เป็นเรื่องเป็นราวยกใหญ่แล้ว ! ตอนนี้มีรายงานหนาหูว่าชีวิตแต่งงานของ บียอนเซ่ นักร้องสาวอาร์แอนด์บี กับ เจย์-ซี แร็พเปอร์ระดับตำนาน กำลังอยู่ในช่วงสั่นคลอนสุดๆ เพราะล่าสุดมีข่าวลือเม้าท์มอยว่าทั้งสองคนเตรียมที่จะแยกทางกันหลังจากเสร็จสิ้นการออกทัวร์คอนเสิร์ตด้วยกัน

 

        เป็นที่ทราบกันดีว่าชีวิตคู่ของพวกเขากำลังเจอมรสุมอย่างหนัก นับตั้งแต่ที่มีเหตุการณ์ฉาวกรณีที่น้องสาวของบียอนเซ่ ทะเลาะกับ เจย์-ซี ในลิฟต์ จากนั้นก็มีกระแสข่าวลือออกมามากมายเกี่ยวกับเรื่องในด้านลบของ เจย์-ซี จนทำให้หลายๆ คนเชื่อว่าชีวิตแต่งงานของเขาใกล้จะพังลงแล้ว

        สำหรับตอนนี้ บียอนเซ่ กับแร็พเปอร์ชื่อก้องโลก กำลังอยู่ในช่วงออกทัวร์คอนเสิร์ต On The Run ด้วยกัน โดยมีข่าวลือว่านี่อาจจะเป็นการทำงานร่วมกันครั้งสุดท้ายในฐานะคู่รัก เพราะมีความเป็นไปได้ว่าทั้งสองคนจะแยกทางการหลังจากวันสุดท้ายในการออกทัวร์ ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เดือนธันวาคมนี้ 

 

        แหล่งข่าวเผยกับ ''นิวยอร์ก โพสต์'' ว่าตอนนี้ บียอนเซ่ กับ เจย์-ซี ไม่ได้ใส่แหวนแต่งงานกันแล้ว ''ไม่มีการใส่แหวนแต่งงานแล้ว ถ้าพวกคุณไม่สังเกตให้ดีๆ พวกเขาพยายามใช้แนวทางในการเลิกกันโดยไม่มีการหย่า ??? นี่เป็นทัวร์คอนเสิร์ตที่ยิ่งใหญ่ และพวกเขาได้เงินมหาศาลจากการโปรโมตตั้งแต่ตอนแรกแล้ว''

        นอกจากนี้แหล่งข่าวยังเผยต่อไปว่า การทัวร์ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายระหว่างแร็พเปอร์วัย 44 ปี กับศรีภรรยา หลังจากที่ปรึกษาด้านชีวิตแต่งงานล้มเหลวกับการช่วยให้ความสัมพันธ์ของพวกเขากลับคืนมาดังเดิม โดยตอนนี้มีการเชื่อกันว่าทั้งคู่ซึ่งมีลูกสาว 1 คนชื่อ บลู ไอวี่ วัย 2 ขวบ เคยคิดว่าลูกจะช่วยทำให้พวกเขากลับมาใกล้ชิดกันอีกครั้ง และมันเร็วเกินไปที่จะแยกทางกัน

 

        แหล่งข่าวอีกรายอธิบายว่า ''สำหรับเรื่องการแยกทางกัน มีหลายๆ สิ่งที่พวกเขาต้องยอมรับความจริง เธอได้พูดคุยอะไรหลายๆ อย่างกับครอบครัวแล้ว พวกเขาคิดผิดที่มองว่าลูกจะช่วยเปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆ อย่าง และทำให้ไฟรักก่อตัวขึ้นใหม่อีกครั้ง แต่มันไม่สำเร็จ''

 

        ข่าวเรื่องการแยกทางของพวกเขาเกิดขึ้นเพียงแค่ 2 เดือนหลังจากที่มีภาพคลิป โซแลงจ์ โนว์ลส์ น้องสาวบียอนเซ่ ทำร้ายร่างกายพี่เขยในลิฟต์ โดยแถลงการณ์ล่าสุดระบุว่า ''ทุกๆ ครอบครัวย่อมมีปัญหาหลายเรื่อง และเราก็ไม่แตกต่างกัน แต่เรายังคงรักซึ่งกันและกัน และเหนือสิ่งอื่นใดเราเป็นครอบครัวเดียวกัน เราลืมเรื่องนี้ไปหมดแล้ว และหวังว่าทุกๆ คนจะทำแบบเดียวกัน''

 

 

 

http://www.siamdara.com