เกาหลีใต้…ดินแดนที่มีวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน มีสถานที่ที่ให้ได้เรียนรู้วัฒนธรรมอย่างวัดเก่า หมู่บ้านโบราณ ตลอดจนศูนย์การค้าหรูหราระดับโลก อีกทั้งยังเต็มไปด้วยเอกลักษณ์มากมาย วันนี้เราเลยจะพาตามบันทึกการเดินทางของ คุณ noey222001 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ไปสอดส่องกรุงโซลเมืองหลวงของแดนกิมจิกันค่ะ เผื่อใครอยากเก็บกระเป๋าแล้วไปเที่ยวลั้ลลาตามรอยกันบ้าง
คลิก!!! |
เริ่มจากเพื่อนที่ทำงาน ถามว่า ? "แกมีเพื่อนอยู่เกาหลีปะ ?" ให้เพื่อนจองตั๋วคอนเสิร์ต Big Bang ให้หน่อยได้ไหม อยากไปดูจริง ๆ คนเกาหลีเท่านั้นถึงจะจองได้ หลังจากเจรจาให้เพื่อนที่เกาหลี จองตั๋ว Big Bang เป็นที่เรียบร้อย ก็น่าจะเสร็จธุระแล้วสินะ อยู่ดี ๆ ถามตัวเอง ยังไม่เคยไปเกาหลีใช่ไหม อย่างน้อยก็มีเพื่อนไป…โอเคไป (คุยกับตัวเอง)
ขอไม่พูดถึงการจองตั๋วหรือการจองโรงแรมนะคะ เพราะหลาย ๆ ค่ายมีโปรโมชั่นให้เลือกมากมาย โรงแรมที่เกาหลีราคาไม่แตกต่างกันมากนัก เลือกที่ใกล้ Subway ก็สบาย ๆ ค่ะ ก่อนเดินทางก็วางแผนคร่าว ๆ ว่า อยากไปทำอะไร ? ที่ไหน ? ข้อมูลส่วนใหญ่จะมาจาก Pantip และ Pinterest ค่ะ
ทำเป็น Hand Book ท่องเที่ยวด้วยตัวเอง
ขอโทษนะคะรูปเล็กไปหน่อย T_T หน้าแรก จะเป็นเรื่อง Flight เที่ยวบิน/Hotel/สิ่งที่ต้องเตรียมไป (เสื้อผ้าและสิ่งของจำเป็น) พร้อมรายละเอียดเรื่องของอากาศ weather.com
หน้า 2 สิ่งที่ต้องเตรียมและหาเมื่อไปถึงเกาหลี เช่น MAP แผนที่/เงิน WON/T-Money -เป็นบัตรเงินสดของเกาหลีค่ะ ใช้ขึ้นรถไฟ รถบัส และซื้อสินค้าในร้านสะดวกซื้อได้ทุกที ซื้อได้ที่ 7-11 และร้าน G25 ที่สนามบินได้เลยค่ะ ค่าบัตรราคา 2,500 WON เติมสัก 10,000 WON ก็ขึ้นลงรถไฟได้หลายรอบค่ะ
หน้า 3 สิ่งที่ขาดไม่ได้ระหว่างการเดินทาง เช่น กล้อง/Wi-Fi (หาเช่าได้ที่สนามบินเกาหลีค่ะ ราคาขึ้นอยู่กับเราเช่ากี่วัน เริ่มต้นตั้งแต่วันละ 300 บาทไทยค่ะ) และหนังสือแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในเกาหลี
ต่อไปก็กำหนดสิ่งที่อยากทำ อยากไป
กำหนดว่าอยากไปที่วัง Changdeokgung กับ Hanok เป็นวันแรก
วันที่ 2 ไปที่วัง Gyeongbokgung กับ DDP
ต้องทาน Bingsu กับนมกล้วยให้ได้
เสื้อผ้าที่ต้องเตรียมให้เหมาะกับอากาศ
วันแรกไปถึงเกาหลีเวลา 09.50 น. ช่วงเช้า จากสนามบิน Inchon เข้าตัวเมืองโซลโดยรถ Airport Bus ราคา 10,000 WON รถจอดหน้าที่พักเลยค่ะ สะดวกมาก พวกเราเช็กอินที่โรงแรมเรียบร้อยก็ออกไปต่อที่พระราชวัง Changdeokgung ที่นี่มีไกด์ค่อยช่วยเหลือ บอกประวัติของวังเป็นภาษาอังกฤษ ช่วงเดือนเมษายนที่วังเปิดให้เข้าชมสวนลับ สวนสวยและใหญ่มากค่ะ
จากนั้นพวกเราก็เดินทางต่อไป Bukchon Hanok Village แหล่งท่องเที่ยวที่บ่งบอกถึงวัฒนธรรมเกาหลีได้เป็นอย่างดี ทั้งบรรยากาศและสถานที่ ทำให้เราเดินกันหลายชั่วโมงไม่มีเหนื่อย
วันแรกจบลงที่ร้านหมูย่างเกาหลี หมูสามชั้น เสิร์ฟพร้อมไข่กระทะในย่าน Honddae พนักงานในร้านนี้ล่ำ ๆ เกือบทั้งร้านค่ะ พวกเราเรียกหาเมนูกันนาทีต่อนาทีเลยทีเดียว 5555
วันที่ 2 เราเริ่มด้วยนมกล้วยและกาแฟ ต่อด้วยทานอาหารร้าน Yeolbong Jjimdak ในย่าน Hongdae เจ้าของร้าน คือ นักร้องวง Se7en ที่ร้องเพลง Come Back to Me พวกเราสั่งไก่เผ็ดอบชีสจานใหญ่ขนาดทานได้ 4 ที่ ไก่เนื้อนิ่มพร้อมหลุดออกจากกระดูกง่ายดาย ชีสกับความเผ็ดก็ลงตัว โดยรวมดีค่ะ แนะนำ ๆ เขามีหลายสาขาให้เลือกนะคะ แล้วแต่เราอยู่ละแวกไหน
หลังจากนั้นพวกเราก็ไปต่อกันที่พระราชวัง Gyeongbokgung นักท่องเที่ยวเยอะมากค่ะ ทำให้เราไม่ค่อยได้ซึมซับบรรยากาศรอบ ๆ มากสักเท่าไร พวกเราตะลึงกับพระราชวังกลางน้ำ สระน้ำที่ล้อมรอบพระราชวังมีลักษณะคล้ายสระมรกต เขาดูแลสถานที่กันดีมากค่ะ สระมรกตสีตัดกับพระราชวัง เข้ากันอย่างงดงาม ที่นี่เปิดให้เข้าชมพระราชวังตอนกลางคืนด้วยนะคะ แต่บัตรหมดเร็วมาก ๆ
วันนี้จบลงที่ Dongdaemun Design Plaza (DDP) ที่นี่ได้รับการออกแบบโดยสถาปนิกชาวอังกฤษ Mr.Zaza Hadid ตั้งอยู่บนถนน Dongdaemun ตัวตึกแบ่งออกเป็น 5 ส่วน
1. Art Hall
2. Museum
3. Design Lab
4. Design Market
5. Dongdaemun Design Plaza
ประวัติ พร้อมแสดงวิถีวัฒนธรรมเกาหลี ใช้เวลาสร้างเกือบ 4 ปี ด้วยงบประมาณมหาศาล บรรยากาศและสถาปัตยกรรมที่น่าสนใจยิ่งใหญ่ ทำให้ใช้เวลาไปกับที่นี่ค่อนข้างนาน เย็น ๆ คู่รักในเกาหลีจะมานั่งชมบรรยากาศของสถานที่ พร้อมมีนักร้องเปิดหมวกค่อยขับกล่อมดนตรี ทำให้เป็นสถานที่โรแมนติกที่หนึ่งในเกาหลีเลยค่ะ
จริง ๆ ต้องนับสถานที่นี่เป็นระหว่างวันที่ 2 กับ 3 นะคะ เพราะไปถึงตั้งแต่สามทุ่มออกมาเกือบหกโมงเช้า ผับค่ะ ชื่อ Cocoon อยู่ในย่านฮงแด ที่นี่ผู้ชายเที่ยวประมาณ 70% เมื่อเทียบกับจำนวนผู้หญิง ผู้ชายเกาหลีในผับนี้มือปลาหมึกกันมากเลยค่ะ จับเอว จับผม จับมือ จับทุกอย่างแถบไม่ทันตั้งตัว เปิดเพลงแนว EDM ผับเกาหลีจะไม่มีโต๊ะให้วางเหล้านะคะ มีแต่ลานกว้างไว้ให้ได้เต้นกัน เรื่องการแต่งตัวเข้าผับต่างจากไทยเล็ก ๆ ค่ะ เขาจะไม่แต่งตัวกันมากนัก โดยรวมสนุกค่ะ ค่าเข้าผับ 15,000 WON ได้ฟรี Drink 1 ขวดค่ะ ค่าฝากของ 4,000 WON
วันที่ 3 หลังสร่างความสนุกจาก Cocoon ก็เริ่มด้วยการเดินตามให้ "น้ำแข็งไส" สไตล์เกาหลี ที่เกาหลีเรียกว่า บิงซู Bingsu อร่อยมากค่ะ เสิร์ฟพร้อมผลไม้สดตามฤดูกาล ร้านที่ได้รับความนิยมมากชื่อ ร้าน Subing ค่ะ มีสาขาเกือบทุกย่านในเกาหลี ต่อด้วยเบเกอรี่ที่ร้าน Paris Baguette Bakery Café และ Paris Croissant สุดท้ายก็เป็นภารกิจเดินหาของฝากกัน พวกขนม บราวนี่ เครื่องสำอางต่าง ๆ มาสก์หน้า ผลิตภัณฑ์ธรรมชาติมีให้เลือกตามชอบเลยค่ะ
จากนั้นพวกเราต้องเดินทางไปดูคอนเสิร์ต Big Bang พวกเราออกจากตัวเมืองโซลตั้งแต่บ่าย 2 ค่ะ เนื่องจาก Stadium ค่อนข้างห่างออกไป บรรยากาศคอนเสิร์ตคนเยอะมากจริง ๆ ค่ะ เจ้าของกระทู้หลังจบคอนเสิร์ตนี้เลยกลายเป็นติ่ง Big Bang ตามเพื่อน ๆ ร่วมทริปไปโดยปริยาย แต่นักร้องมีความสามารถน่าติดตามผลงานจริง ๆ ค่ะ ในคอนเสิร์ตห้ามถ่ายรูปและอัด VDO โดยเด็ดขาด หากจับว่าถ่ายภาพหรืออัดVDO การ์ดจะเข้ามาล็อกตัวเราออกไป พร้อมลบภาพถ่ายในคอนเสิร์ตทั้งหมดในโทรศัพท์เราค่ะ น่ากลัวมากจริง ๆ เรียกว่าดูทุกรูขุมขนโทรศัพท์เราเลยทีเดียว
สำหรับมื้อสุดท้ายที่เกาหลี พวกเราเลือกร้านไม่ไกลจากที่พักมากนัก ในวันอาทิตย์ร้านต่าง ๆ ปิดค่อนข้างเร็ว และไม่มีคนเดินมากนัก ต่างจากวันศุกร์และเสาร์ที่วัยรุ่นจะออกมาเดินช้อปปิ้ง เดินเที่ยวกัน ที่ร้านอาหารเราได้เรียนรู้วัฒนธรรมอีกหนึ่งอย่างของคนเกาหลีค่ะ เขาจะคุยกันเสียงดังมากเหมือนทะเลาะกันตลอดเวลา และทุกครั้งที่ทานอาหารไม่ว่าที่ไหน ก็จะดื่มโซจูกันแทนน้ำเลยค่ะ
*** ที่เกาหลีน้ำเปล่าเสิร์ฟฟรีทุกร้านเลยค่ะ
ทริปนี้เป็นทริปสั้น ๆ ค่ะ และครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เขียนรีวิว หากมีอะไรผิดพลาดต้อง ขออภัย มา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
https://www.facebook.com/cheesegoingtoseetheworld?ref=hl ตามไปดู Page ที่นี่ได้นะคะ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ noey222001 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
ที่มา: http://travel.kapook.com/view118460.html
ขอขอบคุณที่มา http://www.postjung.com/