สาวออฟฟิศจ๋า ช่วยดูแล หลัง บ่า ไหล่
2012-10-17 15:34:56
Advertisement
คลิก!!!

สาวออฟฟิศ ปวดเมื่อย

 

  "สาวออฟฟิศจ๋า" ช่วยดูแล "หลัง" "บ่า" "ไหล่" (คมชัดลึก)

          หาก คุณเป็นคนหนึ่งที่อยู่ในกลุ่มสาวออฟฟิศสมัยใหม่และมีไลฟ์สไตล์การทำงาน แบบนั่งกับโต๊ะวันละเกือบ 8 ชั่วโมง ต้องวุ่นวายอยู่กับเอกสารกองโต หรือ คร่ำเคร่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ตลอดเวลา คุณเคยสังเกตหรือไม่ว่าร่างกายสะสมความอ่อนเพลียและเมื่อยล้าเพียงใดจากการ มีกิจวัตรเช่นนี้ทุกวัน

          คุณ สาวๆ หลาย คนที่คิดว่าความอ่อนล้าและอาการปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อและร่างกาย เป็นเรื่องธรรมดาของคนทำงาน หากได้พักผ่อนก็จะหายไปเอง ขอแนะนำว่าควรฟังข้อแนะนำดีๆ จากผู้เชี่ยวชาญด้านการปรับโครงสร้างร่างกาย 

          เพ็ญพิชชากร แสนคำ นักกายภาพบำบัดจากสถาบันปรับโครงสร้างร่างกาย ซีเคร็ท เชพ เวลเนส เซ็นเตอร์ กล่าวถึงอาการ ปวดหลัง ปวดบ่า ว่าเป็นเรื่องปกติที่ผิดปกติของสาวทำงาน นั่นคือ... 

          "ผู้หญิงทำงานอายุ 25-45 ปี มักประสบปัญหาอาการปวดบ่า และปวดหลัง ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากการนั่งที่ผิดวิธี เช่น นั่งหลังงอ หรือนั่งไขว่ห้าง ซึ่งน้ำหนักจะเอียงไปข้างใดข้างหนึ่งจนทำให้กระดูกสันหลังคด การทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์หรือพิมพ์งานนานๆ กล้ามเนื้อบริเวณไหล่และคอจะเกร็ง จึงปวดเมื่อยบริเวณบ่าและคอ หากสะสมนานๆ อาจกลายเป็นโรคปวดหลังเรื้อรังได้ ในบางรายที่มีอาการปวดศีรษะตามมา เนื่องจากกล้ามเนื้อที่หดตัวนั้นไปกดทับเส้นเลือด ทำให้เลือดมาเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ" ผู้เชี่ยวชาญอธิบาย 

          ส่วนการยืนหรือเดินบนรองเท้าส้นสูงนานๆ ก็เป็นอีกหนึ่งพฤติกรรมเสี่ยงที่จะทำให้เกิดอาการปวดกล้ามเนื้อตั้งแต่ บริเวณน่อง ไล่มาทั้งขา สะโพก เอว จนทำให้กระดูกสันหลังช่วงเอวแอ่นตัวไปข้างหน้า กล้ามเนื้อหน้าท้องอ่อนกำลัง ไขมันจึงสะสมได้ง่าย หากกล้าม เนื้อไม่ได้ออกกำลัง อาจทำให้หมอนรองกระดูกที่เคลื่อนไปตามการแอ่นของกระดูกสันหลัง มากดทับเส้นประสาทขา จนกลายเป็นอัมพาตช่วงขาได้

          ฉะนั้นเพื่อเป็นการลดความเสี่ยงต่อการเกิดอาการปวดบ่าและหลัง คุณสาวๆ ทั้งหลายจึงควรเริ่มฝึกตัวเองให้รู้จักใช้ร่างการอย่างถูกวิธี นั่นคือ นั่ง ตัวตรงถ่ายเทน้ำหนักไปที่ก้นทั้งสองข้างเท่าๆ กัน แนวขาทำมุม 90 องศากับแนวสะโพก เพื่อกระจายแรงที่จะไปกดทับกระดูกสันหลัง ควรเปลี่ยนท่าทาง อิริยาบถจากนั่งเป็นยืนหรือเดินเสียบ้าง เพื่อให้กล้ามเนื้อคลายตัว เปิดการไหลเวียนของเลือด

          พร้อมกันนี้เพ็ญพิชชากรยังแนะนำด้วยว่าการออกกำลังกายแบบง่ายๆ ระหว่างวันทำงานก็เป็นทางออกที่ดีเพื่อลดอาการปวดบ่าและหลัง เช่น หมุนคอ บิดลำตัวอย่างช้าๆ เพื่อให้มัดกล้ามเนื้อทุกเส้นใยได้ออกแรง ซึ่งการทำอย่างช้าๆ เพื่อป้องกันไม่ให้กระทบกระเทือนต่อข้อกระดูกที่อาจเคลื่อนตัว และส่งผลถึงเส้นประสาทและการทำงานของร่างกาย ฝึกการหายใจเข้า-ออก ในลักษณะแขม่วท้อง เพื่อให้แรงดันจากกล้ามเนื้อช่วยปรับกระดูกสันหลังช่วงเอวให้เข้าที่ ช่วยให้ช่วงอกยืดตัวหลังจะได้ไม่ค่อม

          ส่วนปัญหาการปวดบ่าและหลังที่เกิดขึ้นกับร่างกายเป็นประจำทุกวัน อาจทำให้บางคนเกิดความเคยชินและมองว่าอาการดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบร้ายแรง มากมาย แต่ในความเป็นจริงแล้วอาการปวดเรื้อรัง ก่อทั้งความรำคาญและทำลายความสุขในการใช้ชีวิต หรืออาจถึงขั้นทำให้โครงสร้างร่างกายเสียสมดุล ส่งผลกระทบต่อระบบการทำงานต่างๆ กล้ามเนื้ออ่อนล้าและร่างกายอ่อนแรงในที่สุด 

          สำหรับสาวทำงานที่มีอาการปวดไม่รุนแรงหากใส่ใจดูแลรักษาตั้งแต่เริ่มต้นด้วยตัวเอง ก็จะสามารถป้องการการปวดเรื้อรังได้ แต่ บางรายที่มีอาการปวดเข้าขั้นเรื้อรัง จนไม่สามารถออกกำลังหรือดูแลรักษาได้ด้วยตัวเอง จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องได้รับคำแนะนำจากนักกายภาพบำบัด และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางจะดีที่สุด

 

 

ข้อมูลจากกระปุกดอทคอม

.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X