|
เพิ่งจบไปหมาดๆ กับการทวงบัลลังก์จ้าวอาเซียน ของเหล่าขุนพลนักเตะทีมชาติไทย ที่สามารถคว้าแชมป์ซูซูกิคัพ 2014 ปิดฉากการรอคอยมาถึง 12 ปีเต็มได้อย่างงดงาม
แต่กว่าจะได้มา..ก็ทำเอาดราม่าสุดๆ เหมือนกัน หลังถูกทัพเสือเหลืองถลุงนำ 3-0 ก่อนจะฮึดกลับมาสู้ซัดสองลูกรวดในช่วง 10 นาทีสุดท้าย (ทำให้ผลรวม2นัด ไทยนำ 4-3 และกลับมาเป็นผู้ชนะในท้ายที่สุด) เล่นเอาแฟนบอลชาวไทยใจหายใจคว่ำเลยทีเดียว
งานนี้ก็ต้องยกความดีความชอบให้กับหัวจิตหัวใจนักเตะไทยที่ "แกร่งเยี่ยงเพชร" มีสปิริตยืนหยัดสู้จนวินาทีสุดท้าย และนี่ก็ถือเป็นการคืนความสุขให้กับคนไทยทั้งประเทศในอีกรูปแบบหนึ่ง
แต่ถ้าจะยกให้ "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง เป็น "แมน ออฟ เดอะ เยียร์" ผมมั่นใจว่าแฟนบอลชาวสยามประเทศคงไม่ปฎิเสธกับตำแหน่งนี้
เนื่องด้วยผลงานอันสุดสะเด่านับตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้วกับการซิวแชมป์ลูกหนังซีเกมส์ ต่อด้วยการคว้าอันดับ 4 ในศึกเอเซียนเกมส์ จนมาถึงซูซูกิ คัพ มันทำให้คนไทยมีความสุขมาโดยตลอดกับ "การนั่งดูทีมไทยลงเตะ"
แต่รู้ไหมครับ กว่าอดีตศูนย์หน้าเบอร์เมืองไทยจะมาถึงขนาดนี้ได้ต้องเจออุปสรรคอะไรบ้าง แน่นอนกับการตัดสินใจเข้ามาเป็นโค้ชทีมชาติไทยชุดใหญ่ก็เหมือนการสวมหัวโขนที่ต้องคอยกำกับและกระตุ้นนักเตะในทีมเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายที่วางไว้
ไหนจะต้องแบกรับความกดดันจากการคาดหวังจากหลายๆด้าน รวมถึงแฟนบอลชาวไทยที่อยากเห็นสำเร็จในทุกๆ รายการที่แข่งขัน
และถ้าจะให้มองถึงการคุมทีมชาติไทยนั้น มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย โดยเฉพาะการเลือกนักเตะที่มาจากหลายๆสโมสร ซึ่งอาจจะเป็นซุปตาร์ของสังกัดนั้นๆ แน่นอนระบบแท็กติกการเล่นก็จะแตกต่างกันไป
แถมเลือกมาก็ใช่ว่าจะสมบูรณ์แบบ เพราะต้องมาขัดเกลาหลอมรวมให้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวและรู้จักบทบาทหน้าที่ของตนเองทั้งในและนอกสนาม ซึ่งก็ถือว่าทำได้ยากกับแข้งวัยรุ่นช่วง 20 ต้นๆ
แต่ด้วยคาแร็กเตอร์ส่วนตัวของ "ซิโก้" ที่มีพื้นฐานดีเยี่ยมในด้าน “ระเบียบวินัย” มันเลยเป็นจุดแข็งที่ติดตัวมาโดยตลอด ครั้งยังเป็นนักเตะจนทำให้กลายเป็น 1 ในสุดยอดศูนย์หน้าที่ดีที่สุดของเมืองไทยคนนึง
รูปแบบการสร้างทีมที่เห็นได้ชัด คือไม่นิยม"เด็กเส้นเด็กฝาก" เหมือนโค้ชต่างชาติที่เคยผ่านมา สามารถลบภาพฟุตบอลไทยเก่าๆ ได้อย่างราบคาบ
ใช้ความเข้าใจในบุคลิกภาพของนักเตะและประสบการณ์ที่คลุกคลีอยู่กับลูกกลมๆ ที่หาไม่ได้จากชั้นเรียน มาปรับเปลี่ยนแก้ไขและถ่ายทอดสู่นักเตะในทีมได้อย่างลงตัว
จากที่เมื่อก่อนทีมชาติไทยที่สภาพเหมือน "ผู้ป่วยอาการโคม่า ที่รอวันตายอย่างเดียว" กลับคึกคักขึ้นมาอีกครั้ง
แต่ภายใต้การคุมทีมของอดีตศูนย์หน้าจอมตีกาคนนี้ ทำให้คนไทยเริ่มมีศรัทธากลับมาพร้อมกับความหวังถึงความสำเร็จในเกมระดับชาติอย่างการไปเล่นฟุตบอลโลกที่ชาวไทยหลายคนอยากสัมผัสสักครั้งหนึ่งในชีวิต
และมันก็มีโอกาสเหมือนกัน หากเรารักษาระดับการเล่นแบบนี้ "เล่นให้มันส์ เล่นให้สนุก เล่นให้เต็มที่จนวินาทีสุดท้าย"
หากเป็นไปได้อยากให้นักเตะชุดนี้เล่นกันไปเรื่อยๆ จะได้รู้ใจกันมากขึ้น..เพราะมันคือสิ่งสำคัญ...ของคำว่า"ทีมเวิร์ค"
และนี่คือสาเหตุทั้งหมด ว่าทำไม "ซิโก้" ถึงเป็นหนึ่งในความภูมิใจฟุตบอลไทยและเป็นขวัญใจของแฟนบอลไทยทั้งประเทศไปโดยปริยาย
สุดท้ายนี้ยังไงก็ต้องขอขอบคุณ "โค้ชซิโก้" และบรรดานักเตะรวมถึงสตาฟฟ์โค้ชในทีมทุกคน ที่ช่วยกันพาทีมคว้าแชมป์ซูซูกิคัพ หนนี้
ถือเป็นของขวัญปีใหม่ที่ล้ำค่ามากๆ และเชื่อว่าคนไทยทั้งประเทศจะจดจำไปอีกนาน...
เรื่องโดย : มิดไนท์
ขอบคุณภาพจาก : บริษัท สปอร์ต ฮีโร่ จำกัด
ที่มา www.sanook.com