรู้ว่าเขาชื่อแนท(หัวเราะ) แต่ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว เขาเป็นคนที่มาขอถ่ายรูปคนหนึ่ง ซึ่งตอนนี้ผมเดินแบบไงที่หาดใหญ่ เขาเป็นนางแบบและมาขอถ่ายรูปหลังเวที กับคดีที่เกิดขึ้นผมไม่ได้เกี่ยวข้องกันอยู่แล้ว และตอนนี้เขาเป็นผู้ต้องสงสัยเฉยๆ ก็เลยจำได้ พอเห็นปุ๊บก็จำได้เลยว่าเราถ่ายไว้เมื่อไหร่ ก็ประมาณหลายเดือนก่อนครับ”

http://www.manager.co.th