สรุปเรื่องที่ควรรู้ เกี่ยวกับการตรวจภาวะมีบุตรยากในผู้หญิง
2023-11-11 10:01:33
Advertisement
คลิก!!!

หากคู่สมรสกำลังประสบปัญหาภาวะมีบุตรยาก ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม ซึ่งการตรวจวินิจฉัยและรักษาภาวะมีบุตรยากอย่างทันท่วงที จะช่วยให้เพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ได้ สำหรับผู้หญิงที่สนใจบริการตรวจภาวะมีบุตรยากในผู้หญิง สามารถเข้ามาข้อที่ควรรู้ดี ๆ ได้ในบทความนี้เลย

 

ภาวะมีบุตรยาก (Infertility) หมายถึง ภาวะที่คู่สมรสที่มีเพศสัมพันธ์อย่างสม่ำเสมอโดยไม่ใช้การป้องกันเป็นเวลา 1 ปีขึ้นไป แต่ยังไม่ตั้งครรภ์ ภาวะมีบุตรยากสามารถเกิดขึ้นได้จากทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิง โดยในผู้หญิงนั้น สาเหตุที่พบได้บ่อย ได้แก่

 

  • ปัญหาการตกไข่ พบได้ประมาณ 25% ของคู่สมรสที่มีบุตรยาก สาเหตุของปัญหาการตกไข่ ได้แก่ ภาวะไข่ไม่ตก (Anovulation) ภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ (Polycystic Ovary Syndrome, PCOS) ภาวะขาดฮอร์โมนกระตุ้นการตกไข่ (Luteal Phase Defect) เป็นต้น
  • ปัญหาท่อนำไข่ พบได้ประมาณ 25% ของคู่สมรสที่มีบุตรยาก สาเหตุของปัญหาท่อนำไข่ ได้แก่ ท่อนำไข่ตีบตัน ท่อนำไข่อุดตัน หรือท่อนำไข่อักเสบ เป็นต้น
  • ปัญหามดลูก พบได้ประมาณ 15% ของคู่สมรสที่มีบุตรยาก สาเหตุของปัญหามดลูก ได้แก่ มดลูกมีรูปร่างผิดปกติ เนื้องอกในโพรงมดลูก ติ่งเนื้อในโพรงมดลูก พังผืดในโพรงมดลูก เป็นต้น
  • ปัญหาด้านภูมิคุ้มกัน พบได้ประมาณ 5% ของคู่สมรสที่มีบุตรยาก สาเหตุของปัญหาด้านภูมิคุ้มกัน ได้แก่ ร่างกายผลิตแอนติบอดีต่อตัวอ่อน เป็นต้น
  • ปัญหาอื่นๆ พบได้ประมาณ 20% ของคู่สมรสที่มีบุตรยาก สาเหตุอื่นๆ ได้แก่ ปัญหาเกี่ยวกับอสุจิของคู่สมรส ปัญหาสุขภาพอื่นๆ เช่น โรคเบาหวาน โรคไทรอยด์ เป็นต้น

 

การตรวจภาวะมีบุตรยากในผู้หญิงนั้น แพทย์จะทำการซักประวัติและตรวจร่างกายอย่างละเอียด เพื่อหาสาเหตุที่อาจทำให้เกิดภาวะมีบุตรยาก จากนั้นจะทำการตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติมตามความจำเป็น

 

บริการตรวจภาวะมีบุตรยากในผู้หญิง

  1. การตรวจการตกไข่ แพทย์จะตรวจปัสสาวะเพื่อหาฮอร์โมนไข่ตก (LH Surge) หรือตรวจคลื่นเสียงความถี่สูง (Ultrasound) เพื่อดูการเจริญเติบโตของถุงน้ำรังไข่
  2. การตรวจระดับฮอร์โมน แพทย์จะตรวจระดับฮอร์โมนที่ควบคุมระบบสืบพันธุ์ เช่น ฮอร์โมนกระตุ้นการตกไข่ (FSH) ฮอร์โมนลูทีไนซิง (LH) ฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone) เป็นต้น
  3. การตรวจอัลตราซาวด์ แพทย์จะตรวจอัลตราซาวด์บริเวณโพรงมดลูกและรังไข่ เพื่อดูความผิดปกติของมดลูก รังไข่ และท่อนำไข่
  4. การส่องกล้องตรวจโพรงมดลูก แพทย์จะสอดกล้องขนาดเล็กเข้าไปในโพรงมดลูก เพื่อดูความผิดปกติของโพรงมดลูกและท่อนำไข่
  5. การตรวจทางห้องปฏิบัติการ แพทย์อาจตรวจทางห้องปฏิบัติการเพิ่มเติม เช่น การตรวจน้ำอสุจิ การตรวจโครโมโซม เป็นต้น

 

การตรวจภาวะมีบุตรยากในผู้หญิง จะใช้เวลาประมาณ 1-2 วัน ผลการตรวจวินิจฉัยจะใช้เวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์ เมื่อทราบผลการตรวจวินิจฉัยแล้ว แพทย์จะวางแผนการรักษาที่เหมาะสมต่อไป

 

แนวทางการรักษา

  • การรักษาด้วยยา แพทย์อาจใช้ยากระตุ้นการตกไข่ ยาปรับฮอร์โมน หรือยาอื่นๆ เพื่อช่วยให้เกิดการตกไข่และเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์
  • การผ่าตัด แพทย์อาจผ่าตัดเพื่อแก้ไขความผิดปกติของมดลูก รังไข่ หรือท่อนำไข่
  • เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ แพทย์อาจใช้เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ เช่น การฉีดเชื้ออสุจิเข้าโพรงมดลูก (IUI) หรือการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) เป็นต้น

 

ภาวะมีบุตรยากเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในคู่สมรสในปัจจุบัน กการตรวจภาวะมีบุตรยากในผู้หญิง มีความสำคัญในการหาสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะมีบุตรยาก เพื่อให้สามารถวางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสมและเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์

 

.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X