ฉีดเฟรชเซลล์ซัดกันนัว! สมาคมเซลล์บำบัดอ้างรักษาได้ผล ผชช.สมองย้ำทำสมองอักเสบ
2014-09-20 12:34:24
Advertisement
คลิก!!!

        สมาคมเซลล์บำบัดตอกกลับ แพทยสภาอ้างข้อมูลเก่าฉีดเฟรชเซลล์จนตายเพียบ ชี้ปัจจุบันเป็นที่ยอมรับ เตรียมหอบเอกสารชี้แจง ด้านผู้เชี่ยวชาญด้านสมอง ยันเฟรชเซลล์ทำสมองและเส้นประสาทอักเสบ ระบุองค์การอนามัยโลกห้ามใช้ผลิตภัณฑ์จากสมองสัตว์มาใช้ในคน จี้แพทยสภา-ราชวิทยาลัยฯ-สธ.คุมเข้ม
       นพ.สมนึก ศิริพานทอง กรรมการสมาคมเซลล์บำบัดไทย กล่าวถึงแพทยสภาให้ข้อมูลการฉีดเฟรชเซลล์ปี 2557 ในเยอรมนีมีผู้เสียชีวิต 30 ราย ว่า กรณีนี้ไม่เป็นความจริง อาจจะเข้าใจผิด เพราะเป็นเหตุการณ์เมื่อปี 1957 ที่มีการเปิดสถานพยาบาลกันเองทั่วประเทศในเยอรมนีโดยไม่มีการควบคุม 179 แห่ง โดยฉีดเซลล์สดที่ได้มาจากสัตว์หลายชนิด ทั้งสุกร กระต่าย ฯลฯ ซึ่งไม่ได้มาตรฐาน ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนหนึ่ง รัฐบาลจึงกำหนดมาตรฐานและควบคุมมาตรฐานอุตสาหกรรม (GMP) ซึ่งปัจจุบันมีเพียง 3 แห่งเท่านั้นที่ผ่านมาตรฐานและเปิดให้บริการ เป็นคลินิก 2 แห่ง และโรงพยาบาล 1 แห่ง ส่วนสถานพยาบาลอื่นปรับมาใช้เซลล์สำเร็จรูปที่แพทย์ที่มีความรู้ความสามารถทุกคนสามารถนำไปใช้รักษาคนไข้ได้ทั้งในรพ.รัฐ เอกชน และคลินิก ส่วนการเบิกจ่ายบริษัทประกันชีวิตจะดูว่าสามารถเบิกได้ระดับไหน
       
       "ขณะนี้กำลังรอเอกสารจากประเทศเยอรมนี เพื่อยื่นต่อแพทยสภา คาดว่าสัปดาห์หน้าจะนำหลักฐานเท่าที่มีไปยื่นก่อน อาทิ ผลงานวิชาการที่ยืนยันผลการรักษา เอกสารใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาลมีกี่แห่ง รายชื่อแพทย์ที่ทำหัตถการในคลินิก เอกสารการควบคุมการรักษาด้วยวิธิการดังกล่าวและผลการรักษาในประเทศเยอรมนี รวมถึงกรณีศึกษาการรักษาเพิ่มความสูงในเด็กไทยอายุ 13 ปี ซึ่งเดิมสูง 139.5 เซนติเมตร ทำการฉีดโกรว์ทฮอร์โมน 2 ปี สูงขึ้นเพียง 3 เซนติเมตร แต่เมื่อฉีดเฟรชเซลล์ความสูงเพิ่ม 12 เซนติเมตร ใน 1 ปี อยู่ระหว่างประสานเพื่อขอข้อมูลการรักษา แสดงว่าการรักษาได้ผลจริง" นพ.สมนึก กล่าว
       
       นพ.สมนึก กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีแพทยสภาระบุว่าคลินิกไทยพาผู้ป่วยไปฉีดรักษาที่เยอรมนีเข้าข่ายเอเยนซีนั้น จริงๆ แล้วไม่ใช่ เพราะเอเยนซีเป็นบริษัทที่จัดหาคนไปรักษา แล้วแพทย์ได้เปอร์เซ็นต์จากการส่งผู้ป่วย แต่สิ่งที่ดำเนินการคือตรวจสุขภาพของผู้ป่วยเพื่อประเมินก่อนส่งไปรักษา ถือเป็นการประกอบวิชาชีพในประเทศไทย และแพทย์มีรายได้จากการประกอบวิชาชีพ เช่น ตรวจร่างกาย สมาคมไม่ได้แนะนำให้แพทย์หารายได้จากการกินเปอร์เซ็นต์ แต่แนะนำให้แพทย์ศึกษาหาความรู้วิชาชีพเวชกรรม มาตรฐานการรักษาพยาบาลเวชบำบัดในประเทศเยอรมนีและนำเอาองค์ความรู้นั้นมาประสานการส่งต่อผู้ป่วยไปรักษาตัวต่อ ส่วนที่ว่ามีแพทย์ไทยเป็นหุ้นส่วนในคลินิกเยอรมนี เป็นการลงทุนประกอบธุรกิจในต่างประเทศ เช่นธุรกิจประเภทอื่น
       
       “ในแพทยสภา รวมถึงหมอในไทย 3 หมื่นคน ไม่มีผู้เชี่ยวชาญด้านเซลล์แกะ แต่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งเม็ดเลือด ซึ่งมาวิพากษ์วิจารณ์การใช้เซลล์แกะ มันผิดฝาผิดตัวเพราะมันเป็นเทคโนโลยีเฉพาะ แต่แพทยสภากลับไม่ได้มองว่าเทคโนโลยีนี้มีความจำเพาะ โดยยินดีประสานผู้เชี่ยวชาญด้านเซลล์บำบัดจากเยอรมนีมาให้ข้อมูล เพราะจะรู้ได้อย่างไรโดยที่ไม่เคยเรียน เชื่อว่าประเทศไทยกำลังขาดผู้เชี่ยวชาญด้านนี้จริงๆ” นพ.สมนึก กล่าว
       
       นพ.เกรียง อัศวรุ่งนิรันดร์ อนุกรรมการวิชาการและจริยธรรมการใช้เซลล์ต้นกำเนิดเพื่อการรักษาและทำวิจัย กล่าวว่า ไทยยังไม่มีกฎหมายเรื่องเฟรชเซลล์ หรือประกาศของแพทยสภามาควบคุม จึงใช้ประกาศข้อกำหนดของสเต็มเซลล์มาจับ ซึ่งสามารถเอาผิดในทางจริยธรรมเท่านั้น ไม่สามารถเอาผิดทางกฎหมายได้ ซึ่งที่ผ่านมาได้เชิญเจ้าของคลินิกมาพูดคุยแล้ว และอยู่ระหว่างการพิจารณา อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับว่าทางคลินิกอ้างว่าอย่างไร เช่น อ้างว่าเพื่อเป็นการชะลอวัยก็ต้องให้ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์ ที่ทำเรื่องเวชศาสตร์ชะลอวัยเป็นผู้พิจารณาว่าเป็นการรักษาที่ได้มาตรฐานยอมรับหรือไม่ เป็นต้น
       
       ด้าน นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผู้เชี่ยวชาญด้านสมอง คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ตนไม่เห็นด้วย เนื่องจากไม่มีการวิจัยทางการแพทย์ยืนยันผลการรักษา มีแต่การวิจัยที่ยืนยันผลการรักษาที่ไม่มีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดผลข้างเคียงและผลแทรกซ้อน โดยเฉพาะกรณีคนไข้โรคสมอง การนำเอาเซลล์สมองสดๆ จากแกะฉีดเข้าไปหรือสูดดมละอองฝอยจากเนื้อสมองสัตว์ จะเกิดปฏิกิริยาภูมิคุ้มกันทำลายเนื้อสมองของตัวเองทำให้เกิดสมองอักเสบ และเส้นประสาทอักเสบ โดยข้อมูลเมื่อประมาณ 5 ปีที่ผ่านมาพบว่า ในโรงฆ่าสัตว์แห่งหนึ่งทำการดูดเนื้อสมองจากสัตว์ทำให้เกิดการฟุ้งกระจาย ซึ่งคนงานสูดดมเข้าไปแล้วทำให้เกิดภาวะสมองและเส้นประสาทอักเสบ การอ้างว่าเอาไปใช้ในคนไข้อัมพฤกษ์ต่างๆ นอกจากจะไม่ได้ทำให้ดีขึ้น ยังทำให้อาการแย่ลงจนเสียชีวิตได้
       
       "เมื่อปี 2530 มีการใช้วัคซีนที่ทำจากสมองแกะ พบคนไข้ 1 ใน 300 รายมีภาวะสมองอักเสบ ไขสันหลังอักเสบ และเส้นประสาทอักเสบ จนเกิดความพิการ ดังนั้น องค์การอนามัยโลกจึงได้ล้มเลิกและไม่สนับสนุนให้ใช้ผลิตภัณฑ์ใดๆ ก็ตามที่ทำจากสมองสัตว์มาทำการรักษาโรคเด็ดขาด" นพ.ธีระวัฒน์ กล่าวและว่า ส่วนการเลี้ยงแกะในระบบปิด ที่มีอาหาร น้ำดื่มได้มาตรฐาน มีการตรวจโรคอย่างสม่ำเสมอ ก่อนฉีดในคนได้มีการตรวจสอบความบริสุทธิ์ก่อนก็ไม่เกี่ยวข้อง เพราะเนื้อสมองของแกะจะมีสารเช่นเดียวกับที่มีในสัตว์ประเภทอื่น แต่เมื่อรับสารตัวนี้จากภายนอกเข้าไปจะเกิดภูมิคุ้มกัน แม้แต่เนื้อสมองของคนด้วยกันฉีดเข้าไปก็ยังเกิดการต่อต้าน จึงอ้างไม่ได้ เรื่องนี้ขอเรียกร้องให้แพทยสภา ราชวิทยาลัยที่เกี่ยวข้อง และกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ออกมาดำเนินการเรื่องนี้
       
       นพ.ธีระวัฒน์ กล่าวว่า ไม่ได้ต่อต้านโดยไม่รู้ แต่ได้ศึกษามานาน ยังไม่มีการศึกษาวิจัยใดๆ พิสูจน์ว่ารักษาได้ผลจริง มีแต่ผลการศึกษาที่พบว่าไม่มีประโยชน์ เวลาดูรายงานหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต้องดูกระบวนการวิจัย การศึกษา ไม่ใช่ใครอยากจะรายงานก็รายงาน จากที่ตนศึกษามาเป็นกระบวนการศึกษาจริงๆ ที่มีการตีพิมพ์ในวารสารชั้นนำของโลก

ที่มา  http://www.manager.co.th/

.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X