แม้จะมาพร้อมกับอากาศเย็นที่แสนชุ่มฉ่ำ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่า ฤดูฝนก็มาพร้อมกับโรคภัยไข้เจ็บที่เป็นอันตรายถึงชีวิตมากมาย ซึ่งหนึ่งในนั้น คือ โรคไข้เลือดออกที่เป็นอันตรายต่อทั้งผู้ใหญ่และเด็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กเล็กที่ร่างกายยังมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงและไม่ทราบถึงการป้องกันไข้เลือดออกที่ถูกต้อง ไข้เลือดออกจากยุงตัวเล็ก ๆ ก็จะยิ่งเป็นอันตรายถึงชีวิต

              ดังนั้น เพื่อเป็นการช่วยดูแลเด็ก ๆ ภายในบ้านให้ห่างไกลจากอันตรายของไข้เลือดออก เมื่อเข้าหน้าฝนแล้ว อย่าลืมมาป้องกันไข้เลือดออกในเด็กด้วย 3 แนวทางการป้องกันที่นำมาฝากในวันนี้กัน ผู้ใหญ่ในบ้านรู้แบบนี้แล้ว มาเตรียมตัวป้องกันไข้เลือดออกในเด็กไปพร้อมกันเลย!

กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายก่อน

การป้องกันไข้เลือดออกในเด็กที่มีประสิทธิภาพต้องเริ่มต้นจากการกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายก่อนเป็นอันดับแรก ไม่ว่าจะเป็นการกำจัดแหล่งน้ำขังภายในบ้านเพื่อลดการแพร่พันธุ์ของยุงลายด้วยวิธีการที่ถูกต้อง การใช้มุ้งลวดเพื่อป้องกันยุงลายเข้ามาสู่พื้นที่อยู่อาศัย การเก็บของภายในบ้านเพื่อลดมุมอับที่เป็นที่อยู่อาศัยของยุงลาย การเลี้ยงปลาหางนกยูงในบ่อที่มีน้ำขัง ไปจนถึงการใช้ทรายอะเบทเพื่อกำจัดยุงลายในภาชนะบรรจุน้ำบริโภคอย่างตุ่ม หรือ โอ่งน้ำ ทั้งนี้เพื่อเป็นการกำจัดยุงลายตั้งแต่ต้นตอ ทำให้พื้นที่ภายในบ้านปลอดภัยจากยุงลายทั้งตัวเต็มวัยและวัยที่กำลังจะเติบโต

อย่าลืมทายากันยุงก่อนออกไปเล่นข้างนอก

              จากสถิติพบว่า ผู้ป่วยไข้เลือดออกส่วนใหญ่ในประเทศไทยจะเป็นเด็กเล็กในวัยอนุบาลไปจนถึงวัยประถม ซึ่งเป็นวัยที่กำลังซุกซน อยากรู้อยากเห็น และชื่นชอบการออกไปวิ่งเล่นบริเวณนอกบ้าน ทำให้ง่ายต่อการถูกยุงลายกัดและกลายเป็นไข้เลือดออกได้

              ด้วยเหตุนี้ เพื่อเป็นการช่วยป้องกันไข้เลือดออกในเด็ก ก่อนที่จะพาลูกหลานในครอบครัวออกไปวิ่งเล่นสนุกทุกครั้ง อย่าลืมทายากันยุง หรือ ผลิตภัณฑ์ป้องกันยุงที่อ่อนโยนกับผิวเด็กทุกครั้ง รับรองว่าช่วยให้ลูกหลานเล่นสนุกได้เต็มที่ แถมช่วยป้องกันตัวเองจากอันตรายของไข้เลือดออกด้วย

สังเกตอาการไข้เลือดออกเป็นประจำ

              หลังจากที่เชื้อไวรัสทำการฟักตัวเรียบร้อย เด็ก ๆ ที่ป่วยเป็นไข้เลือดออกจะเริ่มแสดงอาการที่หลากหลาย ทั้งเป็นไข้ อาเจียน ปวดท้อง มีเหงื่อซึม ไปจนถึงการมีอาการกระสับกระส่ายร่วมด้วย ซึ่งหากตรวจพบอาการผิดปกติในร่างกาย หรือ เด็ก ๆ ในบ้านเริ่มมีไข้สูงจนผิดสังเกตเมื่อไหร่ ควรรีบพาเด็ก ๆ ไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจเช็กความผิดปกติและทำการรักษาต่อไป แต่ห้ามซื้อยามารักษาตามอาการด้วยตัวเองเด็ดขาด เพราะไข้เลือดออกจะมีช่วงที่ไข้ลดลง แต่หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง เชื้อที่อยู่ในกระแสเลือดก็จะส่งผลกระทบและเป็นอันตรายต่อชีวิตในไม่ช้า

              เพียงเท่านี้ ผู้ใหญ่ภายในบ้านและผู้ปกครองทุกคนก็เข้าใจถึงแนวทางการป้องกันไข้เลือดออกในเด็กที่ถูกต้องแล้ว อย่าลืมนำทั้ง 3 แนวทางที่นำมาฝากนี้ไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับบ้าน ที่อยู่อาศัย และครอบครัวของตนเอง เพื่อเป็นการป้องกันไข้เลือดออกให้ห่างไกลจากทุกคนในครอบครัว