วงไอดอลมักจะพบว่าตัวเองกำลังอยู่บนทางแยกเมื่อสัญญาของพวกเขากับต้นสังกัดที่กินเวลานานกว่า 7 ปี (ระยะเวลาตามมาตรฐาน) กำลังจะสิ้นสุดลง พวกเขาจะต้องเผชิญกับทางเลือกในการตัดสินใจว่าจะต่อสัญญาอีกครั้งหรือย้ายไปสังกัดเอเจนซี่อื่น อย่างไรก็ตาม ได้มีเทรนด์ใหม่เกิดขึ้นตั้งแต่ไอดอลเจนสาม
คลิก!!! |
ซึ่งเทรนด์ที่ว่าก็คือ “การก่อตั้งเอเจนซี่ขึ้นมาเป็นของตนเอง” และกำลังได้รับความนิยมในหมู่ไอดอล
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือเกิร์ลกรุ๊ปชื่อดังวง BLACKPINK ที่หลังจากที่พวกเธอได้ข้อสรุปในสัญญากับ YG Entertainment เมื่อปีที่แล้ว สมาชิกทั้งสี่คนเลือกที่จะต่อสัญญาระยะสั้นกับ YG เพียงเพื่อทำกิจกรรมในฐานะวงเท่านั้น
หลังจากนั้น เจนนี่ (Jennie) ก็ประกาศเปิดค่ายเพลงเป็นของตัวเองที่ชื่อ ODD ATELIER ในเดือนพฤศจิกายน โดยแชร์ข่าวบนโซเชียลมีเดียของเธอในเดือนธันวาคม ซึ่ง เจนนี่ ได้พูดถึงเรื่องนี้ในรายการเพลง 'The Seasons – Lee Hyori's Red Carpet' KBS 2 ที่ออกอากาศเมื่อวันที่ 5 มกราคม ว่า
“ฉันอยากจะทำกิจกรรมเดี่ยวได้อย่างมีอิสระมากขึ้นค่ะ ซึ่งนั่นกระตุ้นให้ฉันก่อตั้งบริษัทของตัวเองขึ้นมาด้วยความระมัดระวังค่ะ”
ในทำนองเดียวกัน จีซู (Jisoo) สมาชิก BLACKPINK อีกคนก็ได้เผยเป็นนัยถึงการร่วมลงทุนทางธุรกิจร่วมกับพี่ชายของเธอ
เมื่อเดือนที่แล้ว พี่ชายของ จีซู ได้ก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงด้วยการโพสต์ประกาศรับสมัครงานบนแพลตฟอร์มหางานสำหรับแบรนด์อาหารเพื่อสุขภาพสำหรับทารกที่เขาเป็นตัวแทนอยู่ ในประกาศดังกล่าวมีรูปถ่ายของ จีซู เด่นชัด บ่งบอกถึงการรุกเข้าสู่วงการบันเทิงภายใต้ชื่อ 'Blissoo' โดยคำอธิบายของบริษัทที่แนบมาด้วยได้กล่าวถึงทิศทางในการทำงานร่วมกันระหว่างศิลปินและธุรกิจสตาร์ทอัพ ความร่วมมือนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมเส้นทางอาชีพของศิลปิน และเพิ่มการมีส่วนร่วมกับแฟน ๆ K-pop
คิโน (Kino) สมาชิกวง Pentagon ได้ออกจาก Cube Entertainment และประกาศก่อตั้งเอเจนซี่ของตัวเองในชื่อ NAKED เมื่อวันที่ 15 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยชื่อ NAKED เป็นสัญลักษณ์ของการเข้าหาสาธารณชนในลักษณะที่ไร้การเสริมเติมแต่งใด ๆ ซึ่ง คิโน สัญญาว่าเขาจะทำกิจกรรมเดี่ยวให้หลากหลายมากยิ่งขึ้น
ร็อคกี้ (Rocky) อดีตสมาชิก ASTRO ก็เป็นอีกคนที่ก่อตั้งบริษัทเอเจนซี่เป็นของตัวเองในชื่อ One Fine Day Entertainment เมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว ในระหว่างงานโชว์เคสเปิดตัวผลงานเดี่ยวของเขาในเดือนพฤศจิกายน ร็อคกี้ ได้อธิบายว่า “ผมอยากทำกิจกรรมด้านดนตรีต่อไป และด้วยใจที่มุ่งไปในทิศทางนั้น ผมจึงก่อตั้งบริษัทขึ้นมาเพื่อเชื่อมต่อกับแฟน ๆ ให้เร็วที่สุดครับ”
ร็อคกี้ เสริมว่า “ด้วยประสบการณ์ของผมในฐานะเด็กฝึกหัดและนักร้อง ผมตั้งเป้าที่จะค่อย ๆ รับสมัครศิลปินคนอื่น ๆ และก่อตั้งทีม One Fine Day ขึ้นมา โดยผมสามารถจัดการได้ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นนักร้องหรือนักเต้นโดยไร้ข้อจำกัดครับ”
บางคนแย้งว่าการเข้าร่วมกับเอเจนซี่ขนาดใหญ่ได้มอบโอกาสในการเรียนรู้ที่มีคุณค่าและโอกาสในการเติบโตทางธุรกิจตลอดระยะเวลาสัญญาเจ็ดปี อย่างไรก็ตาม เมื่อใกล้ถึงเวลาต่ออายุสัญญา ก็มีคำถามเกิดขึ้นว่า เหตุใดศิลปินจึงอาจได้เปรียบกว่าในการก่อตั้งเอเจนซี่เป็นของตนเอง
ในอุตสาหกรรมบันเทิง พบว่านักร้องไอดอลก่อตั้งเอเจนซี่ขึ้นมาเองเพื่อแสดงสไตล์ดนตรีที่พวกเขาชื่นชอบอย่างชัดเจนและแสวงหาอิสระมากขึ้นในการทำกิจกรรมของพวกเขา
คนวงในชี้ให้เห็นว่าประโยชน์หลักของเอเจนซี่แบบดังกล่าวคืออิสระในการควบคุมเรื่องต่าง ๆ และเสรีภาพที่ศิลปินจะได้รับ พวกเขาจะอนุญาตให้ศิลปินจัดลำดับความสำคัญของวิสัยทัศน์และความชอบในการสร้างสรรค์งานของตนเองได้ นอกจากนี้ พวกเขายังกล่าวเสริมว่า “หากพูดในด้านการเงินแล้ว เอเจนซี่แบบคนเดียวนี้มีโครงสร้างการแบ่งผลกำไรที่ดีกว่า” ขณะที่เอเจนซี่ขนาดใหญ่อาจกำหนดแง่มุมต่าง ๆ ในอาชีพของศิลปิน รวมถึงการตัดสินใจในชีวิตส่วนตัวด้วย
อย่างไรก็ตาม เอเจนซี่แบบคนเดียวนี้ใช่ว่าจะไม่มีความท้าทายเลย เมื่อเปรียบเทียบกับบริษัทขนาดใหญ่ พวกเขามักจะขาดทรัพยากรและประสบการณ์ นอกจากนี้ เนื่องจากศิลปินเป็นผู้ควบคุมบริษัทเอง แฟน ๆ อาจไม่กล้าที่จะแสดงความเห็นวิจารณ์การทำงานหรือจัดการเรื่องต่าง ๆ ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาที่ไม่ได้รับการแก้ไขและสะสมมากขึ้นเรื่อย ๆ
คนวงในตั้งข้อสังเกตว่า “ความสามารถในการปฏิบัติงานอาจแตกต่างกันเนื่องจากการขาดแคลนบุคลากรที่เชี่ยวชาญเมื่อเปรียบเทียบกับบริษัทขนาดใหญ่ ช่องโหว่ในการบริหารความเสี่ยงก็ถือเป็นข้อเสียเปรียบที่สำคัญเช่นกัน” อย่างไรก็ตาม พวกเขาเน้นย้ำว่าแฟน ๆ อาจจะไม่สามารถวิพากษ์วิจารณ์เอเจนซี่ที่ก่อตั้งโดยไอดอลของพวกเขาได้ เนื่องจากอาจถูกมองว่าเป็น “การถ่มน้ำลายใส่หน้าศิลปินตรง ๆ” ซึ่งสิ่งนี้อาจทำให้แฟน ๆ ไม่พอใจ และออกจากกลุ่มแฟนคลับไปโดยสิ้นเชิงในที่สุด
ที่มา naver