หลังจากมาตรฐาน COVID-19 ได้รับการผ่อนปรนในหลายประเทศ ศิลปินเคป็อป ทั้ง DKB, GHOST9, CIX, THE BOYZ, (G)I-DLE, Brave Girls, Golden Child ต่างกำลังทัวร์คอนเสิร์ตในต่างประเทศ โดยหลักจัดขึ้นในแถบอเมริกาเหนือ เพื่อเป็นการขยายความนิยมของพวกเขาไปยังอเมริกาและยุโรป นอกเหนือไปจากตลาดญี่ปุ่น, จีน และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เหมือนที่ผ่านมา

ผู้เชี่ยวชาญในวงการได้พูดคุยกับสำนักข่าว Joongang Ilbo เกี่ยวกับกำไรจากแฟนด้อมและคอนเสิร์ตที่จัดขึ้นในฝั่งตะวันตกที่ให้กำไรมากกว่ามาก ตั๋วคอนเสิร์ตเคป็อปในเยอรมัน ราคา 68 ยูโร (ประมาณ 2,400 บาท) ไปจนถึง 328 ยูโร (ประมาณ 12,000 บาท) และยอดขายอัลบั้มเคป็อปในสหรัฐฯ สูงขึ้น 17.2% เมื่อปีที่แล้ว

บีทีเอส (BTS) เปรียบเสมือนวงที่เปิดประตูของเคป็อปสู่สหรัฐฯ พวกเขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลแกรมมี่ และขายบัตรคอนเสิร์ต 50,000 ~ 70,000 ที่นั่งได้หมด และในปีนี้บัตรคอนเสิร์ตที่สหรัฐฯของ TWICE จำนวน 20,000 ใบ ขายหมดเช่นกัน รวมถึงวง Stray Kids และ SEVENTEEN ที่ประสบความสำเร็จมากขึ้นนอกเหนือจากในฝั่งเอเชีย

ตอนนี้วงแถวหน้าของวงการทั้ง BTS, BLACKPINK, TWICE, NCT 127, SEVENTEEN, Stray Kids,… ต่างมีเป้าหมายในการส่งเพลงขึ้นชาร์ต Billboard มากกว่าชาร์ตในประเทศ โดยการปล่อยเพลงใหม่ในวันศุกร์ และในปี 2020 เพลงของศิลปินเกาหลีเดบิวต์ใน Billboard Hot 100 เพิ่มขึ้นจาก 5 เพลง เป็น 17 เพลง

คนวงในของวงการเพลงยังบอกอีกว่า ต่อไปนี้กระแสฮันรยูจะมีเป้าหมายใหม่ ไม่ใช่จีน หรือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกต่อไป พวกเขาเชื่อว่าตลาดสหรัฐฯให้กำไรมากกว่า รายได้ของตลาดเพลงสหรัฐฯอยู่ในอันดับ 1 ของโลก สูงกว่าตลาดญี่ปุ่น 3.7 เท่า และมากกว่าตลาดจีนถึง 42 เท่า

แหล่งข่าววงในกล่าวว่า “เมื่อ 10 ปีที่แล้ว JYP ตีตลาดสหรัฐฯ แต่กลับมาด้วยความผิดหวัง ตอนนั้นประเทศฝั่งตะวันตกเป็นเป้าหมายที่แทบไม่กล้าฝัน แต่ตอนนี้ทุกคนคิดว่ามันเป็นไปได้ พวกเขาเชื่อว่าเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กลายเป็นตลาดที่ไม่ทำกำไร และจีนมีกฎที่เข้มงวดเกินไป ทิศทางของตลาดเปลี่ยนไปแบบ 180 องศาเลยทีเดียว”