นาทีสุดท้าย!ลูกชายตระกูล"คิม" โทรแจ้งพี่สาว วันเรือ"เซวอล"ล่ม-พ่อลุยไปหาได้ยินเสียงตะโกนเรียก
2014-04-25 14:26:04
Advertisement
คลิก!!!

"คิม ดง-ฮับ"น้องชายวัย 16ปีของ"คิม ฮา-นา"ให้สัญญาว่าจะออกจากเรือซึ่งกำลังจมให้เร็วที่สุด


นั่นเป็นเสียงโทรศัพท์ครั้งสุดท้ายที่ครอบครัว"คิม"ได้รับรู้ความเป็นไปของ"คิมดง-ฮับ"


สี่วันหลังจากนั้นทุกคนในครอบครัวรับสภาพไม่ได้กับข่าวเรือเซวอลจมดิ่งในทะเลและ"คิมดง-ฮับ"กับอีก200กว่าชีวิตยังติดอยู่ในเรือมรณะลำนี้


ในวันเกิดเหตุเรือล่ม16เมษายน "ฮา-นา" ได้รับโทรศัพท์จากน้องชายเมื่อเวลา 09.06น.


"เราคุยกันสามนาที น้องชายบอกว่าอยู่ในเรือ ได้ยินเสียงภายในเรือดังสนั่นหวั่นไหว ตอนนี้กำลังสวมเสื้อชูชีพและน้องยังบอกอีกว่ารู้สึกกลัวมาก"


"คิม ฮา-นา"ยังโชว์ภาพถ่ายของน้องชายสุดที่รักที่เพิ่งถ่ายครั้งสุดท้ายในโทรศัพท์มือถือของเธอ


"ดง-ฮับ"เป็นหนึ่งในจำนวนนักเรียนและครูโรงเรียนมัธยมดานวอน352คนจากเมืองอันซานใกล้กับกรุงโซลเกาหลีใต้ที่ร่วมเดินทางไปกับเรือเซวอลจากท่าเรือเมืองอินซอน เพื่อไปทัศนศึกษาที่เกาะแจจู เป็นแหล่งตากอากาศชื่อดังของเกาหลีใต้ เมื่อคืนวันที่ 15เมษายน


เรือเซวอลจมลงในทะเลเหลือง ใกล้ๆกับเกาะจินโด ในเช้าตรู่ของวันที่ 16เมษายน


จนถึงขณะนี้เป็นเวลา 4วัน รัฐบาลเกาหลีใต้ยังไม่สามารถกู้เรือขึ้นจากทะเลได้ ขณะที่ผู้โดยสารและลูกเรือมีจำนวน 476คน ได้รับการช่วยเหลือออกมาแล้ว 179คน เสียชีวิตแล้ว 50คน ยังมีอีก247คน ติดค้างอยู่ในเรือ


ล่าสุดหน่วยประดาน้ำเตรียมแผนลงไปดึงผู้เสียชีวิตที่ติดค้างอยู่ในเรือใต้ทะเล


แต่คิมชาง-กูวัย46ปีพ่อของ"ดง-ฮับ"ยังไม่สิ้นหวังบอกว่า ลูกชายคนนี้เป็นเด็กที่มีความมุมานะตั้งใจสูง และเชื่อว่าเขาจะรอดชีวิตมาได้


"เมื่อไหร่ที่ลูกกลับมาบ้าน ผมจะซื้อไก่ทอดที่เขาชื่นชอบ"


"ชาง-กู"ยังเล่าอีกว่า ก่อนลูกชายจะขึ้นเรือเซวอล ยังไปซื้อไก่ทอดให้สองชิ้น แต่ลูกกินไม่หมด


สาเหตุเรือเซวอลพลิกคว่ำและจมทะเลนั้น ยังไม่ทราบแน่ชัด รู้เพียงว่า นายลี จูน ซอคกัปตันเรือไม่ได้ควบคุมเรือในขณะเกิดเหตุ แต่ปล่อยให้เจ้าหน้าที่เรือยังไม่เคยมีประสบการณ์ในเส้นทางนี้มาก่อนเข้าควบคุมเรือ


ระหว่างที่เรือสูญเสียการทรงตัวเอียงข้างนั้นเจ้าหน้าที่ส่งสัญญาณแจ้งเหตุฉุกเฉินจากนั้นอีกเพียง30นาทีเรือเอียงเป็นระนาบ90องศาและจมมิดหายไปในทะเล

ครอบครัว"คิม"ทราบข่าวร้ายเมื่อลูกโทรไปหาพี่สาวคนโต


"น้องชายบอกว่ากำลังอยู่ห้วงเลวร้ายที่สุดและสถานการณ์แย่ลงเรื่อยๆเรือเอียงกระเท่เร่"คิมฮา-นาเล่าด้วยสีหน้าเศร้าหมองและน้ำตาไหลซึมออกมา


"น้องของหนูเป็นคนกล้ามากเขาบอกว่าจะไม่เคลื่อนไปไหนและสวมเสื้อชูชีพรอความช่วยเหลือในเรือเวลานั้นน้องได้ยินเสียงเด็กๆกรีดร้องและร่ำไห้"

คิม ฮา-นา ยังเปิดโทรศัพท์มือถือให้ดู"เอสเอ็มเอส"ของน้องชายที่ส่งไปถึงกลุ่มเพื่อนๆในชมรมนักแสดงของโรงเรียนระหว่างเกิดเหตุเรือล่ม ปรากฎข้อความว่า


"ถ้าผมทำอะไรผิด โปรดให้อภัยด้วย ผมรักทุกคน"


"ลี จูน ซอค"กัปตันเรือสารภาพกับพนักงานสอบสวนเหตุการณ์เรือล่มว่า สั่งให้ผู้โดยสารทุกคนอยู่ในเรือเพราะทะเลมีคลื่นลมแรงจัด และอุณหภูมิในน้ำเย็นมาก คลื่นอาจซัดคนที่ออกจากเรือก่อนที่หน่วยกู้ภัยจะมาถึง


แต่เมื่อเรือจม ไม่ใครในเรือปีนหนีออกจากเรือได้เพราะเรือเอียงอย่างรวดเร็ว


กระทั่งเรือกู้ภัยมาถึงและช่วยชีวิตคนในเรือได้ 179คน


หนึ่งในนั้นคือ"ลี จูน ซอค"ซึ่งออกมาเรือเป็นกลุ่มแรก


"ชาง-กู"เล่าว่า ลูกชายใฝ่ฝันจะเป็นนักแสดงภาพยนตร์ จึงสมัครเป็นสมาชิกชมรมนักแสดงของโรงเรียน


"ผมไม่ค่อยจะเห็นด้วยที่เขาบอกว่าอยากเป็นดาราเพราะดาราจะสร้างความร่ำรวยและกินอยู่อย่างสบาย"


เมื่อครอบครัว"คิม"ทราบข่าวเรือล่มรวมตัวเดินทางมายังเกาะจินโดเป็นศูนย์พักพิงชั่วคราวจัดให้ญาติผู้โดยสารเรือเซวอลเพื่อรอรับบุคคลอันเป็นที่รักและเป็นศูนย์แถลงข่าวความคืบหน้าการช่วยชีวิตผู้ที่อยู่ภายในเรือรวมการการกู้เรือขึ้นจากใต้ทะเล

ระหว่างอยู่ศูนย์พักพิง"ชาง-กู"รู้สึกกระวนกระวายใจจึงเช่าเรือไปยังจุดเกิดเหตุเรือล่มเพื่อให้อยู่ใกล้ลูกมากที่สุดให้คลายทุกข์และอยากเห็นการทำงานของชุดกู้ภัย


"ผมไปถึงที่นั่น ได้ยินเสียงลูกตะโกนเรียก พ่อๆ"

cr.http://www.matichon.co.th/

.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X