Lee Byung Hun

อีบยองฮอน เกิดวันที่ 12 กรกฎาคม 1970 เป็นนักแสดงชาวเกาหลีใต้ เขาได้รับคำชมจากผลงานหลากหลายแนว โดยเฉพาะเรื่อง Joint Security Area (2000); All In (2003); A Bittersweet Life (2005); The Good, the Bad, the Weird (2008); I Saw the Devil (2010); Masquerade (2012); และซีรีส์เรื่อง Iris (2009), Mr. Sunshine (2018) และ Inside Men (2015) ที่ทำให้เขาได้รับรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากงานประกาศรางวัลที่มีชื่อเสียงที่สุด 3 งานของเกาหลีใต้ ได้แก่ Baeksang Arts Awards ครั้งที่ 52, Blue Dragon Film Awards ครั้งที่ 37 และ Grand Bell Awards ครั้งที่ 53 อีบยองฮอนมีภาพยนตร์ทั้งหมด 7 เรื่อง ได้แก่ Joint Security Area, The Good, the Bad, the Weird, Masquerade, Inside Men, Master, Ashfall และ The Man Standing Next ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่ทำเงินสูงสุดในเกาหลีใต้ อีบยองฮอนได้รางวัลนักแสดงแห่งปีของ Gallup Korea ในสาขาภาพยนตร์ปี 2012 และในสาขาโทรทัศน์ปี 2018 เขาปรากฏตัวกับบทที่กลับมาอีกครั้งในฐานะ Front Man ในซีรีส์แนวเอาชีวิตรอดเรื่องดังของ Netflix เรื่อง Squid Game ทั้ง 2 ซีซั่น

คลิก!!!

ในอเมริกา เขาเป็นที่รู้จักจากการรับบท Storm Shadow ใน G.I. Joe: The Rise of Cobra (2009) และภาคต่อ G.I. Joe: Retaliation (2013) และแสดงร่วมกับBruce Willis ใน Red 2 (2013) เขารับบท T-1000 ใน Terminator Genisys (2015) และ Billy Rocks ใน The Magnificent Seven (2016) อีบยองฮอนเป็นนักแสดงชาวเกาหลีใต้คนแรกที่ได้ประกาศรางวัล Oscar ประจำปีในงาน Academy Awards ที่ Los Angeles  และเป็นสมาชิกของAcademy of Motion Picture Arts and Sciences อีบยองฮอนและอันซองกิเป็นนักแสดงชาวเกาหลีใต้คนแรกที่ประทับรอยมือและเท้าของพวกเขาบนลานด้านหน้าของ Grauman’s Chinese Theatre ที่ Hollywood, Los Angeles

HOLLYWOOD, CA – JUNE 23: Actor Lee Byung-hun (L) and Ahn Sung-ki attend the Look East Korean Film Festival – Korean actors Lee Byung-Hun and Ahn Sung-Ki hand and footprint ceremony held at the Grauman’s Chinese Theatre on June 23, 2012 in Hollywood, California. (Photo by Tommaso Boddi/WireImage)

ชีวิตส่วนตัว

อีบยองฮอนเกิดที่โซล, เกาหลีใต้ เขามีน้องสาวชื่ออีอึนฮี ซึ่งชนะการประกวดMiss Congeniality portion of Miss Korea ในปี 1996 เขาสำเร็จการศึกษาจากมหาลัยฮันยาง สาขาวรรณคดีฝรั่งเศส และGraduate School of Chung-Ang University สาขาละครและภาพยนตร์ เวลาว่างเขาจะฝึกเทควันโด

ความสัมพันธ์

ก่อนหน้านี้เขาเคยมีข่าวกับซงฮเยคโย ซึ่งทั้งคู่เคยแสดงนำด้วยกันในเรื่อง All In ในช่วงต้นปี 2000 ความสัมพันธ์ของทั้งคู่แม้จะไม่เปิดเผยต่อสาธารณชนมากนัก แต่ก็นานถึง 15 เดือนก่อนที่ทั้งคู่จะเลิกรากันในช่วงกลางเดือนมิถุนายน 2004 อีบยองฮอนแต่งงานกับนักแสดงสาวอีมินจองเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2013 ที่ Grand Hyatt Seoul ทั้งคู่ดูใจกันสั้น ๆ ในปี 2006 จากนั้นกลับมาคบกันอีกครั้งในปี 2012 อีมินจองให้กำเนิดลูกชายคนแรกชื่ออีจุนฮู เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2015 4 สิงหาคม 2023 อีมินจองยืนยันว่าเธอกำลังท้องลูกคนที่ 2 ทั้งคู่ต้อนรับลูกลูกสาวที่เกิดเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2023

หลังจากที่เขาต้องชำระหนี้บางส่วนหลังจากพ่อเสียชีวิต อีบยองฮอนก็ตกอยู่ในภาวะซึมเศร้า จากนั้นเขาก็เริ่มมีอาการตื่นตระหนกและยากที่จะเข้าร่วมงานประกาศรางวัล อีบยองฮอนให้เครดิตอีมินจองภรรยาของเขาที่ช่วยให้เขาเอาชนะปัญหาสุขภาพจิตได้

คดีแพ่งและข้อกล่าวหาการพนัน

9 ธันวาคม 2009 ควอนมิยอน อดีตแฟนของอีบยองฮอนยื่นฟ้องแพ่งโดยกล่าวหาว่าเธอถูกหลอกให้มีเพศสัมพันธ์กับเขาและสัญญาว่าจะแต่งงานด้วย เธออ้างว่าอีบยองฮอนทำให้เธอต้องทุกข์ใจและได้รับความเสียหายทางกาย รวมถึงอ้างว่าอีบยองฮอนเป็นนักพนันตัวยง ควอนมิยอนฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย 100 ล้านวอน บริษัท BH Entertainment ของอีบยองฮอนโต้ว่าคำกล่าวอ้างของเธอทั้งหมดไม่ใช่เรื่องจริง และคดีนี้เป็นการแก้แค้นที่เลิกกัน อีบยองฮอนฟ้องกลับควอนมิยอนในข้อหาหมิ่นประมาทและกรรโชกทรัพย์

ไม่นานหลังจากยื่นฟ้อง พิธีกรรายการโทรทัศน์อย่างคังบยองกยูก็มาที่กองถ่ายซีรีส์เรื่อง Iris ที่อีบยองฮอนกำลังถ่ายอยู่ คังบยองกยูพาพวกนักเลงมาก่อความวุ่นวายเพราะทะเลาะกับโปรดิวเซอร์เพราะปล่อยข่าวลือว่าคังบยองกยูอยู่เบื้องหลังความบาดหมางระหว่างอีบยองฮอนและควอนมิยอน และจากเหตุการณ์นี้ คังบยองกยูจึงถูกจับในข้อหาทำร้ายร่างกาย ต่อมาคังบยองกยูยังถูกฟ้องข้อหา Blackmail และหมิ่นประมาท อัยการกล่าวหาว่าคังบยองกยูและควอนมิยอนสมคบคิดกัน Blackmail อีบยองฮอนเพื่อเรียกเงินจำนวนมากในเดือนพฤศจิกายน 2009 ก่อนที่ควอนมิยอนจะยื่นฟ้องแพ่งในเดือนธันวาคม หลังจากที่อีบยองฮอนปฏิเสธที่จะจ่ายเงินให้

อีบยองฮฮนพ้นผิดจากข้อกล่าวหาการพนันผิดกฎหมายเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2010 โดยอัยการบอกว่าไม่มีหลักฐานใด ๆ สุดท้ายคำร้องเรียกค่าเสียหายของควอนมิยอนก็ถูกยกเลิกในเดือนสิงหาคม 2010 เพราะเธอไม่ได้มาในกระบวนการพิจารณาคดี สุดท้ายคังบยองกยูก็ถูกตัดสินจำคุก 1 ปีและคุมประพฤติ 3 ปีในปี 2013 ในข้อหาฉ้อโกงและทำร้ายร่างกาย

คดีการ Blackmail

28 สิงหาคม 2014 อีบยองฮอนถูกนักร้องสาวดาฮี เกิร์ลกรุ๊ปเกาหลีวง GLAM และนางแบบสาวอีจียอน Blackmail เป็นเงิน 5 พันล้านวอน (ประมาณ 4,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ) โดยแลกกับการไม่เผยคลิปที่เขาพูดเล่นเรื่องเซ็กส์ขณะดื่มกับพวกเธอเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม ดาฮีและอีจียอนถูกกุมเมื่อวันที่ 1 กันยายน หลังจากนั้นอีบยองฮอนก็แจ้งความกับตำรวจเมื่อพวกเธอส่งกระเป๋าเดินทาง 2 ใบให้เขาเพื่อใส่เงิน ต่อมามีการเปิดเผยว่าการก่ออาชญากรรมดังกล่าวมีเจตนาและวางแผนไว้ล่วงหน้า เพราะดาฮีและอีจียอนต่างมองหาตั๋วเครื่องบินเพื่อหนีไปยุโรปและซื้อกระเป๋าเดินทาง 2 ใบเพื่อใช้ขนเงินนอกจากนี้ ผู้หญิงทั้ง 2 คนพยายามถ่ายคลิปของอีบยองฮอนที่กำลังกอดอีจียอนโดยการแอบวางมือถือไว้ที่อ่างล้างจานในครัว แต่พวกเธอก็ทำไม่สำเร็จ แต่อีจียอนอ้างว่าการ Blackmailนั้ นเป็นการกระทำที่ปุบปับหลังจากที่อีบยองฮอนเลิกกับเธอ ต้นสังกัดของอีบยองฮอนได้ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการโดยระบุว่าอีบยองฮอนไม่เคยพบเธอตามลำพังเลยสักครั้ง และอีบยองฮฮนก็ได้บอกกับผู้หญิงทั้ง 2 คนว่าเขาจะไม่เจอพวกเธออีกเมื่อเขาสัมผัสได้ถึงเจตนาแอบแฝงคือหลังจากพูดคุยเกี่ยวกับปัญหาทางการเงินของพวกเธอ พวกเธอเรียกร้องให้อีบยองฮอนซื้อบ้านให้ การพิจารณาคดีครั้งสุดท้ายจัดขึ้นที่ศาลกรุงโซลเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2015 ดาฮีถูกตัดสินจำคุก 1 ปี และอีจียอนถูกตัดสินจำคุก 1 ปี 2 เดือนในเดือนกุมภาพันธ์ ภายหลังจากการพิพากษา อีบยองฮฮนได้ขอการอภัยโทษแก่หญิงสาวทั้ง 2 คน อัยการที่รับผิดชอบรู้สึกว่าโทษดังกล่าวความผ่อนปรนเกินไป ในเดือนมีนาคม หญิงสาวทั้ง 2 คนซึ่งถูกจำคุกเป็นเวลา 6 เดือนได้รับโทษโดยรอลงอาญาเป็นเวลา 2 ปี หลังจากการขอการอภัยโทษของอีบยองฮฮน วงเกิร์ลกรุ๊ป GLAM ก็ถูกยุบวงหลังจากการพิพากษาคดีของดาฮี