ผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 รายจากเหตุการณ์ร้ายที่มีผู้ใช้อาวุธปืนกราดยิงผู้ชมหนัง The Dark Knight Rises ในการฉายรอบแรกเมื่อครั้งหนังเข้าฉายในเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา ได้รวมตัวเรียกร้องค่าเสียหายจากโรงภาพยนตร์ ที่ระบบการรักษาความปลอดภัยหละหลวม จนมีส่วนทำให้เกิดเหตุดังกล่าวขึ้นมา
       
       เดนนิส เทรมอน, แบรนดอน แอกเซลรอด และโจชัว นาวแลน ได้ตัดสินใจฟ้องร้องโรงภาพยนตร์ Century 16 ในเมืองออโรรา โคโรลาโด ด้วยเหตุผลเรื่องการดูแลรักษาความปลอดภัยอันหละหลวม และไม่มีไฟสัญญาณบริเวณประตูทางออก จนทำให้เกิดความสูญเสียถึงขั้นบาดเจ็บล้มตายขึ้นในท้ายที่สุด
       
       โดยเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายทั้งสามคนต้องการค่าเสียหายอย่างน้อยคนละ 750,000 เหรียญฯ (ประมาณ 23 ล้านบาท) ด้วยเหตุผลที่ว่าในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ 20 ก.ค. นั้นโรงภาพยนตร์บกพร่องในด้านรักษาความปลอดภัยอยู่หลายจุด ทั้งการขาดเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย สำหรับการฉายหนังรอบมิดไนท์ดังกล่าว นอกจากนั้นเหยื่อทั้งสามคนยังอ้างว่า ที่โรงภาพยนตร์ในวันนั้นไม่มีไฟสัญญาณที่ประตูทางออกฉุกเฉิน ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นจุดที่นาย เจมส์ โฮล์มส์ ใช้เป็นช่องทางปลีกตัวออกจากโรงหนังไป ก่อนจะกลับมาพร้อมกับปืน ที่เขาใช้กราดยิงผู้ชมในวันนั้น
       
       "ใครก็ตามที่อยากจะลักลอบทำอะไร และต้องการเข้าโรงหนังมาโดยไม่ได้รับอนุญาต ก็สามารถทำได้อย่างง่ายดาย ด้วยข้อบกพร่องเรื่องเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และไม่มีไฟสัญญาณที่ประตูทางออกด้านซ้ายของจอหนัง ที่ด้านหน้าของผู้ชม ซึ่งทำให้มีคนออกจากโรงหนังไป และกลับเข้ามาอีก โดยไม่มีใครมองเห็น, สังเกต, เข้าไปยุ่งเกี่ยว หรือหยุดยั้งการกระทำใด ๆ เหล่านั้นได้เลย" The Denver Post อ้างส่วนหนึ่งของคำฟ้องจากเหยื่อทั้ง 3
       
       ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันแรกที่ The Dark Knight Rises เข้าฉายในสหรัฐอเมริกา ได้กลายเป็นโศกนาฏกรรมที่มีผู้เสียชีวิต 12 คน และบาดเจ็บอีก 58 คน ขณะที่ผู้ก่อเหตุนาย เจมส์ โฮล์มส์ ถูกตั้งข้อหาฆาตกรรม และพยายามฆ่ารวม 140 กระทง
       
       ถึงตอนนี้โรงภาพยนตร์ที่เกิดเหตุขึ้น ยังคงปิดการดำเนินการ แต่มีแผนจะเปิดให้บริการอีกครั้งในต้นปี 2013 ซึ่งทั้งนายกเทศมนตรีเมืองออโรรา สตีฟ โอแกน และทิม เวอร์เนอร์ ประธาน และซีอีโอของ Cinemark ต่างมองการกลับมาเปิดฉายของโรงหนังในแง่บวก และเชื่อว่าเป็นเรื่องดีกับทุกคน

http://www.manager.co.th