“เอ๋ อัจฉรา” อยากตาย! ป่วย 3 โรค รู้ซึ้งแล้วตอนดังเคยเล่นยาทุกชนิด เตือนใครเสพอยู่ให้หยุดซะ
2014-07-12 19:35:38
Advertisement
คลิก!!!

“เอ๋ อัจฉรา” เผยเกือบตายจากอาการหัวใจวายเฉียบพลันหลังเส้นเลือดหัวใจตีบ ต้องส่งโรงพยาบาลกะทันหัน เสี่ยงเป็นเจ้าหญิงนิทรา ทุกข์หนักป่วยเป็นโรคพุ่มพวงและมะเร็งเม็ดเลือดขาวระยะที่ 2 ก่อนหน้านี้ต้องตัดม้าม เจาะตับ และผ่าสมอง ทรมานจนคิดอยากตายอยากนอนหลับแล้วขอไม่ตื่นอีกเลย พร้อมเปิดใจที่ป่วยหนักเพราะตอนเป็นดาราดังตนเล่นยาทุกชนิด เตือนอย่าเอาเยี่ยงอย่าง ใครเสพอยู่ให้หยุดซะ


       
       


       
       ป่วยหนักต้องเข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาลตลอด สำหรับอดีตนางเอกสาวชื่อดัง “เอ๋ อัจฉรา ทองเทพ” หลังมีหลายโรครุมเร้า ทั้งโรค SLE หรือโรคพุ่มพวง โรคมะเร็งในเม็ดเลือดขาวระยะที่ 2 ก่อนหน้านี้ต้องตัดม้าม เจาะตับและผ่าสมอง กระทั่งล่าสุดเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน ที่ผ่านมา ถูกหามส่งโรงพยาบาลอีกครั้งหลังเส้นเลือดหัวใจตีบเกือบหัวใจวายเฉียบพลัน ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดอดีตนางเอกสาวได้เปิดใจระหว่างมาอัดรายการคนดังนั่งเคลียร์ ทางช่อง 2 สตาร์แม็กซ์ พร้อมเผยถึงนาทีเฉียดตายนั้นว่าอาการน่าห่วงถึงขนาดหมอบอกให้แม่ทำใจว่ามีโอกาสเป็นเจ้าหญิงนิทรา แต่โชคดีที่ปาฏิหาริย์มีจริงเจ้าตัวฟื้นได้สติกลับมา ตอนนี้ต้องแบกภาระจ่ายค่ารักษาตัวเองเดือนเป็นแสน ทุกข์หนักเคยคิดนอนหลับแล้วขอไม่ตื่นได้มั้ย
       
       “11 ปีแล้วนะที่เป็น SLE (โรคพุ่มพวง) และเจอมะเร็งเมื่อปีที่แล้ว และมาเจอเส้นเลือดตีบต้องทำบอลลูนหัวใจวายเมื่อวันที่ 12 เคสหัวใจวายล่าสุดไม่มีอะไรเตือนเลย ใช้ชีวิตปกติมาก ไม่มีเหนื่อยไม่มีอะไร ไม่มีอะไรบ่งบอกว่าต้องหัวใจวาย นอนอยู่เกือบตี 4 รู้สึกว่าหายใจไม่ออก ก็สะดุ้งตื่นแล้วฮึดสู้กับมัน เราดิ้นพยายามที่จะหายใจทางปาก แต่อ้าปากก็ไม่ออก ไม่มีลางบอกเหตุอะไรเลย ปกติทุกอย่าง เราขาดอากาศหายใจนาน คุณหมอก็บอกกับคุณแม่ว่าถ้าฟื้นได้ก็ทำใจหน่อยนะ อาจจะต้องเป็นเจ้าหญิงนิทรา แต่เราก็ไม่เป็นเพราะคุณหมอเก่งมาก”
       
       “พอหมอเจอว่ามันตีบก็รีบใส่ท่อเข้าไปที่หัวใจ แล้วก็ฝังขดลวดเอาไว้เลย เพื่อให้มันขยาย ตอนนี้ต้องไปเช็ควันเว้นวัน ชีวิตเปลี่ยนไปเลย ก็จะเป็นลักษณะของการกิน การนอน การเดิน ต้องเปลี่ยนอย่างของมันนี่กินไม่ได้เลย น้ำมันต้องเปลี่ยนเป็นน้ำมันมะกอก ห้ามกินเนื้อสัตว์”
       
       “มะเร็งเม็ดเลือดขาวนี่เป็นอะไรที่รักษาไม่ได้ แต่จะทำยังไงไม่ให้มันแตกกระจาย ก็จะมีพวกยาบำรุง คีโมลองแล้วแต่เราแพ้สารเคมี คุณหมอก็เลยให้แบบทาน ทุกวันนี้ก็ใช้ธรรมะบำบัดด้วย เราอยู่กับความเป็นจริง ซึ่งครั้งนึงก็เคยท้อว่ากรรมอะไรนักหนาทำไมต้องเกิดแต่กับฉัน ฉันไม่ได้ทำชั่ว ไม่ได้ทำร้ายใครนะ แต่ทุกวันนี้เข้าใจแล้วว่าทุกอย่างที่มีคำว่าทำไม เมื่อไหนเมื่อนั้นก็คือทำร้ายตัวเอง ช่วงนี้ถ้ามีเวลาว่างก็จะพาลูกสาวไปด้วย ไปปฏิบัติธรรม ไปเรียนรู้ตัวเอง ปลงให้ได้ไปยอมรับตัวเองให้ได้ อยู่วัดเสถียรธรรม เพราะใกล้บ้าน ถ้าว่างก็จะไปวัดหลวงพ่อจรัญ ที่สิงห์บุรี”
       
       “ส่วน SLE ยังต้องรักษา ต้องใช้สารสเตียรอยด์รักษาอยู่ ตอนนี้ก็ห้ามโดนแดด โดนฝุ่น โดนลม โดนอะไรไม่ได้ ใช้ชีวิตลำบากมาก มีเจ็บปวดเวลาก้ม เวลาจะนอน เวลาจะลุกเราก็ต้องเกร็งหน้าอก แต่ก็พยายามใช้ชีวิตให้ปกติ พยายามไปเจอเพื่อนๆ เพื่อนๆ ก็น่ารักครอบครัวก็น่ารัก ให้กำลังใจเราตลอด โดยเฉพาะกลุ่มพวกพี่จิ๋ม ปนัดดา เราเจอเพื่อนอาทิตย์เว้นอาทิตย์”
       
       รับภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาเดือนเป็นแสน
       “ค่ารักษาก็เยอะนะคะ สำหรับ 3 โรค เพราเป็น SLE โรคพุ่มพวงมา 11 ปีแล้ว แล้วก็เจอมะเร็งเม็ดเลือดขาวระยะที่ 2 อีกเมื่อปีที่แล้ว และมาหัวใจวายอีก ตกเดือนละแสนนิดๆ ตอนนี้รวมแล้วก็เกินล้าน ทางครอบครัวมีธุรกิจส่วนตัว คุณแม่มีเครื่องจักรหนักพวกรับถมดิน รับเหมาก่อสร้าง ก็เลยได้ช่วยด้วย”
       
       เผยมีโอกาสเส้นเลือดตีบอีก ก่อนหน้านี้ต้องตัดม้าม เจาะตับและผ่าสมอง
       “มีโอกาสเส้นเลือดตีบค่ะ เส้นเลือดเรามี 3 เส้น ทำบอลลูนไป 1 เส้น เหลืออีก 2 เส้น จริงๆ เส้นเดียวก็สามารถหัวใจวายได้ตลอดเวลา ตอนนี้ตัดม้ามไปแล้วเนื่องจากตอนนั้น SLE กำเริบแล้วไปเกาะม้าม แล้วกินสารสเตียรอยด์เยอะ พอไม่มีม้ามกรองเชื้อโรคตับเลยต้องทำงานหนัก ก็เลยต้องเจาะตับอีกเพราะตับบวม ก่อนหน้านั้นเส้นเลือดสมองตีบ ก็เจาะสมองผ่าสมอง ตอนนี้ก็เป็นมะเร็งระยะที่ 2 โชคดีที่เจอเร็ว”
       
       ทุกข์ทรมานสุดๆ และรู้สึกน้อยใจในโชคชะตา แต่เลือกใช้วิธีอยู่กับความจริง รับเคยคิดอยากตาย
       “เอ๋ใช้วิธีอยู่กับความจริง พูดแล้วก็เจ็บปวดน้อยใจนะว่าทำไมอะไรกันนักกันหนา คนอื่นไม่เห็นเป็นเลย ว่าอะไรก็มาลงที่เรา บางทีเราก็อยากนอนแล้วไม่ต้องตื่นมาอีกเลยได้ไหม แต่ก็ไม่เคยคิดฆ่าตัวตายนะ มันไม่ไหวมันบวม มันปวดมาก มันแตกเป็นผื่นเหมือนคนเป็นเอดส์ เหมือนเป็นคนเผือก เราก็ไม่กล้าออกไปไหน เคยคิดจะหยุดรักษาเหมือนกัน แต่ละเดือนค่าใช้จ่ายมันก็เป็นแสน เงินหายากเนาะ แล้วบางเวลาที่มันฉุกเฉิน บางทีก็สงสารครอบครัว สงสารคุณแม่ คนเป็นมะเร็งนี่ปวดมากเลยนะ ต้องการอย่างเดียวคือมอร์ฟีน เวลาที่มันปวดก็ฉีดมาเถอะ มีความรู้สึกว่าขอฉันหลับไปเลยได้ไหม เหนื่อยแล้ว แต่มีเพื่อนๆ ครอบครัว และลูกที่เป็นกำลังใจให้สู้”
       
       พร้อมเปิดหมดใจสาเหตุที่ทำให้ป่วยเยอะป่วยหนักขนาดนี้เป็นเพราะช่วงวัยรุ่นเสพยาเสพติดทุกชนิด ใช้ชีวิตเปลืองทั้งเที่ยวและนอนดึก
       “เอ๋ก็เปิดใจกับทุกคนนะ ไม่ปิด เมื่อตอนเป็นวัยรุ่น 10 กว่าปีที่แล้ว ช่วงที่ดังใหม่ๆ เอ๋ใช้ชีวิตเปลืองมาก นอนดึกเที่ยวบ่อย กินเหล้า ยาเสพติดทุกชนิดลองมาหมดนะ ทุกวันนี้เวลาไปไหนเอ๋ก็จะเตือนน้องๆ ว่าหยุดเถอะนะ มันส่งผล พอเล่นทุกอย่างปุ๊บมันก็ส่งผลเพราะเราถ่ายละครด้วย นอนก็ไม่เป็นเวลา กินก็ไม่ตรงเวลา อาจจะสะสมตรงนั้นมา พอมาถึงตอนนี้มันก็เลยเป็นแบบนี้”
       
       เคยคิดไหมว่าความตายมันอยู่แค่เอื้อม?
       “เมื่อก่อนรับไม่ได้ว่าถ้าฉันตายแล้วลูกฉันล่ะ แม่ฉันล่ะ ณ วันนี้ถ้าต้องตายก็คือตาย คนตายคือคนที่หมดภาระหมดกรรม ไม่ต้องห่วงว่าคนข้างหลังจะแบ่งทรัพย์สินกันยังไง ถึงเวลามันก็แย่งกันเองแหละ (หัวเราะ) เอ๋ว่าเอ๋ปลงมากขึ้น แต่ยังไม่ถึงกับหันหน้าเข้าวัดขนาดนั้นเพราะยังมีกิเลศอยู่ ยังมีความหวังอยากเห็นลูกโต ยังอยากให้ลูกเป็นนั่นนี่อยู่ แต่เราต้องอยู่ในศีลในธรรม รับความจริงให้ได้แค่นั้นเป็นพอ”
       
       เมื่อถามว่าป่วยแบบนี้มีผลกระทบต่อการทำงานไหม เจ้าตัวก็บอกว่าตอนนี้ปกติแล้วเริ่มกลับมารับงานในวงการบันเทิงแล้ว และยังไม่ขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิช่วยเหลือเพื่อนนักแสดง เหตุตนยังช่วยตัวเองได้อยู่
       “เอ๋ปกติแล้วนะ ชินแล้วกับการออกไปไหนต้องระวัง ถึงใครจะว่าเราเวอร์เวลาออกไปไหนต้องใส่แจ๊กเก็ตตลอด เราเจอแดดไม่ได้ ว่าไปเถอะเรารู้ตัวเรามากสุด พยายามเข้าใจตัวเอง เรื่องขอความช่วยเหลือมูลนิธินักแสดงตอนนี้เรายังช่วยเหลือตัวเองได้อยู่ เพราะคิดว่าหลายคนที่เป็นนักแสดงที่ป่วยแบบนี้ก็มีและเป็นมากกว่าเรา ตอนนี้งานแสดงก็เริ่มรับแล้วนะ เริ่มกลับมารับอีกครั้ง ตอนนี้เรามีละครกับอาเปี๊ยก พิศาล และมีภาพยนตร์เรื่องเกี่ยวกับหลวงปู่โต เอ๋รักการแสดงนะ แต่ร่างกายไม่ไหวเท่านั้นเอง อะไรที่คิดว่าแน่นอน มันอาจจะไม่แน่นอน ที่ๆ เราคิดว่าอันตรายที่สุดมันอาจจะปลอดภัยที่สุด เอ๋ก็เลยพยายามคิดบวกว่าขอให้เราดูแลตัวเองดีที่สุดก็พอแล้ว”
 

“เอ๋ อัจฉรา” อยากตาย! ป่วย 3 โรค รู้ซึ้งแล้วตอนดังเคยเล่นยาทุกชนิด เตือนใครเสพอยู่ให้หยุดซะ
       

http://www.manager.co.th

.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X