Twenty Five, Twenty One สรุปคำถามและคำตอบจาก APAC Press Conference คิมแทรี, นัมจูฮยอก, คิมจียอน (โบนา), ชเวฮยอนอุค, อีจูมยอง
2022-02-24 11:42:25
Advertisement
Pyramid Game

ช่วยแนะนำซีรีส์เรื่อง ยี่สิบห้า ยี่สิบเอ็ด (Twenty Five, Twenty One) ให้ฟังคร่าวๆ 

ผู้กำกับจองจีฮยอน: ยี่สิบห้า ยี่สิบเอ็ด (Twenty Five, Twenty One) เล่าเรื่องราวของ นาฮีโด,​ แพคอีจิน,​ โกยูริม, มุนจีอุง และจีซึงวาน หนุ่มสาวทั้งห้าคนที่สูญเสียความฝันของพวกเขาไปในช่วงปี 1998 ที่เกิดวิกฤต IMF เป็นซีรีส์วัยรุ่นที่คุณจะได้สัมผัสอารมณ์ครบรส ทั้งความสดใส ความงดงาม และความโศกเศร้า ผ่านเรื่องราวของตัวละครทั้งห้าครับ

  

ช่วยแนะนำบทบาทตัวละครที่ได้รับ

คิมแทรี: สวัสดีค่ะ ฉัน คิมแทรี รับบทเป็น นาฮีโด ที่พลังเหลือล้นและไม่รู้จักคำว่ายอมแพ้ค่ะ

นัมจูฮยอก: สวัสดีครับ ผม นัมจูฮยอก รับบทเป็น แพคอีจิน ในซีรีส์เรื่อง ยี่สิบห้า ยี่สิบเอ็ด (Twenty Five, Twenty One) ครับ

โบนา: สวัสดีค่ะ ฉัน โบนา รับบทเป็น โกยูริม นักกีฬาเหรียญทองจากกีฬาฟันดาบค่ะ

ชเวฮยอนอุค: สวัสดีครับ ผม ชเวฮยอนอุค รับบทเป็น มุนจีอุง เด็กหนุ่มที่ฝันอยากจะเป็นอินฟลูเอนเซอร์ในช่วงปี 1998 ครับ

อีจูมยอง: สวัสดีค่ะ ฉัน อีจูมยอง รับบทเป็น จีซึงวาน ในซีรีส์เรื่อง ยี่สิบห้า ยี่สิบเอ็ด (Twenty Five, Twenty One)  ค่ะ

 

ซีรีส์เกี่ยวกับวัยหนุ่มสาวที่ได้นัมจูฮยอกและคิมแทรีมาแสดงนำมีจุดเด่นอย่างไร และมีข้อแตกต่างจากซีรีส์แนวคล้ายๆ กันเรื่องอื่นอย่างไรบ้าง

ผู้กำกับจองจีฮยอน:  แค่ได้ยินชื่อนัมจูฮยอกกับคิมแทรี ผมว่านั่นก็บ่งบอกถึงจุดเด่นของเราแล้วครับ นักแสดงทั้งสองคนเตรียมตัวอ่านและวิเคราะห์บทมาอย่างดี ทำให้การถ่ายทอดอารมณ์ของพวกเขาออกมาดีมากครับ ซีรีส์ของเราเล่าถึงเรื่องราวในปี 1998 ซึ่งตอนนั้นตัวผมเองอยู่ในวัยมัธยม ถึงผมจะมีประสบการณ์เกี่ยวกับสมัยนั้นด้วยตัวเอง แต่ทางนักแสดงเตรียมตัวกันพร้อมมาก ในทางกลับกันผมจึงได้ไอเดียใหม่ๆ จากพวกเขา ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการถ่ายทำมากครับ 

 

ในส่วนของความแตกต่างระหว่างเรื่อง ยี่สิบห้า ยี่สิบเอ็ด (Twenty Five, Twenty One) และผลงานแนวเดียวกันเรื่องอื่น ผมขอยกคำพูดของผู้เขียนบทที่กล่าวว่า เรื่องนี้เล่าถึงคนหนุ่มสาวในวัยที่กำลังเติบโต ซึ่งต้องเผชิญกับวิกฤตที่เกิดขึ้นในยุคนั้น มีทั้งเรื่องส่วนตัวที่ตัวละครแต่ละคนต้องเผชิญ และภาพรวมของเหตุการณ์ที่เกิดเฉพาะยุคสมัย การเชื่อมโยงเหตุการณ์เฉพาะยุคสมัยเข้ากับการเติบโตของวัยรุ่นน่าจะทำให้เนื้อเรื่องมีน้ำหนักมากขึ้น และเป็นจุดที่ทำให้ซีรีส์ของเราแตกต่างจากเรื่องอื่นครับ

 

คุณห่างหายจากวงการซีรีส์เป็นเวลากว่าสามปีครึ่ง อะไรคือเหตุผลที่ทำให้คุณตัดสินใจรับเล่นเรื่องนี้ คุณคิดว่าเสน่ห์ของซีรีส์เรื่องนี้คืออะไร และรู้สึกอย่างไรที่ได้กลับมาร่วมงานกับผู้กำกับจองจีฮยอนอีกครั้งหลังจากเรื่อง สุภาพบุรุษตะวันฉาย (Mr. Sunshine)

คิมแทรี: เหตุผลแรกที่ทำให้ตัดสินใจเล่นเรื่องนี้เพราะบทสนุกค่ะ ช่วงนี้มีผลงานแนวนี้มีมากมาย แต่เรื่องนี้มีทั้งความสนุก ความสวยงาม ความตื่นเต้น ยิ่งอ่านบทไปเรื่อยๆ ก็ยิ่งอารมณ์ดีและมีความสุขค่ะ อีกอย่างคือ นาฮีโดเป็นตัวละครที่สดใส มีพลังเหลือล้น เป็นตัวละครที่สดใหม่ซึ่งฉันไม่เคยเล่นมาก่อนเลย ยิ่งทำให้ฉันหลงใหลค่ะ ฉันมีความทรงจำที่ดีเกี่ยวกับผู้กำกับตอนที่ได้ร่วมงานกันใน สุภาพบุรุษตะวันฉาย (Mr. Sunshine) ไม่แน่ใจว่าผู้กำกับจะรู้สึกแบบเดียวกันไหมนะคะ (หัวเราะ) แต่ดีใจมากค่ะที่ได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง สิ่งที่ฉันชอบมากที่สุดเกี่ยวกับตัวเขาคือ ในช่วงแรกที่เริ่มถ่ายทำ ผู้กำกับพูดกับฉันว่า “ฮีโด ผมไม่รู้ว่าควรทำยังไงดี” เขาพูดกับฉันตรงๆ แบบนี้เลยค่ะ ความตรงไปตรงมาของเขาทำให้ดูน่าเชื่อถือมากขึ้น ฉันว่ามันดีมากเลยที่เราได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและช่วยหาทางออกไปพร้อมกันค่ะ

 

คุณคิดว่าเสน่ห์ที่โด่ดเด่นของตัวละครนาฮีโดคืออะไร และตัวจริงของคุณมีส่วนคล้ายกับนาฮีโดหรือไม่

คิมแทรี: เสน่ห์ของฮีโดมีเยอะมากค่ะ ที่โดดเด่นคือความแน่วแน่ค่ะ เธอแน่วแน่ต่อสิ่งที่ตัวเองชอบ และเธอก็มั่นใจในความสามารถของตัวเอง เวลามีความสุขก็สุขล้น เวลาเศร้าก็จมอยู่แต่กับความโศกเศร้า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไหนก็จริงใจและเต็มที่ ฉันคิดว่าจุดนั้นน่าจะใกล้เคียงกับตัวจริงของฉันค่ะ

 

ในซีรีส์เรื่องนี้ ผู้ชมจะได้เห็นด้านใหม่ๆ ของคุณที่แตกต่างจากเรื่องอื่นอย่างไรบ้าง

นัมจูฮยอก: ผมไม่ได้คิดว่าควรจะแสดงภาพลักษณ์ใหม่ที่ต่างไปจากเรื่องอื่นๆ แต่ผมให้ความสำคัญกับการถ่ายทอดตัวละครแพคอีจินให้ผู้ชมได้เห็นหลายๆ มุมของเขามากกว่าครับ ผมโฟกัสว่าควรทำอย่างไรถึงจะสามารถแสดงให้เห็นอีกหลายร้อยด้านของตัวละคร ไม่ใช่แค่ด้านใดเพียงด้านเดียวครับ

 

ในการรับบทแพคอีจินที่ต้องเผชิญความยากลำบากเพื่อช่วยครอบครัวที่ประสบวิกฤต IMF ในปี 1998 คุณมีการเตรียมตัวอย่างไรบ้าง

นัมจูฮยอก: ผมยึดบทละครเป็นหลักมากกว่าครับ ถึงผมไม่เคยเผชิญกับวิกฤตนั้นด้วยตัวของผมเอง แต่ผมพยายามลองจินตนาการว่ามันน่าจะเป็นประมาณนี้นะ นอกเหนือจากนั้นก็มีหาข้อมูลและคลิปวิดีโอเกี่ยวกับเหตุการณ์ในสมัยนั้น หลังจากเตรียมตัวทำการบ้านแล้ว ที่กองถ่ายผมก็แสดงไปตามสไตล์ของผมครับ (หัวเราะ) ซึ่งผู้กำกับเองก็พึงพอใจมากครับ

 

ถ้าให้นิยามเคมีระหว่างพวกคุณทั้งสองคนเป็นหนึ่งคำหรือประโยค คุณจะนิยามว่าอย่างไร

คิมแทรี: “ไร้เดียงสา” ค่ะ เหมือนกับเป็นการเริ่มต้นอะไรบางอย่างซึ่งยังไม่คุ้นชินค่ะ

นัมจูฮยอก: “วัยรุ่น”  น่าจะนิยามได้ครบถ้วนครับ หรือไม่ก็ “สดใส” ครับ

 

สิ่งที่คุณให้ความสำคัญในการแสดงบท โกยูริม นักกีฬาฟันดาบเจ้าของเหรียญทองคืออะไร

โบนา: สำหรับยูริมกีฬาฟันดาบเป็นสิ่งสำคัญมาก ฉันเลยต้องฝึกซ้อมฟันดาบตั้งเริ่มการถ่ายทำค่ะ  ยูริมเป็นตัวละครที่มีหลายมุม เธอจะแสดงให้เห็นมุมที่แตกต่างกันออกไปตามบุคคลที่เธอพบเจอ ซึ่งฉันค่อนข้างกังวลตรงจุดนั้นมากในช่วงแรก แต่หลังจากที่ได้พูดคุยกับผู้กำกับและพี่ๆ นักแสดงก็ช่วยให้โฟกัสได้ดีขึ้นค่ะ

  

ช่วยเล่าถึงตัวละครมุนจีอุงที่วาดฝันอยากจะเป็นดาวเด่นในยุค1998

ชเวฮยอนอุค: ผมเกิดหลังปี 1998 เลยไม่รู้เกี่ยวกับยุคนั้นมาก ผมศึกษาหาข้อมูลว่าสมัยนั้นเขาฮิตอะไรกัน เทรนด์แฟชั่น เครื่องประดับเป็นอย่างไร แต่อันที่จริงแล้วแฟชั่นเป็นเรื่องของความมั่นใจ ผมจึงพยายามเสริมความมั่นใจมากขึ้นครับ

 

ครั้งแรกที่คุณได้อ่านบทรู้สึกอย่างไรบ้าง คุณคิดว่าเสน่ห์ของตัวละครของคุณคืออะไร และเตรียมตัวอย่างไรสำหรับการแสดงบทจีซึงวาน

อีจูมยอง: ตอนแรกที่อ่านบท ฉันคิดว่าซึงวานเป็นคนแข็งทื่อ แต่พออ่านไปเรื่อยๆ ฉันรู้สึกว่าเธอเป็นคนที่ซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกตัวเองมากกว่าใครทั้งหมด และนั่นเป็นเสน่ห์ที่โดดเด่นที่สุดของเธอค่ะ สำหรับการเตรียมตัวรับบทดีเจวิทยุ ฉันฟังเทปรายการวิทยุสมัยก่อน ถึงจะไม่มีคลิปวิดีโอให้ดู แต่มีเทปบันทึกเสียงเก็บไว้อยู่ค่ะ

 

เหตุผลในการแคสติ้งทีมนักแสดงทั้งห้าคนนี้คืออะไร

ผู้กำกับจองจีฮยอน: เริ่มจากคิมแทรีและนัมจูฮยอก ผมคิดว่าไม่มีผู้กำกับหรือนักเขียนคนไหนที่จะปฏิเสธพวกเขา เหตุผลแค่นั้นก็น่าจะเพียงพอแล้วครับ (หัวเราะ) ส่วนตัวละคร โกยูริม จีซึงวาน และมุนจีอุง เราคัดเลือกนักแสดงผ่านการออดิชั่น เหตุผลที่เลือกพวกเขาไม่มีอะไรมากเลยครับ ตอนออดิชั่นผมกับผู้เขียนบทอยู่ด้วยกันครับ ตอนที่ทั้งสามคนมาออดิชั่น ผมกับนักเขียนสบตากันและรู้ว่าต้องเลือกพวกเขาครับ ผมว่าทั้งสามคนช่วยเติมสีสันและสร้างเคมีร่วมกับ

นัมจูฮยอกและคิมแทรีด้วยครับ นอกจากนัมจูฮยอกและคิมแทรีแล้ว ฝากติดตามนักแสดงอีกสามคนด้วยนะครับ

 

ช่วยเล่าถึงเคมีระหว่างนัมจูฮยอกและคิมแทรี

ผู้กำกับจองจีฮยอน: ไม่รู้จะสรรหาคำไหนนอกจากคำว่าดีมากครับ ไม่ว่าจะฉากเฮฮา ดราม่า หรือฉากโรแมนติก ทุกรายละเอียดที่สองคนนี้ร่วมกันถ่ายทอดนั้นสง่าและงดงามมากครับ

 

ความรู้สึกและประสบการณ์ในการเล่นกีฬาฟันดาบ

คิมแทรี: ฉันเริ่มฝีกซ้อมตั้งแต่ก่อนเริ่มถ่ายทำประมาณ 5-6 เดือน โดยมีนักกีฬาเจ้าของเหรียญทองมาช่วยโค้ชให้ ความรู้สึกหลังจากได้ลองคือ มีกีฬาที่สุดมันและทำให้คนทุกข์ไปพร้อมๆ กันแบบนี้ด้วย! ฉันเองก็เหมือนนาฮีโดที่เต็มที่กับทุกอย่าง ฉันทั้งร้องไห้และหัวเราะตลอดเวลา 5 เดือนที่เรียนฟันดาบค่ะ ฉันฝึกกับโค้ชคนเดียวกับโบนา เราเลยมีโอกาสได้แข่งกันด้วย แต่ฉันแพ้ตลอดเลยค่ะ ฉันเจ็บใจมากและคิดหาทางจะเอาชนะให้ได้ ระหว่างฝึกซ้อมฉันเขียนบันทึกลงสมุดทุกวันเหมือนฮีโด และบันทึกเล่มนั้นก็ถูกนำไปใช้เป็นไดอารี่ของนาฮีโดในซีรีส์ด้วยค่ะ 

 

ในการแสดงเป็นผู้สื่อข่าว คุณมีการเตรียมตัวหรือศึกษาอย่างไรบ้าง

นัมจูฮยอก: ผมไปพบกับผู้สื่อข่าวกีฬาตัวจริง ศึกษาแนวทางการทำงานของพวกเขาและสังเกตว่าตอนรายงานข่าวกีฬา ว่าควรให้ความสำคัญจุดไหนเป็นพิเศษบ้างครับ

 

ในเรื่องคุณต้องทำงานพาร์ตไทม์เพื่อหาเลี้ยงชีพ ช่วงวัยเรียนคุณเคยมีประสบการณ์ทำงานพาร์ตไทม์หรือไม่

นัมจูฮยอก: ผมเคยทำงานพาร์ตไทม์มาก่อนและมันก็ช่วยในการแสดงได้ดี อย่างเช่น ฉากขี่จักรยานแจกหนังสือพิมพ์ครับ ถึงงานที่ผมเคยทำอาจจะไม่เหมือนในเรื่องทั้งหมด แต่ก็มีส่วนช่วยได้มากครับ

 

คุณมีการเตรียมตัวด้านรูปลักษณ์ภายนอกอย่างไรสำหรับการแสดงเป็นเด็กนักเรียมมันธยมปลาย

คิมแทรี:  ตัดผมหน้ามาแล้วก็ขยันบำรุงผิวค่ะ (หัวเราะ) ส่วนพวกเสื้อผ้าก็ศึกษาจากนิตยาสารเก่าๆ ค่ะ

 

ฝากถึงแฟนๆ ที่รอชมซีรีส์เรื่อง ยี่สิบห้า ยี่สิบเอ็ด (Twenty Five, Twenty One) 

ผู้กำกับจองจีฮยอน: ทั้งใจความสำคัญของเรื่องและตัวบทละครมีความชัดเจน และมีบทพูดกินใจมากมาย นักแสดงทั้งห้าคนรวมถึงนักแสดงท่านอื่นทุ่มเทกันอย่างเต็มที่ หวังว่าทุกคนจะสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นและช่วยให้ย้อนนึกถึงความทรงจำร่วมกับเพื่อนๆ และหวังว่าซีรีส์เรื่องนี้จะเป็นกำลังใจให้กับหลายๆ คนครับ

คิมแทรี: สิ่งที่ผ่านไปแล้วไม่อาจย้อนกลับมาได้ และไม่มีสิ่งใดที่คงอยู่ตลอดกาล แต่ซีรีส์เรื่องนี้จะทำให้คุณสัมผัสได้ว่าทุกๆ ช่วงเวลาในความทรงจำนั้นยังคงเจิดจรัสอยู่เสมอค่ะ

นัมจูฮยอก: หวังว่าซีรีส์เรื่องนี้จะทำให้ทุกคนอบอุ่นในฤดูหนาวนี้ และนำพาความสดชื่นมาพร้อมกับฤดูใบไม้ผลิที่กำลังจะมาถึงครับ

โบนา:  ฉันหวังว่าซีรีส์เรื่องนี้จะเป็นความทรงจำดีๆ ของผู้ชมทุกท่านนะคะ

ชเวฮยอนอุค: ฝากติดตามด้วยครับ

อีจูมยอง: ฝากติดตามเคมีของพวกเราด้วยค่ะ!

 

.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X