จิตแพทย์แนะสาวนักช็อป แก้ภาวะ"บ้าซื้อ"ช่วงปีใหม่ (ไทยโพสต์)

         การใช้จ่ายที่ไม่บันยะบันยังในช่วงสิ้นปี อาจทำให้หมดตัวหรือถึงขั้นเป็นหนี้เป็นสินได้ ข้อเสนอแนะของจิตแพทย์ในการเยียวยาปัญหา "บ้าซื้อ" หรือ Oniomania ได้ เป็นเรื่องไม่ควรมองข้าม

         พญ.เรขา กลลดาเรืองไกร จิตแพทย์แผนกประกันสังคม จาก รพ.กล้วยน้ำไท 1 เผยว่า สำหรับอาการบ้าซื้อ หรือ Oniomania นั้น เป็นเพียงภาวะอาการอยากซื้อของซึ่งไม่ใช่โรคหรือภาวะทางจิตแต่อย่างใด และภาวะดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นจากการแรงกระตุ้นภายนอก เช่น การเห็นป้ายลดราคา หรือเห็นภาพการยืนมุงของกลุ่มนักช็อป และอาการอยากได้อยากมีเหมือนเช่นผู้อื่น รวมทั้งความสุขที่ได้ซื้อหรือเป็นเจ้าของในสิ่งที่ต้องการ ดังนั้นสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้จึงเป็นตัวกระตุ้นความอยากได้ และเป็นที่มาของภาวะบ้าซื้อนั่นเอง ซึ่งบางครั้งสินค้าที่ซื้อนั้นก็อาจมีอยู่แล้ว โดยที่เราไม่ทันได้สังเกต

         อย่าง ไรก็ตาม เพื่อเป็นการช่วยรัดเข็มขัด และแนะนำวิธีการหลีกเลี่ยงการบริโภคสินค้าโดยไม่จำเป็นให้กับคุณสาว ๆ ในช่วงสิ้นปีนั้น คุณหมอได้เผยให้ทราบถึงหลัก 5 จ. ว่า

        จ.ที่ 1 คือการจัดเก็บ ซึ่งหมายถึงการจัดเก็บสิ่งของที่เรามีอยู่ เพื่อให้รู้ว่ามีของใช้อยู่ในปริมาณเท่าใด เพื่อที่จะได้ไม่ต้องซื้อให้สิ้นเปลืองงบประมาณ

        จ.ที่ 2 คือการจำแนก เพื่อช่วยทำให้เราทราบว่า เสื้อผ้าหรือของใช้ในแต่ละหมวดหมู่นั้นมีอะไรบ้าง และรู้ว่ามีชิ้นไหนที่ใช้ได้อยู่หรือไม่ เพื่อลดจำนวนการซื้อลง และนำไปสู่การบริจาคต่อไป

        จ.ที่ 3 คือการจด ในการซื้อของแต่ละครั้งนั้น ควรจดรายการสิ่งของที่จำเป็นต้องใช้ เพื่อตัดรายการสินค้าที่ไม่จำเป็นออกไป

        จ.ที่ 4 คือการจำกัด ในที่นี้หมายถึงการจำกัดวงเงิน เพื่อให้ลดการซื้อสินค้าที่ไม่จำเป็นลง และถือเป็นการช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายนั่นเอง

        จ.ที่ 5 คือความจน เพราะถ้าหากเราซื้อของโดยไม่คำนึงถึงงบประมาณและความจำเป็น อาจทำให้ใช้เงินไปโดยเปล่าประโยชน์ และนำมาซึ่งการเป็นหนี้สินได้ ดังนั้นคุณสาว ๆ จึงไม่ควรละเลย

ส่วนวิธีการเลือกซื้อของที่ถูกต้องสำหรับสาวนักช็อปนั้น คุณหมอแนะนำว่า

         1.คุณสาว ๆ ควรควบคุมตนเองให้ได้ และหากยังไม่แน่ใจในการซื้อสินค้าชิ้นที่ชอบนั้น ควรทิ้งระยะเวลาไว้ประมาณ 1 อาทิตย์ ถ้าหากมีความจำเป็นต้องใช้จริง ๆ จึงค่อยตัดสินใจซื้อ เพราะในช่วงดังกล่าวราคาของสินค้าอาจขยับตัวลงมา ก็ช่วยประหยัดได้อีกทางหนึ่ง

         2.คุณสาว ๆ ควรตระหนักหรือคิดให้รอบคอบก่อนว่า สิ่งของที่เรามีอยู่แล้วนั้นยังสามารถใช้งานได้หรือไม่ หรือเรามีความจำเป็นต้องซื้อของชิ้นใหม่มากน้อยเพียงใด ถ้ายังไม่จำเป็นมากก็ควรหลีกเลี่ยง

         3.ควรหาเพื่อนที่ไว้ใจได้และมีทักษะในการเลือกซื้อของ เพื่อช่วยในการตัดสินใจก่อนซื้อสินค้าฟุ่มเฟือย

         4.ก่อนซื้อสินค้าทุกครั้งควรเปรียบเทียบราคาจากหลาย ๆ ร้าน เพื่อให้ได้สินค้าในราคาที่ย่อมเยาลงมา

         5.ควรยอมรับในผลที่ตามมา เช่น อาจต้องเป็นหนี้เพิ่ม หรือต้องประหยัดค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันลง เมื่อซื้อสินค้าชิ้นดังกล่าว

ข้อมูลจากกระปุกดอทคอม