นักแสดงหญิง ฮวังจองอึม (Hwang Jung-eum) ได้ออกมาขอโทษต่อสาธารณชนในช่วงเย็นวันพฤหัสบดี หลังจากยอมรับในชั้นศาลว่าได้ยักยอกเงินจากบริษัทของตนเองเพื่อนำไปลงทุนในสกุลเงินดิจิตัล
“ฉันขอโทษที่ทำให้ทุกคนเป็นกังวลกับเรื่องที่น่าอับอายเช่นนี้” ฮวังกล่าวในแถลงการณ์ที่เผยแพร่ผ่านต้นสังกัดใหม่ Y.One Entertainment
เธออธิบายว่า “ฉันก่อตั้งและดำเนินกิจการบริษัทบันเทิงขึ้นมาเพื่อดูแลกิจกรรมในวงการบันเทิงของตัวเองเท่านั้น ฉันถือหุ้นทั้งหมด 100% และไม่มีศิลปินคนอื่นอยู่ภายใต้บริษัท รายได้ทั้งหมดมาจากงานของฉันเอง”
ฮวังเล่าว่าในปี 2021 เธอได้รับคำแนะนำจากคนใกล้ชิดให้นำเงินของบริษัทไปลงทุนในคริปโต
“ฉันลงทุนด้วยความหวังว่าจะทำให้บริษัทเติบโต แต่กลายเป็นการตัดสินใจที่เร่งรีบและไม่รอบคอบ” เธอกล่าว “แม้ว่าเงินจะอยู่ในชื่อของบริษัท แต่ก็เป็นรายได้ที่มาจากงานของฉันเอง ฉันตัดสินใจผิดพลาดในเรื่องนี้”
การลงทุนในคริปโทนั้นนำไปสู่การขาดทุน แต่เธอย้ำว่า “เนื่องจากฉันเป็นผู้ถือหุ้นแต่เพียงผู้เดียว และไม่มีเจ้าหนี้รายอื่นนอกจากธนาคารที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน จึงนับว่าโชคดีที่ไม่มีบุคคลภายนอกได้รับความเสียหาย”
ฮวังจองอึมยังกล่าวว่า เธอกำลังดำเนินการเพื่อแก้ไขความสัมพันธ์ทางการเงินกับบริษัท
“ฉันได้เข้าร่วมต้นสังกัดใหม่แล้ว และได้ตัดขาดจากบริษัทเดิมอย่างสิ้นเชิง” เธอกล่าว “ฉันได้ชำระเงินคืนเป็นจำนวนเงินส่วนใหญ่จากที่นำออกไปในลักษณะของการเบิกชั่วคราว โดยขายทรัพย์สินส่วนตัว และกำลังอยู่ในขั้นตอนการชำระคืนส่วนที่เหลือ”
ก่อนหน้านี้ในวันพฤหัสบดี ฮวังได้ยอมรับข้อกล่าวหาทั้งหมดในระหว่างการไต่สวนที่ศาลแขวงเชจู
เธอถูกฟ้องในข้อหายักยอกทรัพย์ ภายใต้กฎหมายว่าด้วยการลงโทษกรณีอาชญากรรมทางเศรษฐกิจร้ายแรง
ฮวังจองอึมยอมรับว่าในปี 2022 ได้ถอนเงิน 4.3 พันล้านวอน (ประมาณ 114 ล้านบาท) จากบริษัทของครอบครัว และนำไปลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซีเป็นส่วนใหญ่
ทนายของฮวังจองอึมให้การในศาลว่า “จำเลยลงทุนในคริปโตด้วยเจตนาจะพัฒนาบริษัท — และเนื่องจากนิติบุคคลไม่สามารถถือครองคริปโตได้ การลงทุนจึงดำเนินการในชื่อส่วนตัวของเธอชั่วคราว ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดคดีในครั้งนี้”
“เนื่องจากรายได้ของบริษัทมาจากผลงานของเธอโดยตรง จึงอาจถือได้ว่าเป็นสิทธิของเธอโดยชอบธรรม” ทนายกล่าวเสริม
ตามที่ทนายระบุ ฮวังจองอึมได้ขายสินทรัพย์คริปโตบางส่วนเพื่อนำมาชำระหนี้บางส่วนแล้ว และมีแผนจะขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อชำระหนี้ส่วนที่เหลือ
ฝ่ายจำเลยได้ร้องขอเวลาเพิ่มเติมเพื่อจัดการชำระเงินคืน ซึ่งศาลได้อนุมัติ และนัดไต่สวนครั้งที่สองในเดือนสิงหาคม