“โย” ปล่อยโฮ! ไม่เคยโกงเงิน “บี” แฉอีกฝ่ายแค่หุ้นลม ปัดตอบธุรกิจพังเพราะ “ฮิม”
2014-10-14 22:23:19
Advertisement
คลิก!!!

“โย ยศวดี” ปล่อยโฮ! เคลียร์ปมแตกหัก “บี น้ำทิพย์” ยันไม่เคยโกงเงิน แถมใจดีให้บีเป็นหุ้นลมแต่ได้ส่วนแบ่ง 50 เปอร์เซ็นต์ เผยอยากเคลียร์ให้จบอย่างสันติไม่จองล้างจองผลาญกัน ลั่นตัดความสัมพันธ์อีกฝ่ายไม่ขาด ส่วนตนอึดอัดที่ต้องร่วมงานกับบี ประกาศแฟชั่นวีกล่าสุดอาจเป็นงานชิ้นสุดท้าย โต้ปล่อยข่าวบีกระโดดถีบ “ฮิม อิสริยะ” กลางผับ อุบตอบธุรกิจพังเพราะฮิมแทรกกลางธุรกิจ 
       
       จัดงานเปิดตัวธุรกิจใหม่ “เพาเวอร์ ฟิต บาย โย” อย่างยิ่งใหญ่อลังการ สำหรับ “โย ยศวดี หัสดีวิจิตร” โดยงานนี้สิ่งที่ผู้สื่อข่าวจับตามองเห็นจะเป็นประเด็นร้อนกับเพื่อนร่วมโลกอย่าง “บี น้ำทิพย์ จงรัชตวิบูลย์” ที่โยได้ประกาศว่าพร้อมเคลียร์และเปิดใจถึงปัญหาทุกอย่างที่ทำให้ทั้งคู่แตกหัก กลายเป็นเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด โดยโยประกาศว่าไม่เคยโกรธแค้นบี แม้อีกฝ่ายจะออกมาพูดรุนแรง และทิ้งปมปริศนาให้ทุกคนสงสัยว่าตนโกงเงิน จนโดนเพื่อนนางแบบตั้งคำถามใส่ตนทุกครั้งที่ไปทำงาน ยันทุกอย่างจะไม่ลุกลามใหญ่โต ถ้าบีเปิดใจรับฟังตนบ้าง พร้อมยันว่าไม่เคยโกงเงินบี อีกทั้งบียังเป็นแค่หุ้นลมในธุรกิจ พ้อหากไม่ชวนอีกฝ่ายทำธุรกิจด้วยกัน วันนี้คงไม่เกิดปัญหา
       
       “ต้องบอกว่าธุรกิจเพาเวอร์ ฟิต บาย โย มีการพูดคุยมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว จนต้นปีก็มีการพูดคุยมาเรื่อยๆ แต่ไม่รู้ว่าการเริ่มงานมันจะมาคู่หรือมาเดี่ยว หรือว่ายังอยู่ภายใต้บริษัทเดิมไหม แต่ก็ยังทำงานมาตลอดเพราะต้องใช้เวลาเรื่องขออย.นาน จนมาท้ายที่สุดเดือนกันยายนรู้แล้วว่าต้องทำคนเดียว เลยเปิดบริษัทนี้ขึ้นมาเลย และดันผลิตภัณฑ์นี้ออกมา จริงๆ ธุรกิจตัวนี้ยอมรับว่าเคยคุยกับบี(น้ำทิพย์)ว่าจะทำด้วยกัน คุยกันตั้งแต่ตอนที่ทำอาหารเพื่อสุขภาพ แล้วธุรกิจอาหารมันมีช่วงพีกและช่วงดาวน์ มาปีนี้มันดาวน์เยอะมากเพราะมีคู่แข่งเยอะ เลยคิดว่าน่าจะมีตัวอื่นมาซัปพอร์ต ตอนนั้นเขาก็บอกว่าน่าสนใจอยากทำ แต่คราวนี้มาติดปัญหาที่ว่าเขาเริ่มเปลี่ยนใจไม่อยากทำไม่อยากลงทุน โยเลยบอกว่าโอเค แต่ต้องบอกว่าตั้งแต่ชวนเขามาทำธุรกิจไม่เคยให้เขาลงทุนนะคะ แล้วธุรกิจนี้ที่ชวนเขาทำร่วมกันอีกครั้งก็คิดว่าเตรียมจะลงทุนให้”
       
       “ก่อนอื่นต้องบอกว่าที่มายืนสัมภาษณ์ตรงนี้ไม่ได้ต้องการหักล้างใดๆ และมีเจตนาที่ดีเสมอว่าเขาเป็นน้อง ทุกวันนี้ก็ยังรักเขาไม่ว่าเขาจะพูดมาอะไรก็ตาม แต่โยแค่จะมาพูดในเรื่องจริง จะไม่ไปทำร้ายหรือทำลายอะไรเขาเลย ธุรกิจโยบีตอนที่เรียกมาคุยโยตัดสินใจที่จะเป็นผู้ลงทุนเองทั้งหมด โดยชวนบีมาร่วมทำ ซึ่งเขาทราบอยู่แล้วว่าตัวเขาเองไม่ได้ลงทุนใดๆ เลย แม้กระทั่งมาจนถึงวันนี้ที่เปิดธุรกิจมา 20 เดือน บีก็ยังไม่ได้เคยลงทุน ช่วงที่มาดร็อปเรื่องธุรกิจอาหารน่าจะเป็นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ช่วงนั้นก็มีการพูดคุยว่าถ้ามันไม่ไหวจะทำยังไง สำหรับโยถือว่าเรามีซัปพลายเออร์ คนที่ทำธุรกิจแล้วมีซัปพลายเออร์จะรู้ว่ามันเติบโตลำบากมาก นอกจากวันหนึ่งจะเปิดครัวเอง ก็มานั่งคุยกันและรู้ว่าเหนื่อยด้วยกันทั้งคู่จริงๆ ตอนนั้นประมาณเดือนสิงหาคมโยเลยตัดสินใจที่จะปิดธุรกิจในอีก 2 เดือนข้างหน้า ซึ่งบีก็เห็นชอบด้วย”
       
       “บีจะทำหน้าที่ทางสื่อในการช่วยโปรโมตโดยการใช้ภาพลักษณ์ของการเป็นนักแสดง เวลาบีติดงานก็จะไม่ได้มาทำงาน โยจะเป็นคนทำงาน เอาง่ายๆ เหมือนกับหน้าบ้านคนหนึ่ง หลังครัวคนหนึ่งเพราะเรามีออฟฟิศด้วย ธุรกิจโยบีมีลูกน้องเกือบ 20 ชีวิตก็ต้องมีคนเข้าไปบริหาร ซึ่งการตกลง ณ เวลานั้นคือบีมอบหมายทุกอย่างให้โยเป็นคนบริหาร การถือหุ้นโยบีจริงๆ มี 3 หุ้น คือโย บี และพี่เอ(อัญชลี) แต่สัดส่วนในการแบ่งผลกำไรที่ให้บีคือเขาได้รับ 50 เปอร์เซ็นต์เต็มๆ โดยที่โยเป็นคนแบ่งในส่วนแบ่งของโยให้กับพี่เอ แต่ตัวพี่เอมาทำหน้าที่เหมือนเอ็มดีในบริษัทเขาจึงมีเงินเดือนของเขาอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นก็จะไม่ได้ปันสัดส่วนอะไรให้เขามาก”
       
       เผยจุดแตกหักคือวันที่จะปิดธุรกิจโย-บี เพราะต้องมีเงินสำรองจ่ายลูกน้อง แต่บีไม่เข้าใจ เพราะที่ผ่านมามองเห็นแต่รายได้ ไม่เคยรู้รายจ่ายของบริษัท
       “จุดแตกหักมาตอนที่บอกว่าจะปิดธุรกิจ คราวนี้มันต้องมีเงินในการรองรับ ไม่ใช่ว่านึกจะปิดก็ปิดได้เลย อย่างน้อยต้องมีเงินสำรองในการจ่ายลูกน้อง ในการที่จะพักงานคนอีก 10 ชีวิต ซึ่งมันเป็นเรื่องใหญ่มาก และเป็นเรื่องที่โยกับทีมแพลนมาอย่างดีว่าเราจะทำอะไร แต่ในขณะเดียวก็เข้าใจบีด้วย ด้วยความที่บีไม่เคยเข้ามาทำงานดังนั้นจะมองเห็นแต่รายได้ แต่จะไม่รู้รายจ่ายของออฟฟิศเลย พอมาดูก็อาจจะมีจุดหนึ่งที่ไม่เข้าใจ ซึ่งตรงไหนที่ไม่เข้าใจโยก็พร้อมที่จะเคลียร์ให้ดู แต่ทุกอย่างไม่ได้เป็นอย่างที่บีคิด”
       
       “ตอนนั้นคือเดือนสิงหาคมก็ตัดสินใจกันว่าจะปิดธุรกิจโยบีในวันที่ 4 สิงหาคมขอให้บีมาดูวันนั้นเพื่อที่จะได้รู้ว่าบริษัทมีเงินเหลือหรือมีผลกำไรเท่าไหร่ แต่เอาตามจริงตั้งแต่เปิดธุรกิจมาผลตอบรับที่ได้คือส่วนแบ่งในส่วนกำไรที่ได้นั้น บีได้ไปในจำนวนที่มาก เท่ากันกับที่โยได้ ไม่ได้น้อยกว่าหรืออะไรโดยที่เขาไม่ได้ลงทุนอะไรเลย ช่วงก่อนเดือนสิงหาคมที่จะเข้ามาคุยกันมันมีช่วงดร็อปจริงๆ ที่ไปบอกบีว่าคงต้องเอาเงินมาลงทุน 2 แสนบาท ซึ่งบีก็เอามาให้แต่ต้องคืนเขา ซึ่งไม่ถึง 3 สัปดาห์ เงิน 2 แสนนี้ถูกคืนจากบริษัทกลับไปสู่บีทั้งหมด เท่ากับเหมือนเดิมว่าบีไม่เคยลงทุนจริงๆ หนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาที่โยไปทำงานแอลแฟชั่นวีก โยต้องเจอกับผู้คนที่เข้ามาถามว่าทำไมถึงปิดธุรกิจโยบี มีการโกงกันจริงหรือไม่ บีลงทุนมาเท่าไหร่ แล้วโดนโกงเหรอ เงินไม่คืนบีเหรอ คำถามเหล่านี้โยไม่เคยพูดสักคำ”
       
       ยันซัปพลายเออร์ไม่เคยทวงเงินบี ส่วนตนเรียกบีมาร่วมรับฟังทุกอย่างแต่บีไม่ยอมมา อ้างไม่ว่าง แต่กลับไปประกาศว่าพร้อมดับเครื่องชนตน อีกทั้งมีการตกลงกันก่อนแล้วว่าจะปิดธุรกิจอย่างเงียบๆ
       “ถ้าจะมีการทวงจริงๆ ซัปพลายเออร์ต้องทวงกับโยเท่านั้น ตามที่บอกว่าเวลาดีลเรื่องทำอาหาร ซัปพลายเออร์ที่ใหญ่ๆ จะไม่มีใครที่ขอแอดวานซ์เลย แต่เขาต้องสามารถแอดวานซ์ได้ก่อน ไม่ใช่ทางเราแอดวานซ์ ทำธุรกิจมา 20 เดือน ต้องบอกเลยว่าเกินกว่าครึ่งที่เราต้องปันให้ซัปพลายเออร์ และ ณ ปัจจุบันเป็นศูนย์นะคะ ไม่เคยมีหนี้สินใดๆ กับซัปพลายเออร์ เขาถึงไม่มายุ่งในเรื่องนี้เพราะนี่คือเรื่องจริงที่พูด ทุกวันนี้บริษัทได้ปิดแล้ว ทุกอย่างจบ แต่มันไม่จบจุดเดียวคือบีไม่ยอมมาฟัง หลังจากที่เราประชุมไปเมื่อเดือนสิงหาคมบีกับผู้ช่วยเขาก็ขอให้หลายๆ สิ่ง และเราทำให้ทุกอย่างที่จะปิดบริษัทให้ดีที่สุดและได้ผลประโยชน์ดีที่สุดสำหรับทุกคน แต่เรียกให้บีมาประชุมก็บอกว่าไม่ว่าง ก่อนหน้าแอลแฟชั่นวีกก็เรียกไปถึงผู้ช่วยของบี เรียกว่าพยายามทุกวิถีทางแล้วจริงๆ แต่ผู้ช่วยเขาบอกว่าไม่มีเวลาเพราะว่าจะต้องเป็นสปอนเซอร์ให้แอลแฟชั่นวีกแล้วก็บอกว่าพร้อมที่จะดับเครื่องชน ซึ่งได้ฟังแบบนี้แล้วเสียใจ”
       
       “โยมีความรู้สึกว่าทำไมถึงต้องดับเครื่องชนในเมื่อถ้าบีลดในเรื่องของอคติและมีสติในการแก้ปัญหา โยมองว่าปัญหานี้เล็กมาก ถ้าเราแก้ด้วยความรักแล้วมันยังมีความเป็นเพื่อนกันอยู่จริงๆ มันไม่ควรที่จะมาไกลจนถึงขนาดนี้ โยมองว่าตัดสินใจที่จะปิดบริษัท โยบีมี 2 ชื่อ แต่ทำไมบีถึงออกมาปิดบริษัทคนเดียวโดยที่ไม่มาปรึกษาโยแม้แต่คำเดียว วันที่บีไปพูดกับสื่อมันมีเรื่องเข้ามาให้ได้ยินว่าบีไม่ตั้งใจที่จะพูดแบบนั้น แต่ถูกป้อนให้พูดออกมาแบบนั้น ซึ่งโยไม่เคยได้ดูข่าว อ่านแต่หนังสือพิมพ์ บีบอกว่าไม่ตั้งใจที่จะพูดและไม่เคยคิดที่จะพูดแบบนั้นจริงๆ เพราะตามจริงแล้วได้ตัดสินใจกันแล้วว่าถ้าจะปิดบริษัท จะปิดออกสื่อไหม ทุกคนบอกว่าไม่ ก็คือจะปิดกันเงียบๆ เคลียร์ทุกอย่างให้เรียบร้อย โยเองไม่มีชะนักติดหลังฉะนั้นไม่กลัว มาวันนี้โยกล้าพูดต่อหน้ากล้องขนาดนี้ ถ้ายังไม่เชื่อในสิ่งที่โยพูด โยพร้อมยินดีทำตามกระบวนการทุกอย่าง”
       
       บอกอยากให้บีเข้ามาเซ็นยอมรับการปิดบริษัท หากคาใจเรื่องเงินส่วนไหน ยินดีรับฟัง ยอมรับก่อนแตกหักมีปากเสียงกับบี เพราะอีกฝ่ายไม่พอใจที่ตนนำธุรกิจใหม่มาโปรโมตในไอจี
       “จริงๆ มันไม่มีคำว่าเบื้องหลังอะไร โยเองก็มีผู้ช่วย บีเองก็มีผู้ช่วย แล้วก็ยินดีที่จะรับฟังทั้งสองฝ่าย เพียงแต่มีความรู้สึกว่าถ้าเราใช้อารมณ์เรื่องนี้มันจะไม่จบ (เงินเท่าไหร่ที่บีต้องจ่ายในการปิดบริษัท) บีไม่ต้องจ่ายอะไรเลย เวลานี้แค่ต้องการให้มาเซ็นยอมรับในการปิดบริษัทและมาดูบัญชีทั้งหมดที่เกิดขึ้นมา 20 เดือนว่าบีพอใจไหม มันเป็นไปตามถูกต้องที่บีกับผู้ช่วยต้องการหรือเปล่า ถ้ามีส่วนไหนที่บีคิดว่าเงินหาย ถูกโกง ผลกำไรที่ปันได้ไม่ถูกต้อง ยินดีที่จะรับฟัง”
       
       “เพราะเหตุนี้เราถึงไม่โกรธ ตอนที่มีคนบอกว่าบีสัมภาษณ์แล้วนะและพูดแรงมาก เราก็ไม่โกรธด้วยความที่เรารักเขา พร้อมจะรับฟังว่าเขารู้สึกยังไง การที่เขาพูดแบบนั้นแปลว่าเขาต้องมีจุดหนึ่งที่ทนไม่ไหว แต่วันนั้นต้องบอกว่ามีเหตุการณ์เกิดขึ้น เรามีปากเสียงกันในการคุยไลน์ถึงการที่จะปิดไอจีและโซเชียลเน็ตเวิร์กทุกอย่าง คุณบีโกรธที่นำเอาผลิตภัณฑ์พาวเวอร์ฟิต บายโย ไปโปรโมตในไอจี ซึ่งวันนั้นได้คุยกับผู้ช่วยโย บอกว่าให้ปิดทุกอย่างภายในวันนี้ เราก็โอเค เคยขอเขาว่าฐานไอจีขอไว้ได้ไหมเพราะสร้างกันเหนื่อย เพราะทุกภาพโยเป็นคนเขียน แต่เขาบอกว่าไม่ได้ก็ต้องปิดไป เราก็ยินดีทำเราบอกว่ารอถึง 4 ต.ค.ขอลาลูกค้า แต่พอตกตอนเย็น ข่าวออกเลยคิดว่ามันเป็นอารมณ์ที่เลยเถิดไป กลับลำไม่ได้”
       
       รับเพื่อนนางแบบอาสาเป็นกาวใจ ก่อนปล่อยโฮบอกยังมีลูกน้องอีกหลายชีวิตต้องรับผิดชอบ ส่วนตนไม่เคยเกลียดบี และเป็นเพียงเพื่อนร่วมโลกกับบีไม่ได้
       “เราไม่ได้คุย เจอกันที่แฟชั่นวีกเหมือนกับไปเป็นเรื่องของเด็กกับหลายๆ คน คือปัญหาที่เราเดินเจอกันแล้วไม่ทักกัน พี่ๆ เขาก็อยากให้คุยกัน ถ้ามันไม่มีใครโกงใครจริงๆ เรายอมรับหันหน้ามาคุยแล้วมันก็จบ”
       
       “มีหลายท่านที่อาสาเป็นกาวใจ ทั้งคุณเก๋ (ชลลดา เมฆราตรี) คุณเข็ม (ลภัสรดา ช่วยเกื้อ) แต่มันก็อยู่ที่เจ้าตัวด้วยว่าเขาพร้อมที่จะรับฟังและเข้าใจแบบไหน ในส่วนของเรายังไงต้องเคลียร์ก่อน เรื่องบัญชี สำหรับตัวโยเองวันนี้เรามีลูกน้องตามหลังมาด้วย การทำธุรกิจใหม่ โยพูดกับน้องว่าไม่จำเป็นต้องตาม อย่างที่เกิดขึ้นคือโดนดิสเครดิตมาธุรกิจอาจจะล่มก็ได้ อาจจะไม่มีใครเชื่อถือ เรากลัวมากกับการที่ต้องแบกอีก 10 กว่าชีวิตโดยไม่มีจุดหมาย”
       
       “คาดหวังว่าสิ่งที่เราพูดวันนี้จะทำให้เขาเปิดใจรับฟังเรามากขึ้น (เริ่มเสียงสั่นและปล่อยโฮ) อยากให้นึกถึงว่า ณ เวลานี้โยยังต้องดูแลหลายชีวิต อยากให้มีเหตุผลมากๆ กับการทำธุรกิจใหม่โยไม่ได้ต้องการอะไรมาก แค่ดูแลลูกน้องให้รอด การปิดโยบีไม่มีใครถามซักคำว่าว่าลูกน้องอีก 10 กว่าคนจะอยู่ยังไง(ร้องไห้ต่อ)”
       
       “โยทำดีที่สุดแล้วที่คนๆ หนึ่งจะทำให้ ทุกวันนี้ก็ไม่เคยโกรธบี คิดว่าบีเป็นน้อง และรักบีเสมอ แต่วันนี้ขอแค่ความยุติธรรมให้โยบ้าง (ที่เขาบอกว่าเป็นเพื่อนร่วมโลก) สำหรับเขา เขาพูด แต่สำหรับโย โยทำไม่ได้ เพราะทุกวันที่ทำงานกับเขาโยอึดอัดมาก ถึงขนาดพูดว่าแฟชั่นวีกปีนี้จะเป็นปีสุดท้ายที่จะทำ(ร้องไห้) เพราะมันเป็นที่ๆ อยู่แล้วไม่มีความสุข โยขอถามคำหนึ่ง เวลาเรารักใครซักคนมันสามารถตัดได้จริงๆ ไหม เป็นโย โยตัดไม่ได้ แต่ถ้าจะไม่คบกันเป็นเพื่อน ไม่เป็นไร แต่ขอให้เคลียร์ทุกอย่างให้ชัดเจนแล้วรับฟังคนอื่นบ้าง”
       
       ยันอยากเคลียร์ให้จบอย่างสันติ ไม่จองล้างจองผลาญกัน
       “หลักฐานมีแต่ต้องให้การเงินเป็นคนพูด เราไม่สามารถโชว์ได้เพราะเรามีพาร์ตเนอร์คนอื่นด้วย ถ้าเคลียร์ไม่ได้จะถึงขั้นฟ้องร้องไหมกก็ต้องแล้วแต่คุณบี สำหรับโย โยไม่คิดฟ้องร้องอะไรใคร”
       
       “อยากให้จบให้ดีที่สุด อยู่แบบสันติ ไม่ต้องมีการจองล้างจองผลาญกัน ไม่ต้องมีการด่ากันตามโซเชียลเน็ตเวิร์ก โยไม่เคยว่าเขาแม้แต่คำเดียว ก็อยากได้สิ่งนั้นบ้าง”
       
       โต้ปล่อยข่าวบีกระโดดถีบ “ฮิม อิสริยะ คูหาเปรมกิจ”” หน้าผับ ลั่นไม่ปล่อยข่าวในช่วงที่คนคิดว่าตนเป็นตัวร้าย
       “เรื่องวันเกิด โยจัดที่ฟาลาเบลล่ามาปีกว่าแล้ว ปีนี้ไม่ได้จัดที่นั่น แต่การที่มีคนเอาเรื่องนี้มาพูดเหมือนให้โยเป็นคนผิดที่จะใส่ร้ายน้อง โยไม่เคยรู้เรื่องเหตุการณ์นี้ไม่เคยรับฟังว่าใครไปทำอะไรกับใครทั้งสิ้น ขอให้ดูความจริง ถ้าปล่อยข่าวเอง ปล่อยนานแล้วดีกว่าไหม จะมาปล่อยในช่วงที่ทำให้คนคิดว่าเป็นตัวร้ายทำไม เราไม่รู้ไม่เห็น เพราะวันนั้นเพื่อนมาเป็นโขยง ตัวเขาเข้ามางานวันเกิดไม่ถึงชั่วโมง”
       
       “เรื่องนี้คงไม่ต้องเคลียร์ จริงๆ ต้องพูดว่าไม่ได้เที่ยว แฮงค์เอาต์กับคุณบีตั้งแต่ต้นปีแล้ว ความห่างกับบีมา 6-7เดือน เพราะเราเริ่มรู้ว่าทัศนคติวิสัยทัศน์ไม่ตรงกัน ช่วงแรกที่ทำธุรกิจเราคิดว่าเรามีความเหมือน แต่พออยู่ด้วยกันเลยรู้ว่าเราต่างกันมาก ไลฟ์สไตล์ก็ไม่เหมือนกัน มันเลยค่อยๆ ห่างไปเอง บีเองก็มีกลุ่มเพื่อนของเขา”
       
       “โยไม่ได้เสียใจที่ชวนเขาทำธุรกิจ แต่กลับคิดว่าถ้าวันนั้นไม่ชวนเขาทำ เราน่าจะเป็นเพื่อนกันได้ ที่บอกว่าความเห็นไม่ลงรอยหลายๆ อย่างเวลามีปัญหา เราคิดจะแก้ แต่อีกคนหนึ่งไม่รับฟัง มันจบปัญหาไม่ได้”
       
       อุบตอบทะเลาะเพราะฮิมเข้ามาแทรกเรื่องธุรกิจ
       “ขอไม่เอ่ยชื่อคนอื่นค่ะ ตอนนี้ไม่ได้รอให้เขามาเคลียร์ค่ะ ก็ให้หลายๆ ฝ่ายโทร.ตาม แต่ตามที่ผู้ช่วยบีบอกว่ารอว่าง (ฮิมแทรกกลางธุรกิจจริงไหม) เอาตามจริงแต่ละคนมีความรู้ความถนัดไม่เหมือนกัน ตัวโยอาจจะรู้อาจจะเข้าใจ แต่อีกคนไม่เข้าใจเขาอาจจะหาคนมาช่วยให้เข้าใจ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น คนที่จะมาช่วยควรจะทำให้อีกคนหนึ่งเย็น แก้ปัญหา ไม่ใช่ทำให้ปัญหาลุกร้อนใหญ่โตมากขึ้น (แปลว่ามีปัญหามือที่สามมาเกี่ยว) อันนี้ไม่ทราบค่ะ และไม่ได้ออกจากปากโย”
       
       ซึ่งดูท่าเรื่องนี้คงไม่จบลงง่ายๆ เพราะภายหลังจากที่โยได้ออกมาเปิดใจ ด้านบีก็ได้บอกคนใกล้ตัวว่าพร้อมแถลงข่าวเปิดใจทุกเรื่องราวเช่นเดียวกัน เพียงแต่ให้รอคอนเฟิร์มวันที่ชัดเจนอีกครั้ง
 
 
“โย” ปล่อยโฮ! ไม่เคยโกงเงิน “บี” แฉอีกฝ่ายแค่หุ้นลม ปัดตอบธุรกิจพังเพราะ “ฮิม”
        

http://www.manager.co.th

.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X