สวัสดีครับ ขอแนะนำ น้องบัว หนึ่งในทีมงานเว็บที่มาช่วยงานเมื่อเร็วๆนี้ และจังหวะพอดีที่น้องบัว มีโอกาสได้ไปเที่ยวเกาหลี เลยมาเขียน มาเล่า แนะนำสถานที่เที่ยวเกาหลีในแง่มุมอื่นๆ พร้อมรูปภาพสวยๆ มาฝาก ลองไปชมกันเลยครับ

คลิก!!!

################################################

เที่ยวเกาหลีในวันใบไม้เปลี่ยนสี ฉบับคู่รักแบ็คแพคเกอร์

(ตอนที่ 1: ใบไม้สีแดงที่เปียกฝน และทุ่งดอกหญ้า ณ ฮานึลปาร์ค)

เดือนพฤศจิกายน เป็นเดือนแห่งความโรแมนติกที่คู่รักมากมายจากทั้งในประเทศและชาวต่างชาติต่างเดินทางไปท่องเที่ยว เพื่อไปชมใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง ประเทศเกาหลีเองก็ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่ผู้คนให้ความสนใจไม่น้อย และถ้าคุณคิดว่าฤดูใบไม้ร่วงที่เกาหลีสวยน้อยกว่าประเทศอื่นๆ แล้วล่ะก็คุณอาจจะคิดผิดก็ได้

ฤดูใบไม้ร่วงในเกาหลีมักจะมาพร้อมกับสายฝนเสมอ ถ้าคุณวางแผนจะไปเที่ยวเกาหลีในช่วงปลายตุลาคม -พฤศจิกายน อย่าลืมพกร่มติดไปด้วย เพราะฝนอาจจะตกลงมาได้ทุกเมื่อและทำให้เสื้อผ้าหน้าผมของคุณพังได้ ถึงแม้ว่าพยากรณ์อากาศของเกาหลีจะค่อนข้างแม่นยำมากแค่ไหนก็ตาม เขาก็บอกได้เพียงว่าวันนี้ฝนจะตก แต่ไม่รู้ว่าจะตกลงมาเมื่อไร ที่สำคัญคือ ร่มที่ขายตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ จะมีราคาแพงมาก ประมาณ 9,500 – 15,000 วอน หรือประมาณ 300 – 450 บาท ส่วนราคาที่ถูกที่สุดที่เคยเจอก็ 5,000 วอนหรือประมาณ 150 บาท ซึ่งสถานที่ที่เจอราคานี้ก็คือในตลาดท้องถิ่นในกรุงโซลที่ซึ่งไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวเข้าถึงมากนัก

สถานที่แรกสำหรับชมใบไม้เปลี่ยนสีก็คือ เกาะนามิ หรือที่คนเกาหลีเรียกว่า นามิซอม สถานที่สุดป๊อบปูล่าที่หลายๆ คนอาจจะเคยเดินทางไปท่องเที่ยวกันมาแล้ว เราเองเคยมาที่นี่หลายครั้ง แต่ละฤดูกาลเกาะนามิก็มีเสน่ห์เฉพาะตัวแตกต่างกันไป แต่สำหรับเราแล้วฤดูใบไม้ร่วงเป็นฤดูที่เกาะนามิสวยและโรแมนติกที่สุดสำหรับคู่รัก แต่มันไม่ง่ายเลยที่คุณจะสามารถคำนวณเวลาเดินทางมาได้ตรงกับช่วงที่ต้นไม้ทั้งเกาะเปลี่ยนเป็นสีสันสดใสแบบพอดี ตอนเราไปก็ยังมีใบไม้สีเขียวเหลืออยู่มาก

ระหว่างขึ้นเรือไปยังเกาะนามิก็มีคู่รักหลายคู่ร่วมทริปไปกับเราด้วย

ในวันที่เราเดินทางมานั้น เกาะนามิเต็มไปด้วยผู้คนนับหมื่นเนื่องจากตรงกับวันหยุดสำคัญของเกาหลีพอดี ทำให้ต้องเข้าคิวขึ้นเรือมาใช้เวลานานกว่าปกติประมาณครึ่งชั่วโมงได้ ประกอบกับฝนที่พร้อมใจตกลงมาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ยังเห็นคู่รักชาวเกาหลีมากมายสวมเสื้อกันฝนกันเป็นคู่และเดินพูดคุยกระหนุงกระหนิงไปตามถนนสายเล็กๆ ที่พาดผ่านใจกลางเกาะ ซึ่งเป็นถนนสายที่นำไปสู่ที่ตั้งไฮไลท์ของเกาะ ไฮไลท์ของเกาะนามิไม่ได้อยู่ที่ต้นไม้สีส้มแดงข้างทาง ไม่ใช่รูปปั้น แต่เป็นทิวต้นแปะก๊วยสีเหลืองอร่ามที่เรียงราย 2 ข้างทางรอให้นักท่องเที่ยวไปถ่ายรูป ถ้าไม่นับว่าต้องต่อแถวรอขึ้นเรือกลับประมาณ 3 ชั่วโมงท่ามกลางสายฝนที่โปรยปราย ความประทับใจที่ได้รับจากสถานที่แห่งนี้คงไร้ที่ติ

ทิวต้นแปะก๊วย ซึ่งเป็นไฮไลท์ของเกาะนามิ และยังเป็นจุดท้าทายสำหรับการถ่ายรูปยังไงไม่ให้ติดนักท่องเที่ยวคนอื่น

สถานที่ที่ 2 ที่ทัวร์ไม่มีวันพาคุณไปก็คือ ฮานึลปาร์ค หรือที่คนเกาหลีเขาจะเรียกว่า ฮานึล-คงวอน เผื่อหาทางไปไม่เจอ คุณสามารถถามคนเกาหลีบริเวณนั้นได้โดยใช้คำว่า ‘ฮานึล-คงวอน’ ซึ่งคำว่า ‘ฮานึล’ นั้นหมายถึง ท้องฟ้า ขณะที่คำว่า ‘คงวอน’ นั้นแปลว่า สวนสาธารณะ ได้ยินชื่อครั้งแรกแล้วก็เดาเล่นๆ ได้เลยว่า สวนแห่งนี้ต้องอยู่สูงจากพื้นดินมากแน่ๆ และมันก็เป็นอย่างนั้นจริง

ฮานึลปาร์คในช่วงบ่าย

บันไดขึ้นไปยังฮานึลปาร์ค

การเดินทางไปฮานึลปาร์คนั้น ให้คุณนั่งรถไฟใต้ดินไปลงที่สถานี World Cup Stadium จากนั้นจึงต้องเดินขึ้นบันไดมาอีกประมาณ 290 ขั้น (บันไดค่อนข้างกว้างและไม่ชัน) ถึงจะเจอทุ่งดอกหญ้าสีขาวขนาดใหญ่อยู่บนสุดของเขา

จุดถ่ายรูปที่เขาเตรียมไว้ให้ เราก็เลยถ่ายกันซักหน่อย

ฮานึลปาร์คยามเย็นก่อนพระอาทิตย์ตกดินเล็กน้อย ก็ให้ความรู้สึกอีกรูปแบบหนึ่ง

ทุ่งดอกหญ้าสีขาวที่ฮานึลปาร์คจะสวยงามที่สุดในฤดูใบไม้ร่วง ตั้งแต่เดือนตุลาคม – พฤศจิกายน สถานที่แห่งนี้ยังมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางไปน้อย ส่วนใหญ่จะเป็นคนเกาหลีที่มีอายุมาเดินออกกำลังกายเป็นกลุ่ม คู่รัก ครอบครัว หรือไม่ก็กลุ่มเพื่อนที่มาถ่ายรูปร่วมกัน บอกเลยว่าสถานที่แห่งนี้สวยงามมากจริงๆ เดินขึ้นมาเหนื่อยแค่ไหน ลมเย็นที่พัดมาระหว่างเดินขึ้นมาก็จะช่วยให้เหงื่อหายไปและทำให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก แนะนำเป็นอย่างยิ่งสำหรับคู่รักที่ชื่นชอบธรรมชาติที่สวยงามเช่นเดียวกับพวกเรา

ติดตามตอนต่อไปนะคะ ^^