ปกป้องผิวอย่างไรไม่ให้แห้ง...
2014-10-23 15:30:36
Advertisement
คลิก!!!

เมื่อไม่นานมานี้มีการศึกษาถึงผลของผิวหนังต่อการสัมผัสกับสภาวะแวดล้อมที่มีความชื้นต่ำ แม้ภายในระยะเวลาอันสั้นก็ตาม พบว่าผิวหนังจะสูญเสียความยืดหยุ่นและอาจเกิดริ้วรอยบางๆขึ้นได้

ผิวแห้งเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการขาดน้ำ ไม่ใช่ขาดน้ำมัน สารเพิ่มความชุ่มชื้นที่ดี อาจไม่ต้องเพิ่ม
อะไร ให้กับผิวของคุณเลย แต่ควรรักษาน้ำในผิวหนังให้คงอยู่ได้ เมื่อมีอายุมากขึ้น ชั้นไขมันภายในชั้น
หนังกำพร้าจะทำหน้าที่จับความชุ่มชื้นได้ลดลง จึงเป็นสาเหตุทำให้เกิดริ้วรอยตามมา

ความลับในการทำให้ผิวดูอ่อนนุ่มคือ ต้องพยายามหาสิ่งปกป้องภายนอก (ผิวหนังที่แห้ง อาจเกิด
จากภาวะของต่อมไทรอยด์ที่ผิดปกติ หรือโรคเบาหวานได้ หากพบปัญหาผิวหนังแห้งขั้นรุนแรงและ
ถาวร ควรไปพบแพทย์ เพื่อทำการรักษาอย่างถูกต้อง)

สมัยอียิปต์โบราณ ฟาโรห์ใช้ ว่านหางจระเข้ ในการช่วยสมานและผิวหนังที่ถูกเผาไหม้หรือ
อักเสบ เพื่อให้เกิดผลอย่างรวดเร็ว นักวิทยาศาสตร์ที่คณะผิวหนังวิทยาแห่งมหาวิทยาลัย Northwestern University, Chicago ค้นพบว่า “ว่านหางจระเข้” มีประสิทธิภาพในการรักษาผิวหนังที่แห้งของคนงานในโรงงาน ซึ่งได้รับบาดแผลบริเวณผิวหนังชั้นบน ประสิทธิภาพของว่านหางจระเข้ที่มีต่อผิวหนัง อาจเนื่องมาจากมีปริมาณความเข้มข้นของวิตามินอี และไขมันจำเป็นสูง

มีการรายงานการศึกษาชิ้นหนึ่งกล่าวว่า คนไข้ที่ได้รับการกรอหน้า โดยขัดผิวหนังชั้นบนสุดออกไป เมื่อ
ใช้ว่านหางจระเข้ สามารถสมานแผลได้ภายใน 72 ชั่วโมงสารหล่อลื่นจะช่วยจับความชุ่มชื้นในผิวหนัง โดยสร้างฟิล์มหรือกำแพงห่อหุ้มเอาไว้ ดังนั้นน้ำจึงยังคงอยู่ ครีม โลชั่น และสารเพิ่มความชุ่มชื่น โดยทั่วไปจะมีแอปปริคอต เดอเนล น้ำมันเมล็ดดอกทานตะวัน น้ำมันเมล็ดองุ่นซึ่งทำงานโดยห่อหุ้มความชุ่มชื้นเอาไว้


Janice Cox นักแต่งหนังสือ“Natural Beauty at Home” แนะนำว่า สารให้ความชุ่มชื้นที่มีเลซิติน ซึ่งเป็นอิมัลติฟายเออร์ตามธรรมชาติ จะช่วยทำให้น้ำและน้ำมันสามารถเข้ากันได้ สำหรับการรักษาเฉพาะที่ เช่นที่มือ ซึ่งอาจแห้ง แตก ถึงขั้นเลือดออก ก็สามารถใช้วิตามินเอและวิตามินอี ช่วย
ทำให้เกิดความชุ่มชื้นได้

ถ้าหากคุณมีปริมาณกรดไขมันจำเป็นในร่างกายต่ำ (EPAs) คุณอาจต้องเจอกับสภาพผิวหนังที่
แห้งเป็นสะเก็ดได้ คุณสามารถรับกรดไขมันจำเป็นได้จากอาหารที่รับประทาน หรือจากผลิตภัณฑ์
เสริมอาหาร กรดไขมันจำเป็นจะช่วยลดอัตราการสูญเสียน้ำจากเซลล์ผิวหนัง โดยการคงสภาพความ
สมบูรณ์ของผิวหนังเอาไว้

Flaxseed oil มีปริมาณของกรดไขมันจำเป็นจำนวนมาก รับประทานวันละ 1000-2000 ลลิกรัม สามารถช่วยให้ผิวของคุณมีสุขภาพดีได้

Evening Primrose oil (EPO) ช่วยลดการระคายเคืองของผิวหนัง หรือลดการอักเสบของผิวหนัง หากคุณรับประทานในปริมาณครั้งละ 1,000 มิลลิกรัม วันละ 3 ครั้ง

Fish oil มีปริมาณของ EFAs สูงมาก การรับประทานน้ำมันปลาสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ไขมันที่พบ
ในปลาแซลมอน ปลาแฮริ่ง และปลาชนิดอื่นๆ ที่อาศัยอยู่ในบริเวณน้ำเย็น ล้วนมีปริมาณของกรดไขมัน
โอเมก้าสูงทั้งสิ้น

การได้รับวิตามินเอ ในปริมาณ 25,000 IU ต่อวัน รวมถึงวิตามินบี และวิตามินอี ในปริมาณที่
เหมาะสม สามารถช่วยในเรื่องของผิวแห้งได้ และการขาดวิตามินอีจะทำให้โครงร่างของคอลลาเจน
ไม่แข็งแรง ซึ่งคอลลาเจนเป็นตัวช่วยให้ผิวดูอ่อนนุ่มและเต่งตึง และควรรับประทานวิตามินอีให้ได้
ประมาณ 250-400 IUต่อวัน


ที่มา  http://siamdara.com/

.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X