คลิก!!! |
ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งกับ 2 พี่น้อง "ต้าเอส" และ"เสี่ยวเอส" ที่ต้องสูญเสียคุณพ่อสุดที่รักไปอย่างไม่มีวันกลับ ด้วยโรคร้ายอย่างมะเร็งตับไปเมื่อบ่ายวันที่ 23 ตุลาคมที่ผ่านมาด้วยวัยเพียง 59 ปีเท่านั้น
ถึงแม้ว่าอันที่จริงแล้วพ่อและแม่ของทั้งสองจะหย่าร้างกันมาเป็นเวลานานแล้ว และลูกๆทุกคนจะอยู่ในความดูแลของมารดาแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้นมาตลอด แต่ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อ-ลูกสาวก็ไม่ได้บั่นทอนลงเลย เห็นได้จากเมื่อทั้ง "เสี่ยวเอส" และ "ต้าเอส" มีข่าวดีมีในชีวิตออกเรือนแต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝา ก็จะมี "พ่อซวี่" มาเป็นผู้ใหญ่ของผ่ายหญิงในงานทุกครั้ง ซึ่งนี่เองก็พอจะยืนยันความรักและเคารพของลูกๆ ทุกคนที่ยังมีในตัวพ่อคนนี้ตลอดเสมอมา
ในวันที่เสาร์ที่ 27 ตุลาที่ผ่านมาพี่สาวคนโต "ซวี่ซีเสี่ยน , "ต้าเอส" และ "เสี่ยวเอส" แต่งกายมาในชุดสีดำไว้ทุกข์ใบหน้าไร้ซึ่งสีสันของเครื่องสำอาง และคาดผ้าคาดปากเพื่อปกปิดร่องรอยแห่งความเศร้าหมอง พร้อมทั้งเขยอีกสองคน ทุกคนมาในอาการสำรวมอย่างไม่เคยเห็นมาก่อน โดยเฉพาะ "เสี่ยวเอส" ที่ออกอาการซึมเศร้าอย่างเห็นได้ชัดเจนกว่าคนอื่น ๆ ทั้งหมดเดินทางไปยังศาสนสถานแห่งหนึ่งในเมืองไทเป เพื่อประกอบพิธีฌาปนกิจตามหลักศาสนาแบบเรียบง่ายไม่เอิกเกริก ไม่มีแขกเกลี่ยใดๆ จะมีก็เพียงเขยทั้งสองที่ร่วมอยู่ส่งพ่อตาเป็นครั้งสุดท้าย ตั้งแต่พิธีการฌาปนกิจไปจนพิธีเก็บอัฐิเถ่าอังคารด้วย เรียกว่า เขยทั้งสองได้ปฏิบัติหน้าที่ของลูกเขยและสามีแสนจะสมบูรณ์แบบที่สุด
ส่วนบรรดาสื่อต่างๆ ก็เฝ้ารอทำข่าวอย่างไม่ลดละเช่นกัน ถึงแม้ว่าในเวลานั้นคงไม่มีใครมีอารมณ์อยากให้สัมภาษณ์ใดๆทั้งสิ้น จนกระทั่งเวลาผ่านไปกว่าครึ่งค่อนวัน ทั้ง 5 ก็ออกมาจากศาสนสถาน โดยมีพี่สาวคนโตเป็นผู้ประคองโกศใส่อัฐิของคุณพ่อออกมาเพื่อขึ้นรถกลับ และถึงแม้ว่าพี่น้องทั้งสามสาวจะยังคงสวมผ้าคาดปากอยู่ แต่ก็ดูเหมือนจะไม่สามารถเศร้าเสียใจปานหัวใจสลายได้เลย
ก่อนหน้านี้ไม่นานที่ "พ่อซวี่" อาการเริ่มแย่ลงทั้ง "ต้าเอส" และ "เสี่ยวเอส" ได้พยายามเคลียร์งานที่คั่งค้างอยู่ให้เรียบร้อยให้เร็วที่สุด เพราะอยากจะใช้เวลาดังกล่าวอยู่กับพ่อให้มากที่สุดเท่าที่ลูกคนหนึ่งจะทำได้ "เสี่ยวเอส" ยังได้โพสข้อความระบายความในใจเมื่อเช้าตรู่วันที่ก่อนจะมีพิธีณาปนกิจศพคุณพ่อ เล่าถึงคำสั่งเสียครั้งสุดท้ายของพ่อว่า พ่อฝากให้ตัวเองและ "ต้าเอส" ช่วยกันดูแลคุณย่าและแม่ให้ดีที่สุด และที่สำคํญก็คือ "จงทำให้ทุกวันเวลามีแต่ความสุข ดูแลญาติผู้ใหญ่ที่เหลืออยู่ให้ดีที่สุด อย่ามัวโศกเศร้าเสียใจกับคนที่จากไป ความตายเป็นเรื่องธรรมชาติ"
cr.http://www.siamdara.com