ขอขอบคุณภาพประกอบจาก images.visititaly.com , travely.biz

ผู้คนทั่วอิตาลีแห่เข้าร่วมเทศกาลประเพณีปาส้ม 2012 เพื่อสัมผัสประสบการณ์การถูกส้มปาใส่หน้าอย่างสนุกสนาน

เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ เว็บไซต์เดลิเมลของอังกฤษ รายงานว่า ชาวอิตาเลียนกว่าครึ่งหมื่นแห่เข้าร่วมเทศกาลประเพณีปาส้มประจำปี 2012 ที่จัดขึ้นในเมืองอีฟเรีย แคว้นพีดมอนต์ ทางตอนเหนือของอิตาลี ท่ามกลางบรรยากาศงานที่เป็นไปด้วยความสนุกสนานครึกครื้น

โดยเทศกาลดังกล่าวเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่วันที่ 19 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทางเมืองอีฟเรียได้สั่งส้มกว่า 57,000 ลัง ที่มีน้ำหนักรวมแล้วกว่า 400 ตัน มาใช้สำหรับการขว้างปาใส่กันตามประเพณีนี้ จากนั้นก็จะให้อาสาสมัครสวมชุดทหารนวมและหน้ากากป้องกันขึ้นไปยืนเรียงแถวอยู่บนรถม้าบรรทุกส้ม เมื่อรถม้าเคลื่อนไป อาสาสมัครในชุดทหารก็จะเริ่มเปิดฉากปาส้มใส่ผู้คนที่ยืนรายล้อมอยู่ตามถนน จากนั้นสงครามส้มก็เริ่มตึ้นขึ้น เมื่อผู้คนที่อยู่ด้านล่างต่างหยิบส้มคนละผลสองผลขว้างปากลับไปยังทหารอาสาสมัครบนรถม้าตลอดระยะทางที่รถม้าเคลื่อนไป

ส่วนจุดกำเนิดของประเพณีนั้น ยังไม่มีใครทราบแน่ชัด แต่มีการสันนิษฐานว่าอาจมาจาก 2 กรณี กรณีแรกคือ มาจากการที่ประชาชนขว้างอาหารเน่าเสียที่ขุนนางนำมาแจกจ่ายให้ใส่บรรดาขุนนางเหล่านั้นเพื่อระบายความโกรธแค้น และอีกกรณีหนึ่งที่ถูกเล่าต่อกันมาอย่างกว้างขวางก็คือ เมื่อราวคริสต์ศตวรรษที่ 12 มีเจ้าเมืองชื่อว่าท่านเค้าท์ราเนรี ชอบข่มเหงชาวเมืองด้วยการลักพาตัวหญิงที่กำลังจะแต่งงานไปข่มขืนเป็นภรรยาของตน และวันหนึ่งท่านเค้าท์ก็ได้ไปลักพาตัวลูกสาวเจ้าของโรงโม่นามว่า ไวโอเล็ตต้า แต่ปรากฎว่าไม่สำเร็จ เพราะไวโอเล็ตต้าต่อสู้กับท่านเค้าท์และสุดท้ายเธอก็สามารถตัดศีรษะท่านเค้าท์มาประจานได้ เป็นที่น่ายินดีของชาวเมืองเป็นอย่างยิ่ง ส่วนทางทหารของท่านเค้าท์ เมื่อรู้ข่าวจึงรีบไปจับตัวไวโอเล็ตต้าทันที แต่ก็ไม่สำเร็จเช่นกันเพราะถูกชาวเมืองช่วยกันปาหินใส่ทหารเหล่านั้น หลังจากนั้นมา ประเพณีปาส้มใส่ทหารก็ถูกจัดขึ้นเพื่อระลึกถึงความกล้าหาญของไวโอเล็ตต้า ที่นำอิสรภาพมาสู่ชาวเมืองนั่นเอง

ทั้งนี้ ประเพณีนี้จะจัดขึ้นทั้งหมด 3 วัน และตลอด 3 วันนี้ก็ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ก็มีผู้บาดเจ็บจากการละเล่นแบบนี้ไม่น้อยเช่นกัน เช่น การมีแผลฟกช้ำจากการถูกผลส้มปาใส่ หรือบางคนก็ถึงกับเลือดตกยางออกเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม ผู้จัดงานก็ได้อธิบายว่า การจัดงานทุกครั้งจะมีการเตรียมทีมงานปฐมพยาบาลไว้รองรับอยู่แล้ว แต่ที่ผ่านมาไม่เคยมีใครบาดเจ็บสาหัสเลย มิหนำซ้ำบางคนยังมองว่ารอยฟกช้ำดำเขียวที่ได้จากการต่อสู้นี้มันน่าภาคภูมิใจอีกด้วย และอาสาสมัครที่อยู่บนรถม้าแต่ละคนจะเข้าร่วมศึกเพียงวันเดียวเท่านั้น เพราะหลังจากการถูกปาส้มเข้าใส่ทั้งวัน พวกเขาอาจบอบช้ำไม่มากก็น้อย ส่วนผู้ที่สนใจอยากเข้าร่วมชม แต่ไม่อยากเจ็บตัวก็สามารถสวมหมวกสีแดงเอาไว้เพื่อเป็นสัญลักษณ์ให้ผู้คนเข้าใจว่าพวกเขาอยู่ที่นี่ในฐานะผู้ชมเท่านั้น ไม่ต้องการร่วมสงครามปาส้มแต่อย่างใด

ข้อมูลจากกระปุกดอดคอม