-
-
-
Login with facebook
-
-
Login with facebook
“ไก่ มีสุข” ยันเลี้ยงลูกเป็น โพสต์ภาพลูกดูดแฮมเบอร์เกอร์แค่เรื่องขำๆ 
| ||||
|
“ไก่ มีสุข” ขำไม่ออก โพสต์ภาพ “น้องนามรูป” กินแฮมเบอร์เกอร์ แล้วโดนสวดยับจนแจ้นปิดแฟนเพจ โอดไม่คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่ อ้างปิดแฟนเพจเพราะไม่มีเวลาเล่นเฟชบุ๊ก ซ้ำลูกสาวแพ้โทรศัพท์ ยันเลี้ยงลูกเป็นเพราะตนปรึกษาหมอตลอด “ไก่ มีสุข คุณดิลกชัยพัฒน์" โพสต์คลิปวีดีโอลงเฟชบุ๊กแฟนเพจ ขณะป้อนแฮมเบอร์เกอร์ให้ “น้องนามรูป” ลูกสาววัย 4 เดือน โดยตั้งใจให้เป็นเรื่องขำๆ แต่ปรากฏว่าตัวเองดันขำไม่ออกเพราะหลังจากคลิปและภาพดังกล่าวเผยแพร่ออกไปก็เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ตามมามากมายถึงความไม่เหมาะสม และโดนสวดยับว่าเป็นแม่ที่เลี้ยงลูกไม่เป็น จนเจ้าตัวต้องออกมาโพสต์ข้อความขอโทษผ่านอินสตาแกรม และขอปิดแฟนเพจเพื่อตัดปัญหาดังกล่าว ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้เจอตัวไก่ และ “คิม พงศกร คุณดิลกชัยพัฒน์" สามี รวมทั้งลูกสาวในงาน มามี่โพโค เอ็กซ์ตร้าซอฟท์ SS ที่จัดขึ้น ณ ชั้น 6 ณ ลานโปรโมชั่น Yummy on Sixe เซ็นทรัลพระราม 9 เจ้าตัวเลยขอชี้แจงถึงเรื่องทั้งหมด ยันเจตนาโพสต์คลิปเพื่อให้เกิดความขำขันแต่ไม่คิดว่าจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ มั่นใจยังไงตนก็เลี้ยงลูกเป็น! “ต้องบอกว่าน้องยังทานนมอยู่นะคะ และไก่ให้นมน้องเอง 100% ค่ะ (ยิ้ม) แต่ภาพที่ให้กินแฮมเบอร์เกอร์ ไก่ตั้งใจโพสต์ให้ดูตลกๆ ขำๆ แต่พอเวลามันผ่านไปหลายวันแล้วมาดูอีกที แต่เขาไม่ขำกับเราเขาจริงจังมาก เราก็ว้า…ไม่ขำกันเลย แต่ความตั้งใจจริงคืออยากโพสต์ตลกๆ ส่วนคนที่ถ่ายคลิปก็คือคุณพ่อ ซึ่งเขาก็เป็นช่างภาพไง ก็เก่งในการใช้กล้องสุดฤทธิ์ แต่ในความเป็นจริง 4 เดือนเขายังกินไม่ได้ เคี้ยวไม่ได้เลยค่ะ แค่ดูดเข้าไปเขาก็ไม่มีแรงขนาดนั้น” ยอมรับเครียดกับคอมเมนท์ที่มีเข้ามา แต่ยืนยันตนเลี้ยงลูกอย่างใกล้ชิดและปรึกษาหมอตลอด “ยอมรับว่าตอนแรกก็รู้สึกแย่กับคอมเมนต์เหมือนกัน แต่ไก่อ่านไม่หมดหรอกค่ะ ไก่รู้มาจากเพื่อน คือปกติคุณพ่อเขาจะเป็นคนที่เล่นเฟซบุ๊ก เขาจะโพสต์รูป เขียนอะไรทุกอย่าง ไก่จะเล่นไอจีเป็นหลัก แต่รูปนี้ไก่เป็นคนโพสต์เองแล้วก็ไม่ได้เข้าไปดูฟีดแบ็กได้ แค่โพสต์ทิ้งไว้จนผ่านไป 3 วันเพื่อนมาบอกว่าให้ลูกกินแฮมเบอร์เกอร์เหรอ มีคนเข้ามาด่าเต็มเลย ไก่ก็เลยบอกไม่ได้กิน ที่กินน่ะคือมะเขือเทศ เป็นครึ่งชิ้นที่ไก่กินแล้วซึ่งมันอยู่ในแฮมเบอร์เกอร์ แล้วเวลาน้องเขากินเขาจะใช้ดูดมากกว่า แต่ไม่ได้ดูดแบบจริงจังนะ” “ตอนนั้นไก่ก็อุ้มเขาอยู่นะ แล้วแฮมเบอร์เกอร์เราก็เป็นคนถือ คือต้องบอกว่าไก่ก็เป็นคนที่รักลูกนะคะ และค่อนข้างมีความรู้พื้นฐานในการเลี้ยงลูกแล้วล่ะ คุยกับคุณหมอตลอด และเวลาพาเขาไปหาคุณหมอ ไก่ก็จะบอกตลอดว่าพัฒนาน้องเขาเปลี่ยนไปยังไงบ้าง เราจะปรึกษาคุณหมอตลอด และถามคุณหมอว่าช่วงนี้ลูกชอบเอาทุกอย่างเข้าปาก เราเองก็กังวลเหมือนกันว่าเราควรจะให้เขาเอาเข้าปาก หรือควรจะดึงเอาออกดี เพราะเวลาเขาจะหยิบจับอะไรแล้วเราดึงออก เขาจะร้อง ก็เลยถามคุณหมอว่าควรทำยังไง คุณหมอก็บอกว่าให้เขาลองด้วยตัวเอง อย่างเขาจะเอาน้ำเย็น เราก็สลับให้เขารู้ว่านี่คือน้ำเย็น นี่คือน้ำอุ่น นี่คือแข็งนี่คืออ่อน ไม่อยากให้ไปขัดใจเขา เพราะหมอบอกว่าเด็กจะมีเรื่องของภาวะอารมณ์ด้วย ก็ให้เขาเรียนรู้ไว้ ให้เขาได้ทดสอบ” บอกตั้งใจจะปิดเฟซบุ๊กต่อไป เพราะตนไม่มีเวลาเล่น อีกทั้งหวั่นเลี้ยงลูกไม่เหมือนคนอื่นจนอาจสร้างความไม่พอใจ “ส่วนเรื่องเฟซบุ๊กที่ปิดไปก็คือไก่บอกคุณพ่อว่าปกติแม่ก็ไม่ได้เล่นอยู่แล้ว ก็จะเป็นคุณพ่อที่โพสต์ แม่ก็เลยเริ่มมีความกังวลแล้วว่าแสดงว่ากลุ่มคนเป็นแม่จำนวนหนึ่งรู้สึกเป็นกังวลกับการเลี้ยงลูก เริ่มไม่สนุกกับการเลี้ยงลูกของเราแล้ว กลายเป็นเรื่องซีเรียส ไก่ก็เลยบอกว่าบางทีเราอาจจะเลี้ยงลูกไม่เหมือนคนอื่นก็ได้ หรือบางทีเราอาจจะทำให้เขาไม่พอใจหรือเป็นปัญหาหรือเปล่า แม่ก็ไม่มีเวลามาโพสต์ด้วย เพราะเราก็ทำงานทุกวันไม่รู้ว่าใครเอารูปอะไรลง เพราะแอดมินไม่ใช่เราคนเดียว เราก็เลยกลัวว่าจะไม่มีเวลามาปรู๊ฟข้อความที่จะโพสต์ด้วย ก็เลยปรึกษาคุณพ่อว่าปิดดีไหม แม่ว่าเล่นแต่ไอจีดีกว่า เพราะไอจีมันก็ของใครของมัน พ่อเขาก็บอกว่าพ่อไม่ซีเรียส แล้วแต่แม่ก็แล้วกัน เราก็เลยปิด” “พอกดแจ้งปิดเขาก็บอกว่าจะมีผลภายใน 14 วัน เราก็งงว่าทำไมมันนานจัง แต่ก็มีคนตามน้องอยู่ถึง 8 พันกว่าคน เขาอุตส่าห์มากดไลค์ให้น้อง ก็เลยแจ้งนิดหนึ่งว่าตอนนี้แจ้งปิดแล้ว อีก 14 วันมีผล ต้องขออภัยนะคะ แต่ถามว่าจะเปิดอีกไหม เราก็เกรงใจคนที่รักน้องนะคะ มีคนรอบๆ ข้างบอกว่าอย่าคิดมาก คนส่วนใหญ่เขาอยากเห็นน้อง ไก่ก็ได้แต่ขอบคุณกำลังใจที่ให้มานะคะ เราก็ไม่ได้คิดมากอะไรแล้วล่ะ กังวลอย่างเดียวว่าถ้าเรามีเวลาเล่นโซเชียลพวกนี้เราก็จะเปิด แต่ตอนนี้ยังไม่มีเวลาเล่นเลย เพราะเราอยู่กับน้องตลอด” บอกลูกสาวแพ้โทรศัพท์ หยิบขึ้นมาเล่นทีไร เป็นต้องร้องไห้งอแงทุกที “อีกอย่างคือน้องแพ้โทรศัพท์ เป็นตั้งแต่ท้องจนคลอดมานี่แหละ สมมติเขาหลับอยู่ แล้วไก่แค่แอบกดไลน์นิดเดียวเอง เขานอนอ้าปากหวออยู่ แป๊บเดียวลืมตาจ้องแม่ใหญ่เลย แต่ถ้าเรายังเล่นโทรศัพท์ต่อไป เขาจะร้องทันที เราก็เลยต้องวางโทรศัพท์ ก็เลยคิดว่าถ้าเรายังไม่มีเวลาขนาดนั้น ก็ยังไม่เปิดดีกว่า” วอนขอเวลาพิสูจน์ว่าตนเป็นแม่ที่ดีและเลี้ยงลูกเป็นหรือเปล่า “คือตอนแรกที่เราไม่ได้ชี้แจงอะไรออกไป เพราะความตั้งใจคืออยากให้มันตลก แต่พอมันเป็นเรื่องใหญ่ไปแล้ว ซึ่งเราอาจจะไปปล่อยเวลาหลายวันเกินไป เพราะเราเพิ่งรู้ พอมันเป็นเรื่องซีเรียสไปแล้ว ถึงแม้ว่าเราจะตอบอะไรไปไก่ก็เชื่อว่าเขาอาจจะคิดว่าเราแก้ตัว เราก็เลยรู้สึกว่าไม่เป็นไรแล้วกัน เพราะมีคนส่วนหนึ่งเชื่อเรา แค่นี้ก็มีกำลังใจแล้ว แต่คนที่เขาไม่เข้าใจเราก็เชื่อว่าพอถึงเวลาทุกอย่างก็จะพิสูจน์เอง ว่าแม่คนนี้เลี้ยงลูกไม่เป็นหรือเปล่า หรือไม่รักลูกหรือเปล่า เขาจะรู้เองจากกาลเวลา เราทนได้นะ เพราะผ่านเรื่องพวกนี้มาหลายครั้งแล้ว และเชื่อว่าเวลาที่ผ่านมามันพิสูจน์ตัวเรามาหลายครั้งแล้ว” |
|||
|
http://www.manager.co.th
