พฤติกรรมแย่ๆ ที่ทำให้ดาราญี่ปุ่นถูกแบน!
2015-04-15 13:54:57
Advertisement
Pyramid Game

วงการบันเทิงญี่ปุ่นขึ้นชื่อว่าเป็นวงการที่มีความเข้มงวดอยู่พอสมควรค่ะ มีกฎเหล็ก ข้อต้องห้ามที่เหล่าดารา ไอดอลต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ถ้าเผลอละเมิดกฎเมื่อไรล่ะก็ จะตามมาด้วยความเสียหายที่คาดไม่ถึงค่ะ 

วันนี้เลยอยากจะนำเสนอแง่มุมของพฤติกรรมต้องห้ามของเหล่าดารา พฤติกรรมแบบไหนบ้างที่จะทำให้ดาราญี่ปุ่น “ถูกแบน” แล้วถ้าถูกแบนแล้ว ชีวิตต่อจากนั้นของพวกเขาจะเป็นอย่างไร ตามมาดูกันเลยค่ะ


1. ดื่มเหล้า
แม้เราจะเห็นคนญี่ปุ่นชอบดื่มเหล้า ดื่มเบียร์หลังเลิกงานทั้งในชีวิตจริง และในซีรีส์ญี่ปุ่นอยู่บ่อยๆ แต่การดื่มเหล้าหรือเครื่องดิ่มแอลกอฮอล์ในอายุที่ยังไม่ถึงเกณฑ์ก็ถือว่าไม่เหมาะสมค่ะ โดยเฉพาะกับคนที่มีชื่อเสียง ทำงานอยู่ในวงการบันเทิง ถ้าถูกจับได้ว่าไปกินเหล้าในขณะที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ก็จะถูกสั่งพักงานจากวงการบันเทิงไปเลยค่ะ กรณีตัวอย่าง เช่น 
 



Uchi Hiroki สมาชิกวง NEWS และ Kanjani8 ที่ถูกพักงานเนื่องจากดื่มเหล้าในขณะที่อายุไม่ถึง 20 ปี และต่อมา Kusano Hironori สมาชิกของวงก็ถูกพักงานจากเหตุผลเดียวกัน หลังจากที่มีศิลปินถึง 2 คน ถูกจับได้ว่าดื่มเหล้าแบบนี้ส่งผลให้ในปี 2006 วง NEWS ถูกพักงานทั้งวงไปชั่วขณะค่ะ! 

ประเด็นนี้ทำให้เห็นถึงความรับผิดชอบส่วนรวมค่ะ การที่เราทำผิด อาจพลอยทำให้คนอื่นเดือดร้อนไปด้วย  
ต่อมาในช่วงสิ้นปี 2006 วง NEWS ก็กลับมาทำงานต่อได้ ส่วนศิลปินอีก 2 คนนั้น ก็ได้กลับมาในวงการอีกครั้ง แต่ใช้เวลานานมากค่ะ อย่าง Uchi Hiroki ถูกพักงานไป 2 ปี แต่ว่าอุจิไม่ได้กลับเข้ามาในฐานะสมาชิกของวง NEWS และ Kanjani8 อีกเลยนะคะ ส่วนใหญ่จะรับเป็นงานละครแทน 

ส่วน Kusano Hironori หลังจากถูกพักงานก็กลับไปเป็นเด็กฝึกหัดในค่ายจอห์นนี่ต้นสังกัด หลังจากนั้นก็ไม่ค่อยมีงานอะไรอีก แล้วกลับมาอีกทีในปี 2012 กับการเป็นศิลปินเดี่ยวเต็มตัว แม้ทั้งคู่จะได้กลับมาโลดแล่นในวงการบันเทิงอีกครั้ง แต่ก็น่าใจหายค่ะ ที่เขาทั้งสองไม่อาจกลับเข้าไปร่วมเดินตามฝันกับเพื่อนร่วมวงได้อีก...


2. สูบบุหรี่
แม้คนญี่ปุ่นจะสูบบุหรี่กันเยอะ ถ้าดูในซีรีส์ญี่ปุ่นบางเรื่อง เราก็จะให้ควันจากบุหรี่พวยพุ่งเต็มจอจนแทบจะสำลัก (ขนาดไม่ได้กลิ่น) และการสูบบุหรี่ก็ไม่ได้เป็นข้อห้ามสำหรับดารา-นักแสดงญี่ปุ่นหรอกค่ะ แต่ “การสูบหรี่” เป็นข้อห้ามสำหรับดารา-นักแสดง หรือไอดอลที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะค่ะ และถ้าจับได้ มีโทษมหันต์เลยทีเดียว กรณีนี้ที่เป็นประเด็นใหญ่โตของวงการเลยก็คือ 
 



ในปี 2011 “Ryutaro Morimoto” ไอดอล นักร้องหนุ่มจากวง Hey! Say! JUMP กลุ่มบอยแบนด์หนุ่มหน้าใสที่กำลังมาแรงแซงโค้งแบบสุดๆ  แต่กลับถูกสั่งพักงานหลังจากมีภาพหลุดกำลังสูบบุหรี่ ซึ่งในภาพเขาเพิ่งมีอายุได้เพียง 14 ปีเท่านั้น ทางต้นสังกัดเลยเข้าไปสอบถามน้องริวทาโร่ น้องก็ยอมรับค่ะว่าเป็นภาพตัวเองจริง และตอนนี้ก็รู้สึกเสียใจและรู้สึกผิดมาก

แต่การกระทำดังกล่าวเป็นเรื่องที่ถือว่าผิดกฎหมายเลยค่ะ สำหรับที่ญี่ปุ่น การสูบบุหรี่ในขณะที่ยังเป็นเยาวชนถือว่าเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ทางต้นสังกัดจึงขอสั่งหยุดพักงานอย่าง “ไม่มีกำหนด” ทันที แม้ปัจจุบันในวันที่เกิดข่าวน้องริวทาโร่จะเลิกสูบบุหรี่แล้ว แต่ก็ต้องยอมรับผิดในสิ่งที่เคยก่อไว้ในอดีต 

ทุกคนต่างก็จับตามองค่ะว่าน้องริวทาโร่จะได้กลับเข้าสู่วงการบันเทิงได้อีกหรือไม่ บางคนก็ให้ข้อสังเกตว่า น้องยังลงเรียนคอร์ส TRAIT ของโรงเรียน Horikoshi  ซึ่งเป็นคอร์สของโรงเรียนที่พวกดารานักแสดงลงเรียนกันค่ะ เพื่อที่จะได้ทำกิจกรรมทางวงการบันเทิงได้สะดวก โดยไม่ส่งผลเสียต่อการเรียน แต่จนถึงตอนนี้ปี 2015 เป็นเวลากว่า 4 ปีแล้ว ก็ยังไม่เห็นน้องริวทาโร่กลับมาในวง Hey! Say! JUMP... (นี่ขนาดไม่ใช่ประเด็นติดยาเสพติดนะคะ ยังถึงขั้นเงียบหายไปจากวงการเลยค่ะ)


3. ทำอนาจารในที่สาธารณะ
ถ้าเกิดไอดอลหรือดาราญี่ปุ่นไปก่อเหตุอนาจาร ก็จะต้องถูกสั่งพักงานด้วยเช่นกัน อย่างกรณีของTsuyoshi Kusanagi หนึ่งในสมาชิกของวง SMAP ที่ถูกจับและสั่งหยุดพักงานเนื่องจากไปเมาแล้วแก้ผ้าแก้ผ่อนอยู่ในส่วนกลางกรุงโตเกียว พูดตรงๆ เลยว่า หมดคราบไอดอลสุดสมาร์ทเลยค่ะ และถือว่าเป็นข่าวที่ใหญ่โตของญี่ปุ่นพอสมควร เพราะวง SMAP เป็นวงไอดอลระดับต้นๆ ของญี่ปุ่น 
 



แต่โชคดีตรงที่ว่าเจ้าหน้าที่อัยการโตเกียวไม่ส่งฟ้อง เนื่องจากทางคุซานากิได้ออกมากล่าวขอโทษ แสดงความเสียใจ แถมเห็นใจที่เขาเองก็ได้รับความอับอายจากเหตุการณ์นี้เช่นกัน (ไปโชว์ให้ชาวบ้านชาวช่องเห็นจุด Exclusive ซะขนาดนั้นนน) ส่วนทางต้นสังกัด ก็ให้กลับมาร่วมงานกับวง SMAP ได้อีกครั้ง เหตุผลเดียวกับที่กล่าวไปข้างต้น นอกจากนี้ทางต้นสังกัดก็ได้ไปปรึกษากับหลายๆ ฝ่ายค่ะทั้งสื่อ คนวงการโทรทัศน์ ภาพยนตร์ เพลง บริษัทโฆษณา รวมถึงความเห็นใจของแฟนๆ ทำให้เขาได้กลับมาเป็นศิลปินในฐานะสมาชิกของ SMAP ได้อีกครั้ง


4. มีแฟน
 



เมื่อปี 2013 มีข่าวอื้อฉาวของวงการบันเทิงญี่ปุ่นข่าวหนึ่งที่ตกเป็นจุดจับตามอง นั่นก็คือข่าวของ “มินามิ มิเนกิชิ” สมาชิกวง AKB48 ที่ถูกปาปารัสซีจับภาพได้ว่าเธอกำลังออกมาจากหอพักของผู้ชาย ซึ่งการมีแฟนถือเป็นข้อต้องห้ามของวงการไอดอลญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ค่ะ โทษหนักก็คือต้องลาออกจากวงไปเลยก็ว่าได้
 



ทำให้มินามิต้องยอมโกนหัว สละผมยาวสลวยของตนเองทิ้ง เพื่อแสดงถึงความสำนึกผิดจากก้นบึ้งหัวใจ แล้วออกมาขอโทษทุกคนทั้งน้ำตาผ่าน Youtube  ด้วยเหตุผลหลักๆ ก็คือ เธอรู้สึกผิดและเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น และไม่อยากออกจากวง AKB48 ไป เลยทำให้มินามิถูกลดโทษ โดยลดระดับให้กลับไปเป็นเด็กฝึกหัดค่ะ ซึ่งจากกรณีนี้ก็ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์เช่นกันค่ะว่า ดูเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลไปไหม สมควรแล้วเหรอที่ต้องห้ามไม่ให้ไอดอลมีแฟนขนาดนั้น

ส่วนเหตุผลที่ทำไมวงการบันเทิงญี่ปุ่นต้องห้ามไอดอลมีแฟนก็ยังคงเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันเรื่อยๆ แต่โดยส่วนตัวคิดว่า ไอดอลคือคนของประชาชนค่ะ ภาพลักษณ์มีส่วนสำคัญ การมีแฟนอาจส่งผลต่อความนิยม และอีกหนึ่งเหตุผล...ก็คือ การที่ไอดอลมีแฟนเนี่ยอาจทำให้พวกเขาไม่สามารถมาทุ่มเทกับการฝึกซ้อมได้มากเท่าที่ควรค่ะ แล้วถ้าสมมติว่าเกิดอกหักขึ้นมา อาจทำให้ไม่เป็นอันทำงานทำการได้ อาการในช่วงนั้นมันเป็นอะไรที่วายป่วงสุดๆ ไม่มีอารมณ์ทำงานได้อย่างเต็มที ดีไม่ดีอาจส่งผลกระทบต่อทีมอีกด้วย ด้วยเหตุนี้อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ห้ามไอดอลมีแฟนก็เป็นได้ค่ะ

แต่ก็มีไอดอลที่แต่งงานมีลูกไปแล้วนะคะ อย่าง “ทาคุยะ คิมูระ” สมาชิกในวง SMAP ประกาศกลางเวทีเลยค่ะว่าจะแต่งงานนะ แฟนๆ ถึงกับเฮิร์ทไปตามๆ กัน แต่ทุกวันนี้ทาคุยะก็ยังคงได้รับความนิยมอยู่เช่นเคย มีงานทางวงการบันเทิง ทั้งเพลง ละคร และยังได้เป็นพระเอกตลอดกาลอีกซะด้วย


5. เหวี่ยงวีน ติสท์ออกสื่อ
เหวี่ยง วีน และติสท์แตกต่อหน้าสื่อก็เป็นอีกหนึ่งพฤติกรรมที่ไม่ง๊ามไม่งามค่ะ ที่เป็นข่าวออกมาอย่างโด่งดังเห็นทีจะเป็นกรณีของนางเอกสาว Sawajiri Erika ที่เคยโด่งดังจากเรื่อง “1 Litre of Tears” หลายคนคงติดภาพสาวผู้อ่อนโยน แล้วแสนดี แต่ก็ต้องสลัดภาพพวกนี้ออกไปเลยค่ะ ถ้ามาเจอกับข่าวนี้... 
 

 

เอริกะในโหมดสาวใส อ่อนโยน...



เหตุเกิดในปี 2007 ในขณะที่เธออายุเพียง 21 ปีค่ะ เธอถูกคนทั้งประเทศญี่ปุ่นแบน เนื่องจากทำตัวไม่เหมาะสมในงานเปิดแถลงข่าวภาพยนต์เรื่อง Closed Note พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของเธอก็เริ่มตั้งแต่การแต่งตัวค่ะ ผมทอง คาดแว่นตาดำบนหัว ใส่ชุดยาวสีเขียว ในขณะที่คนอื่นแต่งกายด้วยชุดสูทสีดำอันเรียบร้อย และที่พีคสุดๆ ก็คงเป็นพฤติกรรมระหว่างให้การสัมภาษณ์บนเวทีค่ะ นางทำหน้าบูดบึง เหวี่ยงๆ ตลอดงานแถลงข่าว ยืนกอดอก ยืนขาถ่างๆ ออกแนวนักเลงๆ หน่อย 
 



แถมตอบคำถามไม่ดีด้วย แบบนี้...
พิธีกร : “คุณได้ประสบการณ์อะไรจากการถ่ายภาพยนตร์เรื่องนี้บ้างคะ”
เอริกะ : “ไม่มีนิ” 
พิธีกร : “ประทับใจฉากไหนเป็นพิเศษเอ่ย”   
เอริกะ: “ไม่มีฉากไหนเป็นพิเศษ”
พิธีกร : “มีอะไรฝากถึงแฟนๆ ไหมคะ”
เอริกะ : “วันนี้ขอบคุณทุกคนมาก” (แบบห้วนๆ)
ยังค่ะ ยังไม่หมด นางยังแผลงฤทธิ์ต่อในตอนถ่ายรูปหมู่คู่กับป้ายภาพยนตร์ นางก็ยังคงทำหน้าบูดบึ้ง ไม่ยอมจับป้ายด้วยค่ะ คือตามมารยาทแล้ว เวลาถ่ายรูปรวมนักแสดงต้องร่วมกันถือป้ายค่ะ แต่นางไม่ถือ นางก็ยังคงทำหน้าบูดบึ่งใส่กล้อง แบบเหวี่ยงๆ พอเสร็จงานก็เดินออกไปเลย ส่วนเหตุผลของพฤติกรรมนี้ยังไม่มีใครทราบแน่ชัดค่ะ
 

 

ฉันไม่จับ ฉันจะกอดอก รมบ่จอยมีปัญหาอะไรม่ะ!



วันต่อมาเกิดอะไรขึ้นรู้ไหมคะ นางถูกสื่อต่างๆ วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ต่อมานางเลยเขียนคำขอโทษขึ้นผ่านเว็บไซต์ของนาง และปรากฏตัวอีกครั้งในรายการ “Super Morning” (TV Asahi) ออกมาขอโทษขอโพยทั้งน้ำตา แต่ก็ไม่ได้ทำให้เกิดผลดีเท่าไรนัก เพราะจากเหตุการณ์วันนั้นทำให้ตารางงานของเธอว่างเปล่าไปเป็นเวลา 1 ปีเต็ม และนางก็ติดโพลสำรวจในหัวข้อประมาณว่า “ดาราสาวที่ถูกหมั่นไส้จากสื่อ” พร้อมกับตำแหน่ง “บุคคลที่ผู้หญิงญี่ปุ่นไม่ชอบขี้หน้ามากที่สุด” และดูเหมือนว่าทางต้นสังกัดจะไล่นางออกด้วย (แต่ข้อเท็จจริงในข้อนี้ไม่ชัวร์นะคะ ได้ยินเขาเม้าท์ๆ กันมา) 

นางก็กลับมาอีกครั้ง ก็ในตอนที่มีข่าวจะแต่งงานกับนักธุรกิจอายุ 45 ปี ที่มีอายุห่างกันไม่น้อยเลยทีเดียว แต่คบกันได้ไม่นานก็ต้องหย่าร้างกันไป และจากนั้นนางก็หายไปอีก แล้วกลับมาอีกครั้งในภาพยนตร์สุดร้อนแรงอย่างเรื่อง “Helter Skelter” แล้วกลับมาเล่นละครภาคพิเศษอย่างเรื่อง “Tokeiya no Musume”รับบทเป็นหญิงสาวที่แสนดีอีกครั้ง
 


 
แล้วลงมาเล่นละครอย่างเต็มตัวในเรื่อง “First Class” เรื่องราวเกี่ยวกับหญิงสาวอ่อนต่อโลกที่มีคนฝันอยากเข้าสู่วงการแฟชั่น จนได้เข้าทำงานเป็นบ.ก.นิตยสารแฟชั่นชื่อดัง ก็ต้องเจอกับเหล่านางมารร้ายแซ่บๆ ในกองบ.ก. จนได้รู้ว่า “โลกมันไม่ได้ง่ายและไม่ได้สวยอย่างที่คิด” ซึ่งละครเรื่องนี้ถือว่าเป็นละครเรื่องแรกในรอบ “8 ปี” ของเอริกะเลยค่ะ! 

เหวี่ยงวีนบทเวทีไม่กี่ชั่วโมง แต่กว่าจะได้กลับมาโลดแล่นในวงการบันเทิงญี่ปุ่นได้อีกครั้ง ใช้เวลาเกือบ 10 ปีเลยทีเดียว! แต่เหตุการณ์นี้ก็ทำให้รู้ว่า...เอริกะเป็นนักแสดงสาวที่มีฝีมือดีค่ะ ใครจะไปคิดล่ะค่ะว่า จากลุคใสๆ แบ้วๆ จะมาเหวี่ยง และวีนได้ถึงขนาดนี้! และเชื่อว่าเพราะฝีมือการแสดงขั้นเทพ พร้อมกับการปรับทัศนคติของเธอเลยทำให้กลับมายังวงการนี้ได้อีกครั้ง (แต่ก็ทุลักทุเลพอสมควร)

เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าเมื่อเลือกมาเป็นดารา-ศิลปินแล้ว ภาพลักษณ์ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่ง เพราะดาราคือคนของประชาชน มีผู้คนมากมายที่กำลังติดตามเราอยู่ นอกจากการแสดง การร้องเพลงแล้ว ต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่สังคมด้วย ทางญี่ปุ่นเองคงตระหนักถึงเรื่องนี้เช่นกัน พอเจอนักแสดงทำผิดที มักจะมีมาตรการแบบเด็ดขาด ส่วนนักแสดงเองก็ต้องรับผลในสิ่งที่ทำไป ถือเป็น “การรับผิดชอบสังคม” อีกทางหนึ่ง 
 

การให้อภัยก็เป็นสิ่งที่ดีงามค่ะ แต่ไม่ควรใช้เป็นสิ่งรองรับความผิดอย่างพร่ำเพื่อ 
จนทำให้ “ความผิด” เท่ากับเป็น “สิ่งธรรมดา” หรือ “เรื่องที่ผิด” อีกไม่นาน “คนก็ลืม”  



เรื่องโดย : ChaMaNow www.marumura.com

ขอขอบคุณที่มา  http://www.marumura.com/
 
 
.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X