ฮันซอฮี (Han Seo Hee) เด็กฝึกที่อยู่ในระหว่างการตัดสินพิจารณาคำอุทธรณ์จากข้อหาเสพกัญชาร่วมกับท็อป (T.O.P) วง Big Bang ได้เปิดเผยแถลงการณ์เกี่ยวกับ 'การกลับคำให้การ' ที่แพร่สะพัดออกมา

วันที่ 24 สิงหาคม ฮันซอฮีได้ส่งข้อความยาวเปิดเผยสภาพจิตใจมาที่อีเมล์ของนักข่าว K STAR

ฮันซอฮีเปิดเผยเกี่ยวกับการกระทำที่ผิดพลาดของตนเองในอดีตว่า "ฉันสำนึกผิดและจะไม่ปฏิเสธอะไรทั้งสิ้นค่ะ" และชี้แจงเหตุผลที่ส่งอีเมล์มาว่า "ฉันเพียงแค่อยากจะแก้ไขจุดที่ผิดพลาดให้ถูกต้องเท่านั้น"

ฮันซอฮีบอกว่า "ฉันไม่ได้กลับคำให้การอย่างกะทันหันเพื่อที่จะได้รับความเมตตาหรือการปฏิบัติที่เหมาะสมแต่อย่างใดค่ะ" และแย้งการรายงานข่าวของสื่อบางส่วนว่า "ตอนที่ตำรวจและอัยการสอบสวน ฉันได้ยืนยันรายละเอียดนี้มาตลอดไม่เคยเปลี่ยนแปลงค่ะ"

ฮันซอฮีเปิดเผยผ่านอีเมล์ในครั้งนี้ว่า "ตอนที่ได้พบกับเขา(ท็อป) อยู่ในระหว่างการตรวจสอบเกี่ยวกับยาอยู่ค่ะ" และยืนยันว่า "รายละเอียดเรื่องนี้ท็อปเองก็รู้อยู่แล้วค่ะ"

ต่อจากนั้น เธอก็อธิบายสถานการณ์ที่ได้มาเสพกัญชาด้วยกันกับท็อป และยึดมั่นกับแถลงการณ์เดิมว่า "คนที่ชักชวนให้เสพกัญชาตั้งแต่แรกก็คือเขาค่ะ"

อ้างอิงจากคำกล่าวอ้างของฮันซอฮี ระบุว่า หลังจากเสพกัญชาด้วยกันครั้งแรก ท็อปบอกว่า 'กลุ้มใจจัง', 'ถ้ามีของดีก็มาทำด้วยกัน' และเธอที่เป็นคนธรรมดาจึงเป็นคนซื้อกัญชามาเสพด้วยกัน

อีกทั้ง ฮันซอฮียังบอกว่า "เขาได้กล่าวอ้างซึ่งแตกต่างจากความเป็นจริงและทำเหมือนจะโยนความรับผิดชอบ แต่เพราะเขาเป็นคนที่ครั้งหนึ่งฉันเคยชื่นชอบ ฉันก็เลยตั้งใจจะอดทนและจะปล่อยผ่านไปค่ะ" พร้อมทั้งเปิดเผยความรู้สึกทุกข์ใจกับคำด่าที่โหมกระหน่ำเข้ามาหาตนเองหลังจากที่มีเรื่องราวเผยแพร่ออกมา

ท้ายสุด ฮันซอฮีได้กล่าวขอโทษว่า "ฉันคิดว่าเรื่องที่ฉันบอกอาจจะทำให้รู้สึกเหมือนเป็นเรื่องโกหกก็ได้ค่ะ" และ "ฉันขอโทษทุกคนที่สร้างความไม่สบายใจหรือเจ็บปวดเพราะฉันอีกครั้งค่ะ"

? ต่อไปนี้คือเนื้อหาฉบับเต็มจากอีเมล์ของฮันซอฮี

สวัสดีค่ะ ฮันซอฮีค่ะ

ฉันขอโทษจากใจจริงที่สร้างความยุ่งยากจากการกระทำที่โง่เขลาและไม่รอบคอบของฉันค่ะ

ฉันรู้สึกเสียใจจนไม่สามารถหาคำใดมาถ่ายทอดออกมาได้ค่ะ

แต่มีอยู่ส่วนหนึ่งที่ฉันอยากจะบอกให้ทราบค่ะ

ฉันไม่ได้อยากจะโทษว่าเป็นความผิดใครค่ะ และฉันเองก็ยอมรับความผิดและสำนึกผิดค่ะ

ฉันจะไม่ปฏิเสธใดๆ เกี่ยวกับความผิดของฉันค่ะ

ฉันแค่อยากแก้ไขจุดที่ผิดพลาดให้ถูกต้องเท่านั้นค่ะ

สำหรับคนที่อาจจะรู้สึกแย่หากฉันใช้ชื่อของเขาโดยตรง ดังนั้นตั้งแต่นี้ไป ฉันจะขอเรียกว่า 'เขา' แทนค่ะ

ตอนที่ฉันได้พบกับเขา อยู่ในระหว่างการตรวจสอบเกี่ยวกับยาค่ะ เขาเองก็รับรู้ในส่วนนั้นค่ะ

ฉันเล่าเรื่องให้เขาฟัง และเขาเองก็รู้เกี่ยวกับเรื่องนั้นอยู่ค่ะ

สาเหตุที่ได้มาเสพกัญชาด้วยกันครั้งแรกเกิดขึ้นจากการชักชวนของเขาค่ะ ซึ่งเขาได้แนะนำ 'บุหรี่ไฟฟ้ากัญชา' ให้แก่ฉันค่ะ

เขาแนะนำฉันว่าเป็นบุหรี่ไฟฟ้าธรรมดา ซึ่งฉันก็เข้าใจว่าเป็นบุหรี่ไฟฟ้าธรรมดา และวินาทีที่สูดเข้าไปก็มีกลิ่นกัญชาพลุ่งขึ้นมา ฉันจึงถามว่า 'นี่คือกัญชาบุหรี่ไฟฟ้าเหรอ' เขายิ้มและบอกว่าใช่ ฉันจึงถามเขาต่อว่า 'ได้มาจากไหน' เขาตอบว่า 'เพื่อนหามาให้' ซึ่งฉันก็ไม่ได้ถามรายละเอียดเพิ่มเติมค่ะว่าได้มาจากช่องทางไหน หรือเพื่อนคนนั้นเป็นใคร

นั่นคือจุดเริ่มต้นและบุหรี่ไฟฟ้านั่นไม่ใช่ของฉัน แต่เป็นของเขาค่ะ

ถึงจุดเริ่มต้นจะเป็นแบบนั้น แต่หลังจากนั้น เขาก็มาระบายความกลุ้มใจกับฉันหลายครั้งว่า 'กลุ้มใจจัง' 'เหนื่อยจัง' 'อยากเสพกัญชาด้วยกันจัง' 'ถ้ามีของดีก็มาทำด้วยกันนะ' ซึ่งเขาเป็นคนดัง การที่ฉันที่เป็นคนธรรมดาเป็นคนซื้อคงจะดีกว่าเขาเป็นคนซื้อเอง ดังนั้น 'ฉัน' จึงเป็นคนซื้อกัญชาและมาเสพด้วยกันจริงค่ะ

ฉันคิดว่าตัวฉันที่ตอนนั้นอยู่ในระหว่างการตรวจสอบเกี่ยวกับยาอยู่ แม้ว่ารอบข้างจะชักชวนและล่อลวงยังไง แต่กลับไปทำเรื่องแบบนั้นได้ เป็นการทำผิดพลาดอย่างมากค่ะ ดังนั้นฉันจึงรู้สึกเสียใจ ฉันไม่รอบคอบเลย ซึ่งฉันก็สำนึกผิดจริงๆ อยู่ค่ะ

แต่เขากลับกล่าวอ้างตลอดว่าทั้งหมดฉันเป็นฝ่ายชักชวนและบังคับ ตัวเขาไม่รู้ว่าเป็นกัญชา และบุหรี่ไฟฟ้าไม่ใช่ของเขานั้น ฉันจึงอยากจะบอกว่าเรื่องนั้นไม่ใช่ความจริงค่ะ

แม้ว่าเขาจะกล่าวอ้างซึ่งแตกต่างจากความจริง และทำเหมือนจะโยนความรับผิดชอบมาให้ฉัน แต่เพราะครั้งหนึ่งเขาเป็นคยที่ฉันเคยชื่นชอบ ฉันจึงคิดจะอดทนและปล่อยผ่านค่ะ แต่มีข้อความ SNS ที่เต็มไปด้วยคำด่าหลายสิบข้อความเข้ามาทุกวันจากคนที่ไม่รู้จักชื่อไม่รู้จักหน้า และในคอมเมนท์ก็มีข้อความว่า 'เธอเป็นคนทำลายชีวิตของเขา', 'เพราะกัญชาที่เธอชักชวนและบังคับ ทำให้เขาติดกัญชา', 'ทั้งหมดเป็นความผิดของเธอ' เยอะเลยค่ะ

ฉันรู้สึกทุกข์ใจมากและอยากจะแก้ไขความจริงให้ถูกต้องค่ะ

ฉันไม่ได้กลับคำให้การเพื่อที่จะได้รับความเมตตาหรือการปฏิบัติที่เหมาะสมแต่อย่างใดค่ะ

ฉันได้ยืนยันมาตลอดไม่เคยเปลี่ยนตั้งแต่ตอนอัยการสอบสวนแล้ว เพียงแต่ไม่เป็นข่าวเท่านั้น

ฉันไม่ได้กลับคำให้การอย่างกะทันหันแต่อย่างใดค่ะ

นี่เป็นสิ่งที่ฉันยืนยันไม่เคยเปลี่ยนในตอนที่ตำรวจและอัยการสอบสวนค่ะ

แต่ฉันรู้สึกหวาดหวั่นและกลัวกับการขอสัมภาษณ์หลายๆ ครั้ง ฉันรู้สึกผิดต่อคนที่จะได้รับความเจ็บปวดอีกครั้งจากคำพูดเล็กๆ ของฉันถ้าฉันตอบรับการสัมภาษณ์ ฉันจึงได้ปฏิเสธไปค่ะ

แต่ฉันก็ได้พบนักข่าวคนหนึ่งที่มาเก็บข้อมูลคดีของฉันเพื่อทำข่าวที่ศาล และได้ดำเนินการสัมภาษณ์สั้นๆ ค่ะ

ฉันคิดว่าตอนนี้คงจะมีผู้ที่รู้สึกไม่สบายใจกับเรื่องที่ฉันบอก และอาจจะรู้สึกว่าเป็นเรื่องโกหกอยู่ก็ได้ค่ะ

ฉันขอโทษสำหรับทุกเรื่องค่ะ

ฉันขอโทษทุกคนที่รู้สึกไม่สบายใจหรือเจ็บปวดเพราะฉันอีกครั้งด้วยค่ะ

ขอโทษค่ะ

ที่มา : Naver
แปลโดย : http://www.popcornfor2.com