เกือบทุกครั้ง ข่าวคราวความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับวงการไอดอลเคป๊อปส่วนใหญ่จะได้รับการรายงานอย่างเป็นทางการด้วยข้อเท็จจริงทั้งหมด จนกลายเป็นเรื่องปกติ แต่อย่างไรก็ตาม นั่นไม่ใช่ทั้งหมดที่เกิดขึ้น เพราะปัจจุบันยังคงมี ‘เรื่องราวบางอย่าง’ ที่ยังคงไม่ได้รับการอธิบายใด ๆ ซึ่งสร้างความสงสัยให้กับกลุ่มแฟนคลับอยู่เสมอ

คลิก!!!

1. ‘ราอุน’ (Laun) ประกาศลากออกจากวง ‘ONF’

(Photo: Kpopping)

ในปี 2019 อยู่ ๆ ต้นสังกัด WM Entertainment ก็ออกมาประกาศให้สาธารณะชน และกลุ่มแฟนคลับทราบว่า ‘ราอุน’ จะลาออกจากวง ‘ONF’ เนื่องจากเหตุผลส่วนตัว อีกทั้งยังได้แจ้งว่า ‘ราอุน’ ได้ตกลงทำเรื่องยุติสัญญากับทางค่ายต้นสังกัดเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วย เนื่องจากเป็นการประกาศที่กระทันหันที่แฟน ๆ ไม่เคยคิดถึงมาก่อน และ ‘ เหตุผลส่วนตัว’ ที่ว่าไม่เคยได้รับการแจกแจงใด ๆ ถึงรายละเอียดเพิ่มเติม ข่าวการลงออกจากวงของ ‘ราอุน’ นี้ได้สร้างความตกใจให้กับแฟน ๆ อย่างมาก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคิดถึงเหตุการณ์ที่ ‘เพิ่งจะเกิดขึ้น’ (ของ ‘ราอุน’) ก่อนหน้าการประกาศลาออกจากวงนี้ ทั้งการร่วมถ่ายทำรายการ ‘Idol Star Athletics Competition’ (กีฬาสีไอดอล) ในอาทิตย์ที่แล้ว และการประกาศเดบิวต์ในฐานะนักแสดงหน้าใหม่ก่อนหน้าเพียงไม่กี่วัน หรือแม้กระทั่งการไลฟ์ผ่านแอพพลิเคชั่น V-Live ของสมาชิกร่วมวงอย่าง ‘อีชั่น’ (E-tion) ก่อนหน้าเพียง 1 ชั่วโมง ที่จะมีประกาศอย่างเป็นทางการจากค่ายต้นสังกัดออกมา (เกี่ยวกับการลาออกจากวงของ ‘ราอุน’) ทุกอย่างล้วนไม่มีความผิดปกติใด ๆ

สำหรับแฟน ๆ เมื่อพิจารณาจากทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น การประกาศว่า ‘ราอุน’ จะออกจากวงในครั้งนี้จึงไม่มีความสมเหตุสมผลใด ๆ ทั้งสิ้น นอกจากนี้ หลังมีประกาศออกมากเพียงไม่นาน สมาชิกร่วมวงอีกคนอย่าง ‘เจอัส’ (J-US) ยังได้โพสต์ข้อความผ่านเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของวงด้วยว่า ‘ตัวเขา และสมาชิกที่เหลือเพิ่งทราบข่าวเช่นเดียวกัน’ โดยเจอัสอธิบายว่าไม่มีใครทราบเรื่องนี้มาก่อบ และทุกคนไม่ได้รับการแจ้งรายละเอียดใด ๆ จากต้นสังกัดก่อนหน้าการออกประกาศอย่างเป็นทางการอีกด้วย

2. การยุบวงของ ‘PRISTIN’

(Photo: PRISTIN Instagram)

ในวันเดบิวต์อย่างเป็นทางการของ ‘PRISTIN’ พวกเธออาจจะไม่ได้ประสบควาสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในทันที แต่ด้วยอิทธิพลของ ‘I.O.I’ พวกเธอก็ได้รับการขนานนามว่า ‘เป็นอีกหนึ่งความหวังของวงการไอดอล’ พร้อมทั้งยังได้รับการการันตีถึงความสำเร็จในอนาคตอย่างแน่นอน ซึ่งทุกอย่างก็ดูจะเป็นไปเช่นนั้น ‘PRISTIN’ เองก็โด่งดังมากขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงขนาดที่สามารถเอาชนะวงอื่น ๆ และคว้ารางวัลศิลปินหน้าใหม่มาได้มากมายทั้ง ‘Rookie Award’ จากงาน ‘Asian Music Awards’ (ในปี 2017), รางวัล ‘New Artist Award’ จากงาน ‘Seoul Music Award’ (ในปี 2018), และรางวัล ‘Best New Female Artist’ จากงาน ‘Mnet Asian Music Awards’ (ในปี 2017) มาได้ในที่สุด

และนอกจากนี้ พวกเธอยังได้เติบโตขึ้นไปจนถึงจุดที่สามารถเปิดตัวซับยูนิตของวงอย่าง ‘PRISTIN V’ ออกมา และสามารถกอบโกยความนิยมไปได้อย่างมากมายเช่นเดียวกัน แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นเพียงไม่นาน พวกเธอก็เหมือนหายตัวไป ‘PRISTIN’ ไม่ได้ปรากฎตัวต่อหน้าสาธารณะชน หรือทำกิจกรรมในนามวงเป็นเวลาเกือบ 2 ปี และ ‘ประกาศยุบวงอย่างเป็นทางการ’ ในท้ายที่สุด ซึ่งแน่นอนว่าเรื่องราวนี้สร้างความตกใจให้กับทั้งกลุ่มแฟนคลับ และสาธารณะชนเป็นอย่างมาก เพราะพวกเธอกำลังโด่งดังขึ้นเรื่อย ๆ และพวกเธอยังคงเป็นเพียงรุกกี้หน้าใหม่

โดยหลังจากการยุบวงอย่างเป็นทางการ ‘สมาชิก 7 คนของวงได้ทำการยกเลิกสัญญา และออกจากบริษัทต้นสังกัดไป’ (Pledis Entertainment) ในขณะที่ ‘สมาชิกที่เหลืออีก 3 คนยังคงมีสัญญากับค่ายต้นสังกัดอยู่’ หลังจากนั้นไม่นาน สมาชิก 4 คนจาก 7 คนที่ไม่มีสัญญากับค่ายต้นสังกัดเดิมได้ทำการ ‘เดบิวต์อีกครั้ง’ ในชื่อของ ‘HINAPIA’ ซี่งภายในงานเปิดตัวในฐานะ ‘วงเกิร์ลกรุ๊ปน้องใหม่’ นั้น ‘เยบิน’ อดีตสมาชิกวง ‘PRISTIN’ กล่าวถึงช่วงเวลาในอดีตว่า ‘ในตอนนั้นพวกเรากำลังตั้งใจฝึกซ้อม และเตรียมตัวสำหรับอัลบั้มใหม่’ ซึ่งคำพูดนั้นทำให้แฟน ๆ เชื่อว่า ‘ไม่มีสมาชิกวง PRISTIN คนไหน’ รู้มาก่อนว่าวงกำลังจะถูกยุบ และแน่นอนเหตุผลในการยุบวงของพวกเธอนั้นก็ไม่เคยได้รับการอธิบายใด ๆ

3. ‘เจสสิก้า’ ไม่ใช่สมาชิกวง Girls’ Generation อีกต่อไป

(Photo: Pinterest)

ณ เช้าวันหนึ่งในปี 2013 ‘เจสสิก้า’ ได้ทำการโพสต์ข้อความลงบนบัญชีเว่ยป๋อ (Weibo) ส่วนตัวของเธอเอง ซึ่งมีใจความว่า ‘เธอถูกบีบให้ออกจากวง Girls’ Generation’ เช่นเดียวกันนั้น บริษัทส่วนตัวของเจสสิก้าอย่าง ‘Blanc Group’ ก็ได้ออกมาพูดในทำนองเดียวกันว่า ‘เจสสิก้าถูกเพื่อนรวมวง และค่ายกดดันให้ลาออกจากวง’ ส่งผลให้หลังจากนั้นไม่นาน ค่ายต้นสังกัดอย่าง SM Entertainment ต้องออกมาประกาศอย่างเป็นทางการว่าเจสสิก้านั้นจะไม่ใช่ ‘หนี่งในสมาชิกของวง Girls’ Generation อีกต่อไปแล้ว’ จริง และนับแต่นี้ต่อไป ‘Girls’ Generation จะทำกิจกรรมด้วยสมาชิก 8 คน’

ข่าวการแตกหักระหว่าง ‘เจสสิก้า’ กับ ‘สมาชิกอีก 8 คนที่เหลือ และ SM Entertainment’ นั้นสร้างความตกใจให้กับสาธารณะชนอย่างมาก และเพราะแบบนั้น สาธารณะชนพยายามค้นหาเหตุผลเบื้องหลังที่แท้จริงของการตัดสินใจนี้ จึงเกิดเป็นข่าวลือมากมายในทำนองที่ว่า ‘เจสสิก้าต้องออกจากวงเพราะธุรกิส่วนตัวของเธอเอง (บริหารจัดการเวลาให้ลงตัวไม่ได้)’ ‘ตั้งแต่เริ่มต้นธุรกิจแฟชั่น เจสสิก้าก็ไม่ทุ่มเทให้กับวงมากพออีกต่อไป’ และ ‘เจสสิก้าวางแผนจะออกจากวงในปี 2015 อยู่แล้ว’

อย่างไรก็ตาม ข่าวลือที่มีเหตุผลตรงกันข้ามอย่าง ‘สมาชิกในวง และค่ายต้นสังกัดตั้งใจจะจัดเวทีทำการแสดงอำลาให้กับเจสสิก้า’ (ในงานคอนเสิร์ตที่ Tokyo Dome) นั้นก็เป็นที่พูดถึงในวงกว้าง และค่อนข้างสร้างความแตกแยกในหมู่สาธารณะชนเช่นเดียวกัน เพราะนั่นหมายถึง ‘เจสสิก้าอาจถูกบีบให้ออกจากวงจริง’ แต่ในท้ายที่สุด ข่าวลือก็ยังคงเป็นข่าวลือ ทั้ง SM Entertainment สมาชิกอีก 8 คน และตัวเจสสิก้าเอง ไม่เคยออกมาทำการอธิบายใด ๆ เพิ่มเติม

4. ‘อูจิน’ ถอนตัวจากวง Stray Kids

(Photo: Twitter)

ในปี 2019 JYP Entertainment ได้ออกมาแจ้งให้กับกลุ่มแฟนคลับ และสาธารณะชนทราบถึงการตัดสินใจถอนตัวออกจากวง ‘Stray Kids’ ของ ‘อูจิน’ ว่า ‘เป็นการตัดสินใจเนื่องจากเหตุผลส่วนตัว’ และ ‘อูจิน’ ได้ทำการยกสัญญากับทางค่ายต้นสังกัดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เวลาผ่านไปจนปี 2020 วันหนึ่งลีดเดอร์ของวง Stray Kids อย่าง ‘บังชาน’ ได้ทำการไลฟ์พูดคุยกับแฟนคลับ และในช่วงเวลานั้นเอง ‘บังชาน’ ก็พูดเป็นนัย ๆ ออกมาโดยไม่กล่าวเจาะจงใครว่า ‘เมื่อคุณทำผิดพลาด ทั้งคุณ และคนรอบตัวของคุณก็จะต้องยอมรับผลที่จะเกิดขึ้น … ถ้าหากคุณสัญญาได้ให้สัญญากับเพื่อนของคุณไว้ คุณก็ต้องรับผิดชอบ และรักษาสัญญานั้น’ อีกทั้ง ‘บังชาน’ ก็ยังได้กล่าวเพิ่มเติมอีกด้วยว่า ‘STAYs (ชื่อแฟนคลับอย่างเป็นทางการของวง) ทราบดีว่าผมหมายถึงอะไร’

อ้างอิงจากคำพูดของ ‘บังชาน’ ที่พูดถึง ‘เพื่อน (ทีม)’ และ ‘การไม่รักษาสัญญา’ นี้ กลุ่มแฟนคลับจึงตีความไปว่า ‘บังชาน’ อาจหมายถึง ‘อูจิน’ และ ‘อูจินอาจทำผิดพลาดด้วยการไม่รักษาสัญญาที่ตัวเค้าเคยให้ไว้กับเพื่อน’ และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ ‘อูจินต้องออกจากวง’ ในที่สุด

อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ไม่มีอะไรที่บ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่า ‘บังชาน’ พูดถึง ‘อูจิน’ แม้ว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้จะไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็น ‘ข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต’ แต่การที่ทีมงานของค่ายต้นสังกัดขอให้ ‘บังชาน’ หยุดทำการไลฟ์อย่างกระทันหัน แฟน ๆ บางส่วนเชื่อว่าสิ่งที่ ‘บังชาน’ พูดออกมานั้นอาจมีความจริงปนอยู่ด้วยไม่มากก็น้อย

5. ‘แทฮา’ ลาออกจาก MOMOLAND

(Photo: Twitter)

ในปี 2019 ค่ายต้นสังกัดของเกิร์ลกรุ๊ป MOMOLAND (MLD Entertainment) ได้ออกประกาศอย่างเป็นทางการถึงการลาออกของ 2 สมาชิกวง MOMOLAND อย่าง ‘ยอนอู’ และ ‘แทฮา’ โดยค่ายต้นสังกัดได้อธิบายว่า ‘ยอนอู’ ต้องการโฟกัสกับงานด้านการแสดง และเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับงานของวง MOMOLAND ‘ยอนอู’ จึงตัดสินใจถอนตัวออกจากวง

อย่างไรก็ตาม ค่ายต้นสังกัดกลับไม่ได้ทำการอธิบายเพิ่มเติมถึงเหตุผลเบื้องหลังการตัดสินใจออกจากวงในส่วนของ ‘แทฮา’ โดยค่ายต้นสังกัดได้เพียงแต่ทำการแจ้งว่า สัญญาระหว่างค่ายและ ‘แทฮา’ นั้นได้สิ้นสุดลงแล้ว และ ‘แทฮา’ จะเริ่มต้นเส้นทางอาชีพของเธอกับค่ายอื่น

หลังจากได้ยินดังนั้น แฟน ๆ เริ่มคาดเดากันว่า ‘แทฮา’ นั้นได้ห่างหายไปจากการทำกิจกรรมในฐานะสมาชิกวง MOMOLAND เป็นระยะเวลาเกือบ 1 ปี นับตั้งแต่ในปี 2018 (ช่วงการโปรโมทเพลง ‘BAAM’) ซึ่งในขณะนั้น ทางค่ายต้นสังกัดได้ทำการแจ้งเพียงว่า ‘แทฮา’ จะหยุดพักการทำกิจกรรมเนื่องมาจาก ‘เหตุผลส่วนตัว’ ของเธอเอง โดยไม่ได้ทำการอธิบายใด ๆ เพิ่มเติม

และเพราะแบบนั้น แม้ว่าจะไม่มีการยืนยันใด ๆ จากทั้งค่ายต้นสังกัด หรือจากตัวสมาชิกเอง กลุ่มแฟนคลับก็เริ่มพูดคุยกันถึงสถานการณ์ของ ‘แทฮา’ ว่ามีความคล้ายคลึงกันกับสถานการณ์ของสมาชิกอีกคนในวงอย่าง ‘เดซี่’ ซึ่งเดซี่นั้นถูกค่าย ‘ห้าม’ เข้าร่วมการทำกิจกรรมในนามวง เนื่องจากมีปัญหาขัดแย้งกับทางค่ายต้นสังกัด

6. ‘มาร์ค’ และ ‘แฮชาน’ สมาชิกวง NCT ทะเลาะกัน

(Photo: Pinterest)

เรื่องราวการผิดใจกันนี้เกิดขึ้นในตั้งแต่ปี 2017 (โดย ณ ขณะนั้นเป็นช่วงเวลาที่วง NCT 127 ได้ทำการโปรโมทเพลง ‘Cherry Bomb’ และวง NCT Dream ทำการโปรโมทเพลง ‘We Young’) แต่จนถึงปัจจุบันนี้ ก็ยังไม่มีใครรู้ว่าการทะเลาะกันครั้งนี้เกิดขึ้นจากอะไร หรือทั้งคู่ทะเลาะกันเรื่องอะไร เนื่องจากแฟน ๆ ได้เห็นเพียงภาพถ่ายของสองสมาชิก ‘ที่น่าตานั้นกำลังดูอารมณ์เสีย’ เท่านั้น

โดยภาพถ่ายที่ว่านั้น เป็นภาพถ่ายจากช่วงการเดินทางในสนามบินของเหล่าสมาชิก อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกผิดใจกันระหว่าง ‘มาร์ค’ และ ‘แฮชาน’ นั้นดูจะไม่ได้จบอยู่แค่ในช่วงขณะการเดินทาง เนื่องจากแฟน ๆ สังเกตเห็นว่าตลอดช่วงการทำกิจกรรมโปรโมทเพลง ‘We Young’ ทั้งคู่ดูไม่มีปฏิสัมพันธ์ต่อกันมากเท่าไหร่นัก ความโกรธที่ทั้งคู่มีต่อกันนั้นเป็นสิ่งที่แฟน ๆ สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระหว่างการแสดง ซึ่งเดิมที ท่าเต้นของ ‘แฮชาน’ นั้นจะต้องมีการ ‘วางมือบนไหล่ของมาร์ค’ แต่อย่างไรก็ตาม ในช่วงระยะหลังของการโปรโมท ‘แฮชาน’ ไม่ได้เต้นท่าดังกล่าว (ไม่เอามือวางบนไหล่มาร์ค) จนกระทั่งสุดท้าย ท่าเต้นก็ถูกเปลี่ยนไป โดยไม่มีท่าที่ต้องให้ทั้งสองคนนั้นมีจังหวะที่ต้องแตะโดนตัวกันและกันอีก

อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไป (นับตั้งแต่ในช่วงเดือนตุลาคมปีเดียวกัน) ทั้งสองคนกลับมามีปฏิสัมพันธ์ต่อกันอย่างเป็นปกติอีกครั้ง และเริ่มกลับมาทำการแสดงเพลง We Young ‘ด้วยท่าเต้นดั้งเดิม’ (ที่มีการแตะโดนตัวกัน) อีกครั้ง อีกทั้งหลังจากนั้นไม่นาน ‘แฮชาน’ ได้ออกมาเปิดเผยว่า ‘เพราะมาร์คเปลี่ยนชื่อในโทรศัพท์ของตัวเขาเองจาก ‘My Love Donghyuck’ เป็น ‘Hateful Donghyuck’ ให้ตัวเขาเองเปลี่ยนชื่อในโทรศัพท์ของตัวเองเช่นกัน’ (เปลี่ยนเป็น ‘Hateful Mark’) (‘ดงฮยอก’ คือชื่อจริงตามใบเกิดของแฮชาน)

แม้จะได้ยินแบบนั้น แต่แฟน ๆ กลับรู้สึกสบายใจมากขึ้นที่ทั้งสองคนนั้นกลับมาเข้าใจกัน และเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันอีกครั้ง นอกจากนี้ ตั้งแต่ในช่วงระยะแรก ๆ แฟน ๆ ดูไม่มีท่าทีที่ตกใจกับเหตุการณ์ในลักษณะนี้มากนัก เนื่องจากครั้งหนึ่งภายในรายการวิทยุ ‘NCT Night-Night’ ‘แจฮยอน’ เคยเปิดเผยว่า ‘มาร์ค’ และ ‘แฮชาน’ นั้นทะเลาะกันเป็นปกติ

ทั้งสองคนนั้นเคยเป็นรูมเมทกัน และทะเลาะกันแทบจะทุกคืน ซึ่งการทะเลาะกันของพวกเขาทั้งคู่นั้นก็เสียงดังมาก จนถึงขนาดที่ว่าสมาชิกในวงคนอื่น ๆ สามารถได้ยินทั้งคู่ทะเลาะกันผ่านกำแพงห้อง นอกจากนี้ ทั้งคู่ก็ยังเคยทะเลาะกันหนักมากจนถึงขั้นว่า ‘มาร์ค’ ตัดสินใจเปลี่ยนห้องนอนกับ ‘โดยอง’ เพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องเป็นรูมเมทของ ‘แฮชาน’

7. อันดับของผู้เข้าแข่งขันรายการ ‘Produce 101’

(Photo: CJ E&M)

ในปี 2019 หนึ่งในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งสร้างความตกใจให้กับสาธารณะชนอย่างมากคือ ‘ข่าวการโกงผลโหวต’ ของผู้เข้าแข่งขันรายการเซอร์ไววัลแห่งชาติ ‘Produce 101’ โดยสถานีผู้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์รายการดังกล่าวอย่าง ‘Mnet’ ก็ต้องพบกับการถูกเสี่ยงฟ้องร้อง และต้องแบกรับคำว่าร้ายมากมายจากสาธารณะชน

เนื่องจากภาพลักษณ์ของรายการที่ให้คำมั่นสัญญากับผู้ชมซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า ‘ผู้ชม’ คือบุคคลเดียวที่มีสิทธิโหวตเลือกผู้เข้าแข่งขันที่พวกเขาชื่นชอบ และคนที่ได้รับการโหวตสูงสุดเท่านั้นที่จะมีโอกาสได้ ‘เดบิวต์’ แต่อย่างไรก็ตาม สาธารณะชนกลับพบในภายหลังว่า ‘คะแนนโหวตของพวกเขาถูกปรับแต่ง’ และ ‘ผู้เข้าแข่งขันที่มีคะแนนสูงสุดตามเกณฑ์กลับไม่ได้เดบิวต์’ เพราะอันดับของพวกเขาเหล่านั้นถูกแทนที่ด้วย ‘การตัดสินใจล่วงหน้าของโปรดิวเซอร์รายการ’ แทน

เนื่องจากกระแสความกดดันที่รุนแรงจากสาธารณะชน โปรดิวเซอร์รายการอย่าง ‘อัน จุนยอง’ ต้องออกมายอมรับถึงการปรับแต่งคะแนนโหวตในท้ายที่สุด พร้อมทั้งยอมรับอีกด้วยว่า ‘รายการได้ทำการปรับแต่งคะแนนโหวตของผู้เข้าแข่งขันทุกซีซั่น’ และเพราะข่าวอันแสนอื้อฉาวนี้ โปรดิวเซอร์ ‘อัน จุนยอง’ และโปรดิวเซอร์ ‘คิม ยองบอม’ ร่วมกันกับตัวแทนบริษัทต้นสังกัด (ของผู้เข้าแข่งขัน) อีก 6 คนถูกฟ้องในข้อหาฉ้อโกง ติดสินบน และขัดขวางการดำเนินธุรกิจ

สำหรับแฟน ๆ และสาธารณะชนที่รับรู้ในที่สุดว่าเกิร์ลกรุ๊ป และบอยกรุ๊ปทั้งหมดที่เป็นผลผลิตจากรายการ (I.O.I, Wanna One, IZ*ONE, และ X1) ล้วนเกิดขึ้นมาจากการโกงผลโหวตทั้งหมด พวกเขาต่างก็รู้สึกเสียดาย และทำการคาดเกากันว่า ‘ผู้เข้าแข่งขันที่สมควรจะได้เดบิวต์จริง ๆ’ นั้นมีใครบ้าง และวงเหล่านั้นจะเปลี่ยนไปอย่างไรบ้างหากพวกเขาเดบิวต์ด้วยสมาชิก ‘ตามผลการโหวตของผู้ชม’ จริง ๆ