จูจีฮุน , Joo Ji Hoon

เริ่มเข้าวงการ

คลิก!!!

ในปี 2003 จูจีฮุนเดบิวต์ในฐานะนายแบบให้กับแบรนด์เสื้อผ้าอย่าง Calvin Klein, Levi’s และ Reebok เขาได้รับรางวัลมากมายจากการเดินแบบ โดยก่อนจะเข้ามาในวงการบันเทิง เขาศึกษาที่มหาวิทยาลัยทงวอนในสาขาธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์

บทบาทอาชีพ

  • 2006-2008 : เดบิวต์ด้านการแสดงและเป็นที่จดจำ

จูจีฮุนมีผลงานซีรีส์มากมาย แต่เรื่องที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จอย่างมากก็คือซีรีส์โรแมนติกคอมเมดี้เรื่อง “Princess Hours” ที่สร้างมาจากการ์ตูนเรื่อง “Goong” ซีรีส์เป็นที่ประสบความสำเร็จภายในประเทศด้วยเรทติ้งสูงสุด 28.3% และยังประสบความสำเร็จไปทั่วเอเชีย ทำให้จูจีฮุนกลายเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงในวงการทันที เขาได้รับรางวัลนักแสดงหน้าใหม่ยอดเยี่ยมจากงาน MBC Drama Awards ร่วมกับนางเอกสาวยุนอึนฮเย (Yoon Eun Hye)

ในเดือนมีนาคม 2007 จูจีฮุนมีผลงานซีรีส์เกี่ยวกับการแก้แค้นเรื่อง The Devil ทางช่อง KBS2 ร่วมกับออมแทอุง (Uhm Tae-woong) และชินมินอา (Shin Min Ah) ภายในเดือนเดียวกันเขาได้รับรางวัลคนดังเอเชียหน้าใหม่ยอดเยี่ยมจากงาน 1st Astar TV Drama Awards จากผลงานการแสดงของเขาในเรื่อง Princess Hours และ The Devil

ผลงานเดบิวต์ในวงการภาพยนตร์ของจูจีฮุนได้แก่ Antique (ในปี 2008) ที่สร้างมาจากการ์ตูนเรื่อง Antique Bakery โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับเชิญไปฉายที่งาน 59th Berlin International Film Festival จากนั้นเขาก็ได้กลับมาร่วมงานกับนักแสดงจากเรื่อง The Devil ชินมินอาอีกครั้งในภาพยนตร์โรแมนติดคอมเมดี้ The Naked Kitchen

  • 2011-2016: การกลับมาอีกครั้ง

ในเดือนมกราคม 2011 ก่อนที่จูจีฮุนจะเสร็จสิ้นการปฏิบัติหน้าที่ในกรม เขาได้เซ็นสัญญาร่วมงานกับบริษัท KeyEast ที่เป็นเจ้าของโดยนักแสดงเบยองจุน (Bae Yong-joon)

ในเดือนสิงหาคม 2012 จูจีฮุนกลับมาอีกครั้งในผลงานภาพยนตร์คอมเมดี้ย้อนยุคเรื่อง I Am the King ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากนวนิยายเรื่อง The Prince and the Pauper จูจีฮุนแสดงเป็น 2 บทบาทของเจ้าชายชุงนยองและทาสด็อกชิล ซึ่งนวนิยายนี้เป็นเรื่องราวก่อนที่เจ้าชายจะขึ้นบัลลังก์เป็นพระราชาเซจง หลังจากนั้นเขาก็รับบทเป็นนักเปียโนในซีรีส์เรื่อง Five Fingers ที่ออกอากาศในเดือนสิงหาคม-พฤศจิกายน 2012 จูจีฮุนยังมีผลงานการแสดงในซีรีส์เกี่ยวกับการแพทย์เรื่อง Medical Top Team และภาพยนตร์โรแมนติกคอมเมดี้เรื่อง Marriage Blue อีกด้วย

จูจีฮุนมีผลงานภาพยนตร์จีนครั้งแรกในเรื่อง Love Suspicion ภาพยนตร์โรแมนติกระทึกขวัญ และในปี 2014 จูจีฮุนมีผลงานภาพยนตร์เรื่อง Confession ร่วมกับจีซอง (Ji Sung) และอีกวางซู (Lee Kwang Soo) ซึ่งเป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับเรื่องราวมิตรภาพของชาย 3 คนหลังจากแม่ของชายคนหนึ่งได้เสียชีวิตลง

ในปี 2015 จูจีฮุนมีผลงานภาพยนตร์ย้อนยุคเรื่อง The Treacherous ซึ่งเขาได้กลับมาร่วมงานกับผู้กำกับจากเรื่อง Antique และ Naked Kitchen อีกครั้ง จากนั้นเขาก็กลับมารับงานแสดงซีรีส์ในเรื่อง Mask ทางช่อง SBS ร่วมกับซูเอ (Soo Ae)

ในปี 2016 จูจีฮุนมีผลงานภาพยนตร์ระทึกขวัญเรื่อง Asura: The City of Madness ซึ่งมีการฉายรอบปฐมทัศน์ระดับโลกที่งาน Toronto Film Festival และเขาก็ได้รับรางวัลนักแสดงภาพยนตร์ยอดนิยมจากงาน Korea Top Star Awards ด้วย

  • 2017-ปัจจุบัน: คืนสู่อาชีพนักแสดง

ในปี 2017-2018 จูจีฮุนมีผลงานภาพยนตร์แฟนตาซีเรื่อง Along With the Gods ทั้ง 2 ภาค ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ที่มีรายได้รวมสูงสุดเป็นอันดับ 2 ในเกาหลีใต้ และจูจีฮุนก็เป็นที่รู้จักในบทบาทแฮวอนมัก

ในปี 2018 จูจีฮุนมีผลงานภาพยนตร์ระทึกขวัญเรื่อง The Spy Gone North และ Dark Figure of Crime การแสดงของจูจีฮุนในภาพยนตร์ทั้ง 2 เรื่องเป็นที่ชื่นชมเป็นอย่างมาก เขาได้รับรางวัลดาราสมทบยอดเยี่ยมหลายรางวัลจากงานประกาศรางวัลสำหรับการแสดงของเขาในเรื่อง The Spy Gone North และเขายังถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนักแสดงยอดเยี่ยมในงาน Blue Dragon Awards จากผลงานเรื่อง Dark Figure of Crime ด้วย

ในปี 2019 จูจีฮุนกลับมารับผลงานซีรีส์อีกครั้งในเรื่อง Kingdom ซีรีส์ซอมบี้ย้อนยุคทาง Netflix และซีรีส์แฟนตาซีเรื่อง Item ทางช่อง MBC

ในปี 2020 จูจีฮุนกลับมารับบทบาทเดิมอีกครั้งในซีซันที่ 2 ของเรื่อง Kingdom และจะมีผลงานการแสดงในซีรีส์เรื่อง Hyena

การเข้าปฏิบัติหน้าที่ในกรม

เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2010 จูจีฮุนได้เข้าปฏิบัติหน้าที่ในกองทัพของเกาหลีเพื่อทำหน้าที่ในกรมเป็นเวลา 5 สัปดาห์ในการฝึกขั้นพื้นฐานที่กองกำลังที่ 306 ในเมืองอึยจองบู จังหวัดกยองกี หลังจากนั้นจึงปฏิบัติหน้าที่กับกองกำลังสำรอง

ในเดือนสิงหาคม จูจีฮุนมีผลงานละครเวทีเกี่ยวกับทหารเรื่อง Voyage of Life ร่วมกับนักแสดงอีจุนกิ (Lee Joon-gi) ซึ่งละครเวทีเรื่องนี้เป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 60 ปีของสงครามเกาหลี มีการอำนวยการสร้างโดยกระทรวงกลาโหมและสมาคมโรงละครเวทีเกาหลี และจูจีฮุนก็ได้สิ้นสุดการปฏิบัติหน้าที่ในกรมเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2011

ประเด็นข้อขัดแย้ง

เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2009 จูจีฮุนถูกจับกุมโดยตำรวจนครบาลโซลในข้อหายาเสพติด เขาถูกจับกุมร่วมกับอีก 15 คนและนักแสดงหญิงคนหนึ่งที่ถูกระบุชื่อว่ายุนในข้อหาต้องสงสัยว่ามีการจำหน่ายยาอี เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2009 จูจีฮุนสารภาพในศาลว่ามีความผิดเรื่องการใช้ยาอีและเคตามีน เขาถูกตัดสินให้จำคุก 6 เดือน, พักงานเป็นเวลา 1 ปี, บำเพ็ญประโยชน์ให้สังคมเป็นเวลา 120 ชั่วโมงและจ่ายค่าปรับ 360,000 วอน โดยผู้พิพากษาอธิบายว่า “ธรรมชาติของอาชญากรรมนั้นไม่มีหนทางสู่แสงสว่าง แต่อย่างไรก็ตาม เขาได้สะท้อนถึงการกระทำความผิดของตัวเองและไม่ได้ใช้ยาเสพติดใดอีกตั้งแต่ตอนนั้นเป็นเวลา 1 ปี 2 เดือน และยังมีแฟนคลับทั้งในประเทศและต่างประเทศได้ร้องขอการจัดการที่เหมาะสมในเรื่องนี้และได้ส่งคำอุทธรณ์มา” ทนายความของจูจีฮุนกล่าวว่า “แน่นอนว่าเขาต้องยอมรับผลของการกระทำของเขา แต่ข้อมูลที่ไม่เป็นความจริงออกมาเรื่อยๆ และมีการกล่าวเกินจริงว่าเขาใช้ยาเป็นประจำ และบางอย่างมันไม่ยุติธรรมเลย”