ชอนซูยอน เกิดวันที่ 15 สิงหาคม 1981 หรือเป็นที่รู้จักจากชื่อในวงการว่าซงจีฮโย เป็นนักแสดงและนางแบบชาวเกาหลีใต้ เธอเป็นหนึ่งในสมาชิกดั้งเดิมของรายการวาไรตี้อย่าง Running Man ตั้งแต่ปี 2010 ทำให้เธอเป็นที่รู้จักในต่างประเทศ ซงจีฮโยเป็นนางแบบถ่ายหน้าปกนิตยสาร Kiki ก่อนที่จะเริ่มแสดงในภาพยนตร์ Wishing Stairs (2003) ซึ่งเป็นภาค 3 ของซีรีส์ภาพยนตร์ Whispering Corridors เธอมีผลงานทางโทรทัศน์ครั้งแรกในซีรีส์โรแมนติกคอมเมดี้เรื่อง Princess Hours (2006) และซีรีส์อิงประวัติศาสตร์เรื่อง Jumong (2006) ต่อมาซงจีฮโยได้รับการยอมรับอย่างมากจากบทของเธอในภาพยนตร์เรื่อง A Frozen Flower (2008), New World (2013), ซีรีส์เรื่อง Emergency Couple (2014) และ Was It Love? (2020) และภาพยนตร์เรื่องแรกของเธอที่ฉายหลัง COVID-19 ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2020 ในเกาหลีใต้ เรื่อง Intruder (2020) ได้รับกระแสตอบรับเชิงบวกจากผู้ชมแม้จะฉายในช่วงที่มีการระบาดของ COVID-19 ก็ตาม
คลิก!!! |
ชีวิตช่วงต้น
ซงจีฮโยมีชื่อตอนเกิดว่าชอนซงอิม เกิดวันที่ 15 สิงหาคม 1981 ที่โพฮัง, คยองซังเหนือ แม่ของเธอเป็นนักกีฬาว่ายน้ำทีมชาติ เธอมีน้องสาวและน้องชายชื่อชอนซองมุนซึ่งเป็นนักแสดงเช่นกัน ซงจีฮโยอยากเป็นนักแสดงในช่วงม.ปลายหลังจากชมการแสดงของพัคชินยังในปี 1998 จากภาพยนตร์เรื่อง Promise เธอจบการศึกษาสาขาการบัญชีภาษีจากมหาลัยคยองมุน (ปัจจุบันคือมหาลัยกุกเจ) ก่อนเข้าสู่วงการการแสดง ซงจีฮโยถูกแคสในขณะที่ทำงาน part-time อยู่ในร้านกาแฟ
เส้นทางอาชีพ
2001–2005: เริ่มต้นอาชีพ
ก่อนจะเดบิวท์เป็นนักแสดง ซงจีฮโยเคยเป็นนางแบบให้กับนิตยสาร Kiki เธอเลือกชื่อ “ซงจีฮโย” เป็นชื่อในวงการเพราะได้แรงบันดาลใจจากนักแสดงชื่อดัง 2 คนอย่างซงซึงฮอนและซงฮเยคโย พระนางจากเรื่อง Autumn in My Heart หลังจากนั้น ซงจีฮโยก็แสดง mv ขชอของอีซูยองเพลง “And I Love You” และ”Just Say Goodbye” ของ JTL นอกจากนี้ เธอยังปรากฏตัวในซีรีส์ทางโทรทัศน์เรื่อง Age of Innocence อีกด้วย
ซงจีฮโยเดบิวท์ในผลงานภาพยนตร์อย่าง Wishing Stairs (2003) ซึ่งเป็นภาคที่ 3 ของซีรีส์ภาพยนตร์สยองขวัญเรื่อง Whispering Corridors หลังจากเอาชนะนักแสดงกว่า 3,000 คนในการออดิชั่น จากนั้นเธอก็ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนักแสดงหน้าใหม่ยอดเยี่ยมงาน Blue Dragon Film Awards ครั้งที่ 24 จากภาพยนตร์เรื่องนี้ นอกจากนี้เธอยังแสดงนำในภาพยนตร์อาชญากรรมระทึกขวัญเรื่อง Some (2004) รับบทเป็นนักข่าว
2006–2009: ชื่อเสียงที่เพิ่มขึ้น
ซงจีฮโยเดบิวท์ทางจอแก้วในซีรีส์โรแมนติกคอมเมดี้เรื่อง Princess Hours (2006) รับบทเป็นสาวเต้นบัลเล่ต์ที่ฝันอยากจะทำอาชีพนี้ ซีรีส์เรื่องนี้ได้รับความนิยมทั่วเอเชียและเป็นส่วนหนึ่งของกระแส Korean wave ในปีเดียวกัน เธอรับบทเป็น Lady Ye So-ya ภรรยาคนแรกของจูมงและแม่ของกษัตริย์ยูริในซีรีส์ประวัติศาสตร์เรื่อง Jumong (2006) ซีรีส์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จมาก มีเรตติ้งสูงสุดในบรรดาซีรีส์เกาหลีทั้งหมดที่ออกอากาศในปี 2006 ซงจีฮโยได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นและได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนักแสดงหน้าใหม่ยอดเยี่ยมประเภทโทรทัศน์ในงาน Baeksang Arts Awards ครั้งที่ 43
ปีถัดมา ซงจีฮโยรับบทเป็นแชมป์ว่ายน้ำที่มีอดีตอันเจ็บปวดในภาพยนตร์คอมเมดี้เรื่อง Sex Is Zero 2 (2007) ภาคต่อของ Sex Is Zero (2002) ประกบอิมชางจอง เธอได้เป็น mc รายการเพลงอย่าง Inkigayo ของช่อง SBS กับฮีชอลวง Super Junior ตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายน 2007-4 พฤษภาคม 2008 จากนั้น ซงจีฮโยได้รับบทเป็นราชินีในภาพยนตร์เรื่อง A Frozen Flower (2008) กำกับโดยยูฮา แสดงร่วมกับโจอินซองและจูจินโม ภาพยนตร์เรื่องนี้กลายเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดเรื่องหนึ่งในปี 2008 และทำให้ซงจีฮโยเป็นที่รู้จักมากขึ้น ต่อมาเธอได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องนี้และฉากเปลือยของเธอว่า “ตอนฉันตัดสินใจถ่ายภาพยนตร์เรื่องนี้ การต้องเปลือยไม่ใช่ประเด็นหลัก ฉันต้องโป๊แค่ไหนยังไงมันไม่สำคัญเลยค่ะ ฉันคิดว่าถ้าไม่มีฉากนั้น การถ่ายทอดอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างละเอียดอ่อนก็คงเป็นเรื่องยาก สิ่งที่สำคัญสำหรับฉันในเวลานั้นคือการแสดงออกทางสีหน้านอกเหนือจากท่าทางที่ผู้กำกับต้องการให้ฉันถ่ายทอดออกมาค่ะ”