ห้าวไม่เลิก!! ภาพ "เจย์ ปาร์ก" ใส่แพมเพิร์ส โชว์นิ้วกลางยืนเปลือย โชว์ว่อนเน็ต

โดยเซาะเปีย

ความกล้าบ้าบิ่นของ "เจย์ ปาร์ก" ดูจะกลายเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวเค้าไปเสียแล้ว หลังจากที่เคยมีข่าวฉาวไปเมื่อหลายปีก่อนกับวาทะที่โพสต์ในเน็ตต่อว่าชาวเกาหลี จนต้องลาออกจากวงการบันเทิงเกาหลีไป ล่าสุด เจ้าตัวถึงขนาดแชร์ภาพโชว์ "นิ้วกลาง" ประกาศความห้าวกับแฟนๆ จนกลายเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โตอีกครั้ง

เกิดเสียงวิจารณ์ตำหนิกันให้ขรม ถึงภาพการโชว์นิ้วกลางของนักร้องหนุ่ม "เจย์ ปาร์ก" พร้อมกับรอยยิ้มอย่างร่าเริง ถึงความไม่เหมาะสมในฐานะไอดอลของเยาวชนวัยรุ่นมากมาย ว่าเป็นตัวอย่างหรือแบบอย่างที่ไม่ดีให้กับแฟนๆ โดยภาพดังกล่าวถึงเผยแพร่เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

จากเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้ตัวแทนของ "เจย์ ปาร์ก" ต้องออกแถลงการณ์ขอโทษการกระทำที่เกิดขึ้น โดยงานแถลงข่าวต่อสื่อมีการอ่านข้อความขอโทษจากเจ้าตัวว่า เจย์ ปาร์ก รู้สึกผิดอย่างมากสำหรับภาพที่ไม่เหมาะสมดังกล่าว ที่ได้โพสต์ลงโซเชียลเน็ตเวิร์กไป เค้าสำนึกผิดในการกระทำนี้เพราะควรจะต้องประพฤติตัวเป็นแบบอย่างที่ดีต่อสาธารณะ ทั้งตัวศิลปินและต้นสังกัดต่างรู้สึกเสียใจอย่างลึกซึ้ง และต่อจากนี้ไปเราจะระมัดระวังให้มากขึ้น สัญญาว่าเหตุการณ์ลักษณะนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก และรับปากกว่าจะนำเสนอแต่พฤติกรรมที่ดีที่เหมาะสมต่อสาธารณะต่อไป อีกครั้งที่ต้องขออภัยต่อทุกๆ คน ในสิ่งที่เกิดขึ้น

อย่างไรก็ตาม หลังการแถลงข่าวขอโทษเสร็จสิ้นไม่ทันไร ก็ปรากฏภาพอื้อฉาวขึ้นมาอีกหนึ่งภาพ เป็นภาพที่ "เจย์ ปาร์ก" ยืนโชว์นิ้วกลาง ในขณะที่เปลือยท่อนบนโชว์รอยสัก ที่เด่นสะดุดตาคงเป็นที่เจ้าตัวใส่ "ผ้าอ้อมสำเร็จรูป" ยืนโชว์เด่นหราอย่างไม่อายฟ้าดิน!! (โอ้วแม่เจ้า!!) ทั้งนี้ ภาพดังกล่าวถูกอ้างว่าเป็นภาพส่วนหนึ่งของรายการ "Jay Park TV EP 04" เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม โดยคลิปดังกล่าวยังมีลงในยูทูบอีกด้วย

สำหรับ "เจย์ ปาร์ก" นั้น อดีตใช้ชื่อว่า "แจบอม" เป็นอดีตหัวหน้าวง 2PM (วงเดียวกับ นิชคุณ หรเวชกุล) เคยเกิดเรื่องอื้อฉาวไปเมื่อ 6 ปีที่แล้ว กับเหตุการณ์ที่เค้าเคยโพสต์ตำหนิคนเกาหลี ในช่วงก่อนที่จะมาร่วมวง แต่เมื่อข้อความดังกล่าวถูกแพร่ออกไปก็เกิดกระแสต่อต้านอย่างมากมาย จนบีบให้เค้าต้องลาออกจากวงและบินกลับไปยังบ้านเก่าคือซีแอตเติล สหรัฐ ก่อนที่จะกลับมาเซ็นสัญญากับบริษัทค่ายเพลงในเกาหลีอีกครั้ง

ไม่รู้ว่าพฤติกรรมสุดเฮี้ยวของ "เจย์ ปาร์ก" จะกลายเป็นปัญหาในวงการบันเทิงอีกครั้งหรือไม่ ต้องจับตา

ข้อมูลจาก

http://www.matichon.co.th