เรื่อง ‘ร้อน’ , ‘รอไม่ได้’ และความไม่เข้าใจว่าถ้าเป็นดาราก็ ‘ต้องแลก’
2016-05-01 18:51:22
Advertisement
คลิก!!!

เพราะตอนนี้ทีวีเต็มไปด้วยการแข่งขัน โดยมี ‘การอยู่รอด’ เป็นรางวัล อีกทั้งในแนวทางการต่อสู้นั้น ‘ละคร’ ถือเป็นแนวรบชั้นเยี่ยม ด้วยเหตุนี้หลายสถานีจึงมีการผลิตละครเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ช่อง 3 เองก็เช่นกัน

ดังนั้นในปีนี้ ตู่-ปิยวดี มาลีนนท์ ผู้จัดละครค่ายเวฟทีวีจึงสนองตอบนโยบายให้ผู้จัดมีละครออกอากาศปีละ 2-3 เรื่อง ด้วยการทำ‘บ่วงอธิฏฐาน‘ และ ‘บัลลังก์ดอกไม้‘ มาให้ชม โดยเรื่องแรกซึ่งจะแพร่ภาพเร็ววันนี้ คนทำบอกว่าเป็นงานที่ฟอร์มใหญ่สุด และก็ยากสุดเท่าที่เคยทำมา

“เรียกว่ารวมทุกอย่าง” บอกพลางยิ้มอ่อน
อย่างโลเกชั่นก็มีทั้งในอินดอร์ที่เบาๆ กับเอาต์ดอร์ที่สาหัส เนื่องจาก “มีทั้งป่า น้ำตก ภูเขา จนเราแทบจะทำท่องเที่ยวไทยได้ เพราะไปหลายจังหวัดมาก”
ที่สำคัญคือทุกที่ซึ่งไปถ่าย “ไม่มีอากาศเย็นเลย”
“เจอแต่ร้อนๆ แล้วเราอยากได้ฉากชายป่าอากาศร่มรื่น พระเอกหน้าใส แต่บางทีเหงื่อมันไหล ก็ต้องคัท เช็ดเหงื่อ ซับเหงื่อ”
โดยเฉพาะกับ หยาด-หยาดทิพย์ ราชปาล ซึ่งแสดงเป็นผี และแน่ละด้วยคุณสมบัติของผี จะมีเหงื่อผุดแม้สักนิดก็ไม่ได้

เช่นเดียวกับเรื่องของเงาที่ต้องไม่ปรากฏ ดังนั้นทุกฉากที่มีหยาด ก็ต้องจัดแสงกันเหนื่อย
“เสื้อผ้าก็เช่นกัน ต้องไม่เห็นรอยเย็บ” เนื่องจากเรื่องของเรื่องนั้นเกิดที่เมืองโบราณที่ย้อนกลับไปในโลกของอดีต
“เพราะสมัยก่อนไม่มีเข็ม ด้าย ผ้าที่นุ่งต้องใช้วิธีการพันเท่านั้น ของผู้หญิงจึงเป็นผ้าแถบ ของผู้ชายก็พยายามหลบกระดุมให้มากที่สุด”

ข่าวตู่2

แต่ก็นะ “บางทีถ่ายๆ ไป นักแสดงขยับ เห็นกระดุม ก็คัท เอาใหม่ หรือแม้กระทั่งกิ๊บดำที่ติดผม เวลาเห็นก็ต้องคัท”
“แต่ยอมรับว่าเวลาละครออน อาจมีหลุดให้เห็นบ้าง แต่อยากให้เข้าใจว่าเราก็พยายามที่สุดจริงๆ”
สารภาพด้วยว่าตอนคิดจะทำ ไม่นึกเลยว่าจะยากขนาดนี้ ด้วยตามบทประพันธ์จะมีพาร์ทอดีตอยู่แค่ 20% แต่ในละครเพิ่มพาร์ทดังกล่าวมาอีกเยอะ เพราะรู้ว่าจะเป็นที่ชื่นชอบของคนดูมากกว่า และทำออกมาได้สนุกกว่าฉากปัจจุบันที่เห็นกันเจนตา
แต่ก็มีปัญหาเรื่องการถ่ายทำดังที่เล่าจน “คงจะเข็ดพีเรียดไปสักพักหนึ่ง” เธอว่า

ยังดีที่ ‘บัลลังก์ดอกไม้’ ออกแนวราบรื่น-หมายถึงถ้าทำใจกับอากาศร้อนมากๆ ได้น่ะนะ
“เรื่องนี้บ้านนางเอกทำไร่ แล้วตามทางละครก็ต้องดูแบบทำไรชิล สบาย แต่ความจริงคือร้อนมาก ร้อนมากๆ พระเอกก็มีที่ต้องใส่สูทอยู่กลางไร่”
แล้วจะชิลได้ไง
ผลคือต้องพักให้เยอะ พักให้บ่อย จะได้แลแจ่มใสตามบทระบุ

ดังนั้นหากสภาพอากาศบ้านเรายังร้อนเยี่ยงนี้ ในอนาคตจึงน่าจะต้องเผื่อเวลาทำงานไว้นานหน่อย-เธอว่า
“อย่างถ้าคิดไว้ 5 เดือน ก็อาจจะต้องเป็น 6 เดือน”
“แล้วก็อาจจะต้องถ่ายในสตูเยอะขึ้น เพราะนอกจากร้อนแล้ว ฝนจะมา ไม่มา ไม่รู้แล้ว เดือนธันวาฯยังตกได้ ก็อยากให้คนดูเข้าใจว่ามันมีความจำเป็น เพราะดินฟ้าอากาศเราสู้ไม่ไหวจริงๆ”

นับจากตอนเริ่มเข้ามาเป็นผู้จัดใหม่ๆ เมื่อราว 6 ปีก่อน ตอนนี้ตู่-ปิยวดีบอกว่าเธอเข้าใจอะไรๆ ในการทำงานมากขึ้นเยอะ
“เมื่อก่อนอ่านบทแล้วก็สนุกดี แต่ยังไม่รู้องค์ประกอบ ตอนนี้เริ่มรู้มากขึ้นว่าทำยังไงให้มันสนุก จับทางบทมากขึ้น เมื่อก่อนเวลาช่องคอมเมนต์มา ไม่รู้ว่าหมายถึงอะไร แต่ตอนนี้ อ๋อ หมายถึงแบบนี้ ความเข้มข้นคือแบบนี้ ต้องถึงเลเวลนี้ใช่ไหม”

ส่วนเทคนิคเฉพาะสำหรับสู้ศึกในการแข่งขัน เธอว่าสำหรับเวฟทีวี “เราต้องหาอะไรที่แปลกใหม่ ต้องหาคู่ที่ไม่ค่อยเจอกัน อย่างโอ้(มาริโอ้ เมาเร่อ) เต้ย (จรินพร จุนเกียรติ) ใน ‘บัลลังก์ดอกไม้‘ หรือวิธีการเล่าเรื่อง มุขที่คนดูรู้แล้วว่าเดี๋ยวจะเป็นอย่างนี้ เราเล่นไม่ได้แล้ว เดินชนมุมตึกนี่ไม่ไหวแล้ว ต้องคิดใหม่ หรือถ้าจะเป็นมุขเดิมเราจะเล่าใหม่ยังไง ต้องคิดให้ครีเอทขึ้นแล้วก็เร็วขึ้น”

ข่าวตู่3

“วิธีการเล่าเรื่องก็ต้องใช้คำว่าโฉ่งฉ่างขึ้น เมื่อก่อนเดือนนึงกว่านางเอกจะโต แต่เดี๋ยวนี้โตเลย แล้วค่อยย้อนเอา คนไม่รอแล้ว คนใจร้อนขึ้น ด้วยความที่เทคโนโลยีสมัยนี้ที่อะไรๆ ก็เร็ว อย่างหน้าเว็บเพจที่มีคนรีเสิร์ชออกมาว่าถ้าเกิน 10 วินาทีไม่รอแล้ว แล้วสิ่งพวกนี้ให้คนรอไม่เป็น”

สำหรับเรื่องนักแสดงที่ขาดแคลนเหลือเกินนั้น เธอว่าก็ต้องยอมรับและปรับสภาพกันไป
“ตอนนี้ผู้จัดทุกเจ้าจะเจอการทำงานร่วมกับนักแสดงหน้าใหม่ ก็ต้องมีเรื่องของการแสดงว่าเข้มข้นหรือยัง ก็ต้องมาเคี่ยวเข็ญ”
ทั้งในเรื่องฝีมือและวินัย
“บางคนจะเข้าใจว่านักแสดงสบาย แต่มันไม่ได้ง่ายแบบนั้น ต้องเสียสละเลยละ งานบวช งานแต่ง งานวันเกิดเพื่อนไม่ต้องพูดถึง เพราะถ้าคิวมันลง เธอต้องมา มันเป็นคิวของส่วนรวม”
“แต่คนที่เข้าวงการมาสมัยนี้มันเด็ก สมัยก่อนกว่าจะเข้ามาต้องเรียนการแสดงอยู่ 2 ปีกว่าจะได้เล่นเรื่องหนึ่ง กว่าจะได้เป็นนางเอก แต่เดี๋ยวนี้เอามาเลย มาลองดู เพราะมันไม่มีเวลาให้รอแล้ว แล้วบางทีการได้อะไรมาง่าย ไม่ได้ผ่านการพยายาม ก็ไม่รู้ว่าจุดที่ตัวเองอยู่เป็นโอกาสที่ดีกว่าคนอื่นมากมาย แต่ก็เข้าใจด้วยละว่าเราเอาเด็กมากๆ มา อายุ 15 ก็มี เหมือนอยู่มัธยมแล้ววันหนึ่งมีคนมาห้อมล้อมก็อาจไขว้เขว ก็ต้องคุยกันเยอะ แล้วต้องอาศัยพ่อแม่ผู้ปกครองที่อยู่ใกล้ชิดเขามากกว่า คือผู้ปกครองก็ต้องอย่าไขว้เขว ต้องตั้งหลักดีๆ เพราะเดี๋ยวนี้มีโซเชียลมีเดีย พ่อแม่นักแสดงก็กลายเป็นเซเลบไปด้วยแล้ว”

กับเรื่องข้อเรียกร้องของสังคมที่ว่าดาราควรเป็นแบบอย่าง กับเสียงค้าน-ของทั้งดาราและคนดูบางรายที่ว่าไม่จำเป็น เพราะดาราก็คือคนๆหนึ่งเหมือนกันนั้น เธอมีความเห็นว่า “เมื่อก้าวมาถึงตรงนี้แล้ว คุณก็ต้องเสียสละส่วนหนึ่ง”
“ไม่มีใครที่ได้ทุกอย่างนะ ในเมื่ออยู่ตรงนี้คุณต้องรู้วามีคนเห็นคุณเยอะขึ้น คุณจึงต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคม”
“ถ้าจะบอกว่าเป็นเรื่องส่วนตัวก็ขอให้มันส่วนตัวจริงๆ เดี๋ยวนี้เรื่องส่วนตัว แต่โพสต์ โลกส่วนตัวคุณต้องทำที่บ้าน ไม่ใช่มาทำข้างนอก คือเราต้องยอมรับว่าคนไทยดูละครเยอะมาก และดูนักแสดงเป็นตัวอย่างจริงๆ เพราะฉะนั้นการที่คุณได้มายืนตรงนี้ ได้อะไรที่คนอื่นไม่ได้”
“ก็ต้องแลก”

 

ขอบคุณภาพจากอินสตาแกรม jijee2007, mariotoeyclub, tu_piyawadee

ที่มา  มติชนออนไลน์

 

 

 

.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X