ผลงานจากนิว ไลน์ ซีเนม่า สู่ภาพยนตร์เรื่อง “Shazam! Fury of the Gods” เรื่องราวภาคต่อของ บิลลี่ แบทสัน เด็กวัยรุ่นผู้เอ่ยคำวิเศษ “ชาแซม!” แล้วกลายเป็นผู้ใหญ่ในร่างซูเปอร์ฮีโร่ผู้เต็มไปด้วยความมั่นใจอย่างชาแซม
คลิก!!! |
เรื่องราวภาคต่อของซูเปอร์ฮีโร่ที่เต็มไปด้วยฉากแอ็คชั่นจะมาสร้างความตื่นเต้น การผจญภัย และความตลกมากขึ้น พร้อมด้วยดินแดนแห่งใหม่ อุปสรรคครั้งใหญ่ เหลาสัตว์ประหลาด และตัวละครแห่งตำนานของซูเปอร์ฮีโร่เรา ตอนนี้เขาได้รับพลังจากเทพเจ้าอย่างเต็มที่ บิลลี่ แบทสันและเพื่อนวัยเด็กของเขาต้องเรียนรู้การใช้ชีวิตแบบวัยรุ่นที่มีพลังซูเปอร์ฮีโร่ของผู้ใหญ่ แต่เมื่อลูกสาวของแอตลาสทั้ง 3 ของเทพสมัยโบราณผู้มีความแค้นเดินทางมายังโลก เพื่อตามหาพลังวิเศษที่ถูกขโมยไปเมื่อนานมาแล้ว บิลลี่หรือชาแซมและครอบครัวของเขาต้องอยู่ในสมรภูมิรบ เพื่อพลังวิเศษของพวกเขา ชีวิตของพวกเขา และชะตากรรมของโลก แต่กลุ่มวัยรุ่นจะปกป้องโลกนี้ได้หรือไม่?
ภาพยนตร์เรื่อง “Shazam! Fury of the Gods” ได้ทีมนักแสดงเดิมกลับมาร่วมงาน อาทิ แซคารี ลีวาย (“Thor: Ragnarok”) รับบทชาแซม; แอชเชอร์ แองเจิล (“Andi Mack”) รับบทบิลลี่ แบทสัน; แจ็ค ดีแลน เกรเซอร์ (“It Chapter Two”) รับบทเฟรดดี้ ฟรีแมน; อดัม โบรดี้ (“Promising Young Woman”) รับบทซูเปอร์ฮีโร่เฟรดดี้; รอส บัตเลอร์ (“Raya and the Last Dragon”) รับบทซูเปอร์ฮีโร่ยูจีน; มีแกน กู้ด (“Day Shift”) รับบทซูเปอร์ฮีโร่ดาร์ล่า; ดี.เจ. โคโทรน่า (“G.I. Joe: Retaliation”) รับบทซูเปอร์ฮีโร่เปโดร; เกรซ แคโรไลน์ เคอร์รีย์ (“Annabelle: Creation”) รับบทแมรี่ บรอมฟิลด์ / ซูเปอร์ฮีโร่แมรี่; เฟธ เฮอร์แมน (“This Is Us”) รับบทดาร์ล่า ดัดลีย์; เอียน เฉิน (“A Dog’s Journey”) รับบทยูจีน ชอย; โจแวน อาร์แมนด์ (“Second Chances”) รับบทเปโดร พีน่า; มาร์ทา มิลานส์ (“White Lines”) รับบทโรซ่า วาสเควส์; คูเปอร์ แอนดรูว์ส (“The Walking Dead”) รับบทวิคเตอร์ วาสเควส์ ร่วมด้วยจีมง อูนซู (“A Quiet Place Part II”) รับบทพ่อมด
นักแสดงที่มาร่วมเสริมในทีม ได้แก่ ราเชล เซกเลอร์ (“West Side Story”) ลูซี่ หลิว (ภาพยนตร์แฟรนไชส์ “Kung Fu Panda”) และเฮเล็น เมอร์เรน (“F9: The Fast Saga”)
กำกับภาพยนตร์โดย เดวิด เอฟ. แซนด์เบิร์ก (“Shazam!,” “Annabelle: Creation”) อำนวยการสร้างฯ โดยปีเตอร์ ซาฟราน (“Aquaman,” “The Suicide Squad”) เขียนบทฯ โดย เฮนรี่ เกย์เด็น (“Shazam!,” “There’s Someone Inside Your House”) และคริส มอร์แกน (“Fast & Furious Presents: Hobbs & Shaw,” “The Fate of the Furious”) สร้างอิงจากตัวละครของดีซี ผลงาน Shazam! ผลิตโดยบิล ปาร์คเกอร์ และ ซี.ซี. เบ็ค อำนวยการสร้างบริหารฯ โดยวอลเตอร์ ฮามาดะ, อดัม ชแล็กแมน, ริชาร์ด บรีเนอร์, เดฟ นิวสแตดเดอร์, วิคตอเรีย พัลเมรี่, มาร์คัส วิสซิดี้ และ เจฟฟ์ จอห์นส
ทีมงานเบื้องหลังผู้ร่วมงานกับผู้กำกับฯ แซนเบิร์ก ได้แก่ ผู้กำกับภาพ กิลา ปาโดส (ภาพยนตร์แฟรนไชส์ “Jumanji”) ผู้ออกแบบฉาก พอล เคอร์บี้ (“The Old Guard,” “Jason Bourne”) และผู้ลำดับภาพ มิเชล อัลเลอร์ (“Shazam!,” “The Nun”) ผู้ควบคุมดนตรี ซีซัน เคนท์ (“DC League of Super-Pets,” “The Addams Family 2”) และดนตรีโดยคริสทอฟ เบ็ค (“Free Guy,” “Frozen II”) ผู้ควบคุมวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์ บรูซ โจนส์ (“Aquaman,” “It”) และเรย์มอนด์ เชน (“Alita: Battle Angel,” “The Meg”) ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย หลุยส์ มินเกนแบช (“Jumanji: The Next Level,” “Godzilla: King of the Monsters”)
นิว ไลน์ ซีเนม่า นำเสนอผลงานของ A Peter Safran Production of A David F. Sandberg Film เรื่อง “Shazam! Fury of the Gods” มีกำหนดฉายในโรงภาพยนตร์ต่างประเทศเริ่ม 15 มีนาคม 2023 และในอเมริกาเหนือวันที่ 17 มีนาคม 2023
รายละเอียดการถ่ายทำ
เรามีภารกิจหนึ่งที่ต้องทำ: ปกป้องโลก!
—ชาแซม
ภาพยนตร์ผจญภัยสุดยิ่งใหญ่เรื่องใหม่ “Shazam! Fury of the Gods” เป็นจุดพลิกผันการกลับมาของซัคคารี่ ลีวาย ผู้รับบทชาแซม เด็กวัยรุ่นที่มีความจริงใจใสซื่อและมีไหวพริบผู้กลายเป็นซูเปอร์ฮีโร่ของดีซี พร้อมด้วยครอบครัวชาแซมที่ได้ครอบครองพลังวิเศษ เผชิญหน้ากับลูกสาวของแอตลาส พลังจากเทพแห่งกรีกทั้ง 3 และเหล่าสัตว์ประหลาดจะทำทุกทาง เพื่อทวงคืนเส้นทางชีวิตและทำลายล้างโลก!
ภาพยนตร์เพิ่มระดับความเข้มข้นของฉากแอ็คชั่น โลกใบใหม่ การเดิมพันกับเรื่องราวในตำนาน ความเป็นฮีโร่ ความร้ายกาจของเหล่าร้าย และมุกตลกอันเป็นเอกลักษณ์ในแบบลีวาย บวกด้วยการกำกับฯ ของเดวิด เอฟ. แซนด์เบิร์กที่ตอบ “ตกลง” อย่างง่ายดาย ก่อนที่จะมีการเขียนบทของเฮนรี่ เกย์เด็น และ คริส มอร์แกน
“ผมสนุกกับเรื่องราวก่อนจะได้อ่านบทด้วยซ้ำ!” ลีวายเล่าถึงตอนนั้น “ตอนที่เดวิดและเฮนรี่เล่าคอนเซปต์ทั้งหมดให้ฟัง ทำให้ผมพร้อมมีส่วนร่วมด้วยเลย ผมคิดว่า ‘นี่คือส่วนผสมที่ลงตัวในการสร้างภาคต่ออย่างสมบูรณ์แบบจากสิ่งที่เคยสร้างเอาไว้ ผมตื่นเต้นมากที่จะได้กลับมาร่วมงานกับเหล่านักแสดงและทีมงานทุกคนที่ผมรัก และนี่เป็นบทที่สนุก ได้เป็นซูเปอร์ฮีโร่และมีความสนุกสนานมาก”
แซนด์เบิร์กกลับมาทำหน้าที่กำกับความตื่นเต้นของเรื่องราวและตัวละครในอีกขั้น เขาเล่าว่า “ท้ายที่สุดของ ‘Shazam!’ ทำให้เราได้รู้จักครอบครัวทั้งหมดในแบบซูเปอร์ฮีโร่ แต่ก็ยังมีเรื่องให้เราได้สังเกตเห็นบางอย่าง ความตื่นเตนอย่างหนึ่งสำหรับผม คือการได้สำรวจชีวิตวัยรุ่นของพวกเขา และการร่วมมือกันในฐานะซูเปอร์ฮีโร่ ซึ่งเราน่าจะพอเดาได้ว่ามันไม่ประสบความสำเร็จเสมอไป อย่างชาแซมที่ยังมีความเป็นเด็กในหัวใจ บางคนก็เด็กมากและทำอะไรแบบเด็กๆ”
แต่อย่างไรก็ตาม ในเรื่องยังคงมีความลับอย่างหนึ่งที่ซ่อนอยู่ในหัวใจหลักของเรื่อง ลีวายเชื่อว่านั่นคือสิ่งที่ครองใจผู้ชมทุกวัย เขาเปิดเผยว่า “มันคือความสมปรารถนา! ช่วงหนึ่งในชีวิตเราจะอยากมีฝันที่ได้กลายเป็นอะไรสักอย่างเหมือนซูเปอร์ฮีโร่ มีความเข้มแข็ง ว่องไว กล้าหาญขึ้น หรือมีส่วนสำคัญกับโลกใบนี้ นั่นคือเหตุผลที่หนังสือการ์ตูนเต็มไปด้วยสีสันแห่งจินตนาการ ความฝัน และความมหัศจรรย์ที่เราจะหายไปอยู่กับมันได้ ผสมกับอีกหลายความรู้สึก มุกตลก พร้อมด้วยการกำกับฯ ของเดวิด บทภาพยนตร์ที่น่าทึ่ง ทีมงานและนักแสดงที่มีฝีมือของเรา ทุกอย่างมารวมกันเพื่อสร้างหนังซูเปอร์ฮีโร่สำหรับทุกคน และเป็นหนังที่มีความสนุกมาก”
ผู้อำนวยการสร้างฯ ปีเตอร์ ซาฟรานได้กลับมาร่วมงานในภาคนี้ด้วยสไตล์อันมีเอกลักษณ์ ในแบบที่ทำให้ชาแซมออกมาเป็นชาแซมเช่นเดิม “เพราะนี่คือหนังของชาแซม มันต้องมีเรื่องของครอบครัวเป็นหลัก ไอเดียเรื่องความผูกพันในครอบครัวที่ไม่จำเป็นต้องเกี่ยวข้องแค่ทางสายเลือด ฉะนั้นในภาคสองเราจะเห็นว่าบิลลี่มีครอบครัวแล้ว คำถามคือ เขาจะพร้อมปกป้องรักษาครอบครัวนั้นมากแค่ไหน?”
เกย์เด็นและมอร์แกนต้องรับภารกิจที่ต่อเนื่องจากภาคแรก สู่อนาคตที่เด็กๆ ต้องกลายเป็นฮีโร่ทั้ง 2 ฟากฝั่งของชีวิตเขา “สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการเขียนเรื่อง ‘Shazam!’ คือเมื่อเรารู้ว่าบิลลี่ต้องการอะไร เขาเป็นใคร เฟรดดี้เป็นใคร ตัวละครเหล่านี้มีความตลกขนาดไหน เนื้อเรื่องก็ลงตัวเหมือนจับวาง การพูดคุยกับเดวิด ปีเตอร์ และทาง New Line เรื่องการพัฒนาภาคต่อของเรา มันคือการให้เกียรติตัวละครเหล่านั้น และเป็นการสานต่อเรื่องราวของบิลลี่ เฟรดดี้ และคนอื่นๆ อย่างสมเกียรติด้วย”
ความงดงามในการรักษาความสมจริงของตัวละครเหล่านี้เอาไว้ เกย์เด็นเล่าว่าอยู่ตรงที่ “มุกตลกออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ เมื่อเราพยายามสร้างบรรยากาศชวนหัวเราะ มันก็เกิดขึ้นได้เลย และเรามีโอกาสแสดงสดหลายช่วงระหว่างที่มีฉากแอ็คชั่นสุดยิ่งใหญ่ เหมือนเป็นการเพิ่มการเดิมพันจากภาคแรกสูงขึ้นไปอีก”
การปรับเปลี่ยนพลังของชาแซมไม่ใช่แค่ความแปลกใหม่ที่เรียกความสนใจจากแซนด์เบิร์กได้ “มันน่าตื่นเต้นมากที่มีเทพกรีก ได้เห็นชาแซมรับพลังนั้นมา และเรียนรู้ความอันตรายจากผู้ที่ไม่แฮปปี้กับการใช้พลังของเขา จนทำให้เกิดสงครามครั้งใหญ่ระหว่างเทพกับเหล่าซูเปอร์ฮีโร่” เขากล่าว
สำหรับนักแสดงลีวาย การจับคู่ระหว่างซูเปอร์ฮีโร่กับเหล่าเทพคือเรื่องที่ลงตัวมาก “ตำนานกรีกมักจะเห็นได้จากความเป็นดีซีในหลายเรื่อง ผมเลยคิดว่านี่เป็นไอเดียที่เจ๋ง พอพวกเขาเสนอไอเดียนี้ผมรู้สึกว่า ‘เอาเลยๆ!’ ชาแซมมีความเป็นเทพกรีกสูงมาก และมีความเป็นกึ่งเทพกับผู้มีอิทธิพล ทำให้เข้าใจได้ว่าโลกใบนี้จะเป็นอย่างไร”
ทวยเทพผู้เป็นลางร้ายทั้ง 3 อย่างเฮสเพร่า คาลิปโซ และแอนเธีย รับบทโดยนักแสดงรุ่นเฮฟวี่เวทของฮอลลีวูดอย่างเฮเล็น เมอร์เร็น, ลูซี่ หลิว และ ราเชล เซกเลอร์
เมอร์เร็นเล่าว่า “สิ่งที่ฉันรักในเรื่อง ‘Shazam!’ ภาคแรก และเป็นเหตุผลที่ฉันยินดีจะเซ็นต์สัญญาแสดงในภาคนี้ คือไอเดียที่แหวกแนวของเด็กๆ ที่ถูกกลั่นแกล้งและล้อเลียน ทุกคนกลายเป็นซูเปอร์ฮีโร่ พวกเขาบินได้ สร้างเรื่องมหัศจรรย์ได้ และพยายามทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้น มันสะท้อนถึงความฝันตอนเราเป็นเด็ก และผสมกับตำนานที่ดูจะมีคาวามสนุกมาก ฉันคิดว่าบางทีเราลืมไปว่าเมื่อหลายพันปีก่อนผู้คนเชื่อในพระเจ้าเหล่านี้ และคิดว่าพระเจ้าควบคุมชีวิต เราเรียกว่าตำนาน แต่พวกเขาเชื่ออย่างจริงจัง และพวกเขาก็เป็นมนุษย์เหมือนเรานี่ล่ะ”
หลิวเป็นแฟนตัวยงภาคแรก เธอแฮปปี้มากที่ได้มารับบทเข้มข้นอย่างคาลิปโซ่ “ในเรื่อง ‘Fury of the Gods’ ดูจะขยายใหญ่กว่าภาคแรกไปเยอะเลยค่ะ ซึ่งมันน่าสนุกมาก เราจะเห็นความเป็นชาแซมมากขึ้น พวกเขามารวมตัวกันต่อสู้กับพลังเทพอย่างไร และเทพทั้งหลายไม่ได้มาเล่นๆ! พวกเขามาสร้างสีสันเพิ่มจากความเป็น ‘Shazam!’ ที่มีอยูแล้วแต่เดิม ฉันตื่นเต้นมากค่ะที่ได้มีส่วนร่วม”
ในฐานะของน้องสาวคนเล็กสุด แอนเธียต้องหาทางรับมือกับพี่น้องของตัวเองที่มีพลังอย่างมหาศาล ไม่ต่างจากหลิว เซกเลอร์มากองถ่ายพร้อมด้วยความเข้าใจในโลกใบนี้อย่างดี “ฉันรัก ‘Shazam!’ ภาคแรกมาก แม้ว่าจะไม่ได้รับบทนี้ก็ยังเปิดดูบ่อยอยู่ดี มันเต็มไปด้วยความมหัศจรรย์ มีหลายความรู้สึก มีเรื่องเกี่ยวกับครอบครัว และมีแง่คิดของเด็กๆ ที่มีพลังวิเศษอย่างที่เราเคยใฝ่ฝัน ตอนที่ได้อ่านบทมันมีกลิ่นอายแบบภาคแรกอย่างงดงาม และมีเหล่าร้ายที่มาอีกรูปแบบจนทำให้ผมรักเรื่องนี้ทันที”
“หนังเรื่องนี้อลังการยิ่งใหญ่กว่าภาคแรก” แซนด์เบิร์กกล่าว “เรามีพื้นที่ให้เล่นกว้างขึ้น และเรามีเอ็ฟเฟ็กต์ยิ่งใหญ่ที่จะสร้างความตื่นเต้นแน่นอน เรามีฉากแอ็คชั่น ภาพและเสียงต่างๆ ที่จัดเต็มเป็นพิเศษ หนังเรื่องนี้ถ่ายทำขึ้นมาสำหรับจอยักษ์และเสียงที่กระหึ่ม ผมดีใจมากที่เราจะฉายในระบบ IMAX, Dolby Atmos และฟอร์แมตระดับพรีเมียมอื่นๆ ที่เหมาะสำหรับการรับชม อย่างเวลาเรามีลำโพงบนเพดาน ผู้ชมจะได้ยินเสียงสายฟ้าที่ฟาดดังอยู่ด้านบน มังกรที่บินอยู่รอบตัว ลมหายใจที่ดังรดต้นคอ! คุณควรได้สัมผัสความรู้สึกนั้นในหนังเรื่องนี้”
ซาฟรานเห็นด้วยว่า “ในหนังเรื่องนี้เราได้พบกับสถานที่ใหม่ๆ ที่แอบเผยให้เห็นในหนังภาคแรก เรามีวายร้ายและสัตว์ประหลาดหน้าใหม่ ในเรื่อง ‘Shazam! Fury of the Gods’ มีครบทุกสิ่งที่ผู้ชมรักจากภาคแรกอย่างไม่มีตกหล่น”
แน่นอนว่าขณะที่ฉากแอ็คชั่นคือส่วนสำคัญของเรื่อง ผู้สร้างภาพยนตร์เองก็รู้สึกว่าความสำคัญอยู่ที่รายละเอียดต่างๆ จากภาคแรกด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะสิ่งที่แซนด์เบิร์กเลาว่า “นักแสดงต่างๆ ที่เรามีในเรื่อง เราโชคดีมากเรื่องนักแสดงจากภาคแรก พวกเขาแสดงให้เห็นความเป็นครอบครัว แต่ก็มีความเป็นครอบครัวร่วมกับแซ็คผู้เป็นเด็กตัวใหญ่กว่าทุกคนด้วย ความตื่นเต้นคือการได้หวนกลับมาสู่โลกใบนี้ร่วมกับพวกเขา และผมคิดว่าผู้ชมจะตื่นเต้นด้วยเช่นกัน”