|
บันทึกประจำวันของ ชูก้า (Suga) วง บีทีเอส (BTS) ที่เขาเคยโพสไว้บนทวิตเตอร์เมื่อปี 2016 ถูกนำมาพูดถึงอีกครั้งบน Weverse และข้อความเหล่านั้นประทับใจแฟนคลับ เขาบอกว่าเขาเขียนเรื่องราวเหล่านี้ ในช่วงหยุดพักของตัวเอง และอยากถ่ายทอดความทรงจำนี้ในฐานะของ มินยุนกิ ไม่ใช่ชูก้า ลองไปอ่านข้อความของเขากัน:
“สวัสดีครับ ชูก้านะครับ หลายคนคงสงสัยว่าผมทำอะไรบ้างในช่วงวันหยุด เอาแบบสั้นนะครับ ผมเดิน, นอน, แล้วก็คิดนู่นนี่มากมาย เป็นความคิดที่ผมต้องจัดการก่อนที่จะเริ่มงาน mixtape ของผม ผมเลยออกเดินทาง แล้วก็มีที่ที่ผมต้องไปด้วยเช่นกัน”
“ผมอยากทำอะไรซักอย่างที่มินยุนกิในวัย 24 สามารถทำได้ ไม่ใช่ในฐานะชูก้าวัย 24 ปี มันเป็นช่วงเวลาที่ผมได้อยู่กับตัวเอง และเรื่องที่ผมอยากเล่าก็เป็นเรื่องที่คนคนหนึ่งอยากเล่าให้คนอื่นฟัง ไม่ใช่ในฐานะศิลปิน แฟนคลับ หรือ บีทีเอส และอาร์มี่”
“ผมรู้สึกเศร้าเมื่อได้ตระหนักถึงความจริงที่ว่าผมไม่สามารถปฏิบัติต่อทุกคนได้อย่างเท่าเทียม ผมไม่อยากทำร้ายใคร แต่ผมก็ยังทำไม่ได้ ผมคิดว่าผมยังเป็นคนที่ไม่พร้อม”
“ผมนอนหลับไม่สนิทตั้งแต่คอนเสิร์ตที่โกเบวันที่ 2 อาจเป็นเพราะว่าผมได้ทำร้ายคนหลายคน…ผมตื่นขึ้นมาพร้อมเหงื่อที่เย็นยะเยือกเสมอ”
“เพราะว่าผมเคยไม่สามารถขึ้นแสดงได้และทำให้แฟนคลับหลายคนผิดหวัง ผมเลยพยายามที่จะขึ้นเวที โดยคิดว่าอะไรจะเกิดก็ปล่อยให้มันเกิด หลายคนพยายามจะหยุดผม ผมร้องไห้หนักมากเพราะผมไม่สามารถขึ้นแสดงได้ แต่การร้องไห้หมายถึงการยอมแพ้”
“ถ้าแค่ผมเสียใจคนเดียวคงไม่เป็นไร แต่เมื่อไหร่ที่เห็นคนอื่นที่รักผมเสียใจด้วยมันจะกลายเป็นเรื่องยาก ผมไม่อยากเห็นความเศร้าของคนที่รักผม ถ้าผมย้อนเวลาไปได้ ผมจะขึ้นเวทีไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น”
“โกเบ คือที่ที่ผมต้องไป ระหว่างช่วงพักร้อน ผมไปที่นั่น หลายคนพยายามหยุดไม่ให้ผมไป แต่ผมคิดว่าผมคงไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้ถ้าไม่ไป ผมเลยเดินทางไปยังโกเบ”
“นี่เป็นครั้งที่ 2 ที่ผมมายังสถานที่จัดคอนเสิร์ต หลังแสดงคอนเสิร์ตเสร็จ ครั้งแรกตอนคอนเสิร์ต Red Bullet ที่ Ax Hall และเวทีที่ 2 ที่ผมไม่สามารถขึ้นแสดงได้ Kobe World Hall”
“ผมไม่อยากเศร้าซึม ผมไม่อยากรับเอาความรักและคำชมจากแฟนคลับที่มอบให้ ผมเลยต้องมาที่นี่เพราะผมไม่อยากรู้สึกแบบนั้น”
“ผมรักการได้แสดงบนเวที จนถึงทุกวันนี้ก็ยังรัก ผมรักมันมาตั้งแต่อายุ 17 ถึงแม้ตอนนั้นจะมีผู้ชมแค่ 2 คนก็ตาม ผมสามารถมองเห็นสายตาของทั้งคู่ และมันยืนยันสิ่งที่ผมกำลังทำอยู่ แต่หลังจากเดบิวต์ ผมรู้สึกไม่เหมือนเดิม ผมไม่รู้สึกว่าตัวเองเป็นศิลปิน อาจเป็นเพราะผมรู้สึกว่าผมยังขาดความสามารถในหลายด้าน”
“ในคอนเสิร์ต HYYH วันแรก ผมสามารถมองดูผู้ชมด้วยความมั่นใจได้”
“แต่หลังจากไม่สามารถขึ้นแสดงบนเวทีคอนเสิร์ตที่โกเบในวันที่ 2 ผมไม่สามารถมองตาทุกคนได้อีก นี่คือเหตุผมที่ผมมาโกเบอีกครั้ง เดินไปรอบๆสถานที่จัดคอนเสิร์ต จนกว่าจะถึงเวลาที่คอนเสิร์ตเริ่มขึ้น”
“ผมอยากจะรับรู้ความรู้สึกของพวกคุณตอนที่รอชมคอนเสิร์ตของพวกเรา ตั้งแต่บูธขายตั๋ว จนไปถึงทุกที่นั่งในคอนเสิร์ต ผมรับรู้ถึงความรู้สึกที่หลากหลาย มีความสุข ตื่นเต้น เศร้า โกรธ ผิดหวัง ขณะที่คุณเฝ้ารอคอนเสิร์ต ผมอยากจะเข้าใจ และผมเข้าใจแล้ว และนั่นทำให้ผมรู้สึกผิดและอยากขอโทษที่ไม่สามารถเป็นคนที่สมบูรณ์แบบได้”
“อีกครั้งที่ผมรู้สึกว่าตัวเองบกพร่องเพียงใด ผมคือคนที่ทำตัวเหมือนเข้มแข็งแต่กลับอ่อนแอ ถึงแม้ผมจะไม่นับถือศาสนาอะไร แต่ผมก็อธิษฐานตอนที่อยู่ที่นั่น ผมรู้ว่าซักวันมันจะผ่านไป แต่ผมหวังว่าผมจะไม่มีวันลืมความรู้สึกนี้”
“จากคนที่ชอบอยู่คนเดียว พวกคุณกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผม ทั้งอายุ, เพศ, เชื้อชาติ, ศาสนา, ภาษา ไม่สำคัญกับผมเลย ตารางของรายการเพลงถูกกำหนดมาแบบไม่ทันตั้งตัว ผมเลยต้องกลับก่อนแผนเดิมที่วางไว้”
“ผมสามารถจัดการความคิดของตัวเองได้หลายอย่างก่อนจะกลับบ้าน ผมรู้ตัวเองอีกครั้งว่าผมได้รับการดูแลที่ดีแค่ไหน และควรจะขอบคุณทุกช่วงเวลาในชีวิต ขอบคุณอาร์มี่ที่ทำให้ผมกลายเป็นคนที่มีความสุข ผมรู้ว่าผมไม่ได้เปิดเผยตัวเองมากเท่าไหร่”
“ผมเขียนข้อความนี้เพื่อถ่ายทอดความรู้สึกของตัวเอง ผมจะใช้ชีวิตด้วยความรู้สึกขอบคุณ เพราะผมคือคนที่ไม่สมบูรณ์แบบ รักนะครับอาร์มี่”
อาร์มี่สามารถสัมผัสได้ถึงความจริงใจของชูก้าผ่านข้อความเหล่านี้ และช่วยทำให้เราเข้าใจเขามากขึ้น รวมถึงประทับใจในความตั้งใจของเขาที่จะสร้างผลงานที่ดีที่สุดให้กับแฟนคลับ