จีจี้ (Gigi) วัย 31 ปี แฟนตัวยงของซีรีส์เกาหลีจากสหรัฐอเมริกา เผยว่าเธอหลงใหลในซีรีส์เกาหลีมายาวนานกว่า 10 ปีแล้ว ซึ่งนั่นเป็นผลมาจากเรื่องราวที่น่าสนใจและการพัฒนาตัวละครที่เข้มข้นในซีรีส์เรื่อง “Boys Over Flowers” (2009) ความสนใจในซีรีส์เกาหลีของเธอได้พัฒนาจากเรื่องราวในเทพนิยายไปสู่เรื่องราวที่สมจริงมากขึ้นในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เธอยกให้ซีรีส์เรื่อง “Queen of Tears” ของช่อง tvN เป็นตัวอย่างที่โดดเด่นของการพัฒนานี้

คลิก!!!

จีจี้ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว The Korea Times ว่า “ฉันชอบนักแสดงเรื่อง 'Queen of Tears' ทั้งสองคนอยู่แล้วค่ะ และความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนก็ชวนให้ติดตามมาก เราสามารถเห็นพลังผลักดันและความรักของพวกเขาได้ตั้งแต่ต้นค่ะ ซีรีส์เกาหลีมักจะมีตัวละครที่ซับซ้อนและไม่สามารถคาดเดาเนื้อเรื่องได้เสมอ อารมณ์ของนักแสดงดึงดูดคุณและทำให้คุณหลงใหลค่ะ ฉันเชื่อว่านี่คือสิ่งที่ทำให้ซีรีส์เกาหลีแตกต่างจากซีรีส์ตะวันตกและสร้างกลุ่มผู้ชมที่คลั่งไคล้ขึ้นมาได้ค่ะ”

“Queen of Tears” ร่วมกับ “Parasite: The Grey” และ “My Demon” ติดอันดับ 10 ซีรีส์ที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษยอดนิยมของ Netflix ในช่วงครึ่งปีแรก ซีรีส์เรื่องนี้ได้รับการตอบรับอย่างกระตือรือร้นบนโซเชียลมีเดียทั้งในเอเชียและตะวันตก โดยมีการวิจารณ์ความไม่เท่าเทียมกันทางเพศที่แฝงอยู่ในประเพณีของผู้ชายไว้ได้อย่างแยบยล

นักวิจารณ์วัฒนธรรม จองด็อกฮยอน (Jung Duk-hyun) เชื่อว่าความสำเร็จของซีรีส์เกาหลีเหล่านี้เกิดจากการมีผู้สร้างที่ทรงอิทธิพลอยู่เบื้องหลัง

“Queen of Tears” เขียนบทโดย พัคจีอึน (Park Ji-eun) นักเขียนบทชื่อดังที่โด่งดังจากผลงานฮิตอย่าง “My Love from the Star” และ “Crash Landing on You” ขณะที่ “Parasite: The Grey” กำกับโดย ยอนซังโฮ (Yeon Sang-ho) ผู้มีชื่อเสียงจากเรื่อง “Train to Busan” ส่วน “My Demon” ก็นำแสดงโดย ซงคัง (Song Kang) นักแสดงที่ได้รับความนิยมอย่างมากจากซีรีส์หลาย ๆ เรื่องของ Netflix

เขาชี้ให้เห็นว่าเรื่องนี้ยังแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในตลาดซีรีส์เกาหลี โดยหันเหออกจากเนื้อหาแนวมืดหม่นอย่างเรื่อง “Squid Game” มาเป็นแนวโรแมนติกคอมเมดี้ที่เป็นจุดเดินของซีรีส์เกาหลี ซึ่งดึงดูดผู้ชมชาวเอเชียโดยเฉพาะ

แม้จะมีข้อกังวลว่าอุตสาหกรรมเนื้อหาของเกาหลีอาจถึงจุดสูงสุดแล้ว เพราะไม่มีซีรีส์ฟอร์มยักษ์เรื่องใหม่เกิดขึ้นมาเทียบเคียงกับผลงานระดับโลกก่อนหน้าอย่าง “Parasite” และ “Squid Game” ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ได้ แต่นักวิจารณ์ด้านวัฒนธรรม คิมเฮินซิก (Kim Hern-sik) ก็กล่าวว่าซีรีส์ฮิตขนาดกลางยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในตลาดที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลักซึ่งรวมถึงเอเชีย

ตัวอย่างล่าสุดคือ “Lovely Runner” ซีรีส์โรแมนติกคอมเมดี้ทุนต่ำที่กวาดชาร์ตในแพลตฟอร์ม OTT ต่าง ๆ กว่า 130 ประเทศทั่วโลก

“ผู้ชมชาวเอเชียมักชอบเรื่องราวที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับศีลธรรมที่ละเอียดอ่อน โดยความดีและความชั่วไม่ได้เป็นเพียงสีขาวหรือดำเท่านั้น ผลงานทั้งสามเรื่องที่ติดชาร์ต Netflix ล้วนมีลักษณะร่วมกันนี้ ตัวอย่างเช่น ใน 'My Demon' ตัวร้ายไม่ใช่ตัวร้ายอย่างแท้จริง และใน 'Parasite: The Grey' ปรสิตเป็นสัญลักษณ์ของการอยู่ร่วมกัน แม้แต่ 'Queen of Tears' ก็ยังเจาะลึกถึงความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนมากกว่าความดีและความชั่วโดยตรง การเน้นที่มนุษยนิยมและชุมชนนี้ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ชมที่ไม่ได้พูดภาษาอังกฤษ ในทางตรงกันข้าม ผู้ชมชาวตะวันตกมักชอบเรื่องราวที่มีการแข่งขันกันมากกว่า เช่น 'Physical 100' เป็นต้นครับ” คิมเฮินซิก กล่าว

คิมเฮินซิก ยังชี้ให้เห็นว่าอุตสาหกรรมเนื้อหาของเกาหลีมุ่งเน้นไปที่ตลาดตะวันตกมากเกินไปในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จนละเลยจุดแข็งในเอเชีย

“(เกาหลี) ยังคงผลิตเนื้อหาที่เลียนแบบสูตรสำเร็จของเนื้อหาจากฝั่งตะวันตกอยู่เรื่อย ๆ แต่มีซีรีส์หลายเรื่อง เช่น 'The 8 Show' ซึ่งสร้างขึ้นด้วยรูปแบบที่เป็นที่นิยมและประสบความสำเร็จในโลกตะวันตกในปัจจุบัน แต่กลับได้รับความนิยมน้อยกว่า 'Squid Game' ครับ” นักวิจารณ์กล่าว

เขายังกล่าวถึงซีรีส์ย้อนยุคเรื่อง “Queen Woo” ของ Tving เป็นตัวอย่างอีกเรื่องหนึ่ง

“ผู้คนต่างพากันยกย่องซีรีส์เรื่องนี้ โดยเปรียบเทียบกับ 'Game of Thrones' แต่ผมพบว่ามันค่อนข้างเป็นการผสมผสานแนวซีรีส์ ไม่รู้สึกเหมือนซีรีส์ประวัติศาสตร์เกาหลีทั่วไป และไม่ได้สอดคล้องกับรสนิยมของฝั่งตะวันตกอย่างสมบูรณ์” เขากล่าว

นักวิจารณ์แนะนำว่าอุตสาหกรรมเนื้อหาของเกาหลีควรให้ความสำคัญกับผู้ชมชาวเอเชีย ซึ่งเป็นจุดแข็งที่แท้จริงของอุตสาหกรรมนี้ โดยการสร้างสรรค์ผลงานที่สะท้อนถึงความชอบของภูมิภาคนี้ที่มีต่อคุณธรรมและมนุษยธรรมที่ละเอียดอ่อน ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่มีมูลค่าสูงในตลาดเอเชีย

“การที่ไม่มีซีรีส์อันดับ 1 ของโลกไม่ใช่เรื่องน่าวิตกกังวล แต่เป็นโอกาสที่จะได้เฉลิมฉลองความหลากหลายของเนื้อหาในเกาหลี โดยเฉพาะอย่างยิ่งซีรีส์เมโลดราม่าที่เราชื่นชอบ 'Jewel in the Palace' เป็นตัวอย่างที่ดีว่าซีรีส์เกาหลีสามารถดึงดูดผู้ชมทั่วโลกได้อย่างไร (ด้วยองค์ประกอบดั้งเดิมของเกาหลี) ครับ” คิมเฮินซิก กล่าว

“แม้ว่าผลกำไรในระยะสั้นอาจไม่แน่นอน แต่ศักยภาพในระยะยาวของเนื้อหาภาษาเกาหลีในตลาดที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษนั้นมหาศาล มีเพียงไม่กี่ประเทศเท่านั้นที่มีความลึกซึ้งทางวัฒนธรรมและความสามารถในการเล่าเรื่องเช่นเดียวกับเราครับ” คิมเฮินซิก กล่าวปิดท้าย