จับตาพิเศษ อาชีวะ 1สถาบันเสี่ยงส่อปิดถาวร ชงขึ้น′บัญชีดำนักเรียน"นักเลง"
2014-09-23 17:45:17
Advertisement
คลิก!!!

อาชีวะเอกชนกลุ่มเสี่ยงขานรับ′บิ๊กตู่′ ปิดทันทีที่ก่อเหตุ 3-7 วัน ด้านเลขาฯ กช.ยันก่อเหตุครบ 3 ครั้งโดนแน่ จับตาพิเศษ 1 สถาบันจ่อถูกปิดถาวร ขณะที่นายกสมาคมอาชีวะเอกชนเสนอขึ้นแบล๊กลิสต์ กยศ.

 

เมื่อวันที่ 22 กันยายน นายบัณฑิตย์ ศรีพุทธางกูร เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) เปิดเผยภายหลังประชุมร่วมกับสถาบันอาชีวศึกษาเอกชน 18 แห่ง ประกอบด้วยสถาบันกลุ่มเสี่ยงและสถาบันที่ตั้งอยู่ใกล้สถาบันกลุ่มเสี่ยง เพื่อชี้แจงมาตรการป้องกันและจัดการกับนักเรียนที่ก่อเหตุทะเลาะวิวาท ว่า 

 

ที่ประชุมเห็นด้วยที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ได้ปรับมาตรการแก้ปัญหาการทะเลาะวิวาทของนักเรียนนักศึกษาตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ให้ปิดสถานศึกษาที่ก่อเหตุทันที 3-7 วัน พร้อมให้สถาบันต่างๆ เสนอแผนป้องกันพิเศษมาให้ สช.พิจารณา หากผ่านความเห็นชอบจึงจะอนุญาตให้เปิดการเรียนการสอนตามปกติ 

 

 นอกจากนั้น ยังมีการเสนอมาตรการอื่นๆ เพิ่มเติม อาทิ ขอให้เพิ่มจุดเสี่ยงในการตรวจตรา โดยเฉพาะกรณีของนักศึกษาที่มักชอบจับกลุ่มขี่จักรยานยนต์ ขอให้สถาบันประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจแยกออกทันที เพราะส่วนใหญ่พบว่ามักใช้จักรยานยนต์ในการก่อเหตุ ขณะเดียวกันสถาบันกลุ่มเสี่ยงยังเลื่อนเวลาเข้าเรียนและเลิกเรียนไม่ให้ตรงกัน โดยเฉพาะสถาบันที่เป็นคู่อริ รวมไปถึงบางแห่งปรับเวลาเปิดปิดภาคเรียนไม่ให้ตรงกัน เนื่องจากพบว่าเด็กมักจะก่อเหตุในช่วงเปิดภาคเรียนใหม่ๆ ในเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน

 

"สถานศึกษาเสนอให้มีการปรับเพิ่มโทษทางกฎหมาย สำหรับนักเรียนที่ก่อเหตุ ปัจจุบันนักเรียนที่พกอาวุธและก่อเหตุจะปรับแค่ 100 บาท และมีครูมารับรองก็ปล่อยตัวกลับบ้าน ต่อไปจะให้ผู้ปกครองมารับเด็กด้วยตัวเอง เพราะอยากให้รับรู้พฤติกรรมเพื่อร่วมกันแก้ไข 

 

 ในส่วนของสถานศึกษาถ้าปล่อยปละละเลยจนเกิดเหตุซ้ำซากต้องมีมาตรการลงโทษ โดยมาตรการที่ใช้อยู่ปัจจุบันจะให้สถาบันที่ก่อเหตุครบ 3 ครั้ง งดรับนักศึกษาทันทีในปีถัดไป ขณะนี้มีสถานศึกษาที่ก่อเหตุครบ 2 ครั้งแล้ว 1 แห่ง อยู่ในการจับตาเป็นพิเศษจาก สช. ถ้าก่อเหตุอีก 1 ครั้งจะต้องใช้มาตรการงดรับนักศึกษา และแนวโน้มน่าจะเป็นการปิดถาวร เพราะจำนวนนักศึกษาลดลงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่โรงเรียนก่อเหตุ 1 ครั้ง มีอยู่ 4 แห่ง ซึ่ง สช.จับตาอยู่เช่นกัน" นายบัณฑิตย์กล่าว

 

นายจอมพงศ์ มงคลวนิช นายกสมาคมวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย กล่าวว่า อาชีวศึกษาเอกชนเห็นด้วยและเข้าใจความหวังดีของนายกฯ หากตรวจสอบชัดเจนว่าสถานศึกษาแห่งนั้นปล่อยปละละเลย ไม่มีมาตรการป้องกันปัญหาที่เหมาะสม ก็สมควรที่จะเข้าสู่มาตรการลงโทษ โดยการสั่งปิดสถานศึกษา แต่อยากเสนอให้เพิ่มมาตรการสำหรับจัดการกับเด็กควบคู่ไปกับมาตรการลงโทษสถานศึกษาด้วย โดยให้มีการขึ้นแบล๊กลิสต์เด็กที่ก่อเหตุทันที รวมทั้งส่งข้อมูลให้กองทุนเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เพื่อให้ กยศ.ขึ้นแบล๊กลิสต์เด็กกลุ่มนี้ และให้มีผลต่อการกู้ยืมเงิน

 

"ที่เสนอมาตรการนี้เพราะต้องการให้เด็กเข็ดหลาบ ปัจจุบันการลงโทษเด็กตามกฎหมายอ่อนมาก เมื่อเด็กถูกให้ออกจากสถานศึกษาแห่งหนึ่งจะย้ายไปสมัครเรียนที่อื่นและก่อเหตุต่อได้ แต่ถ้ามีข้อมูลและให้ กยศ.ขึ้นแบล๊กลิสต์เด็กเหล่านี้ จะช่วยให้สถานศึกษาคัดกรองเด็กได้ระดับหนึ่ง และเด็กเองอาจจะมีความเกรงกลัว เพราะถ้าก่อเหตุอาจจะหมดสิทธิกู้ กยศ.ไปด้วย 

 

ทั้งนี้ ขอย้ำว่าการแก้ปัญหาเด็กทะเลาะวิวาทจะต้องทำหลายมาตรการพร้อมๆ กัน และที่สำคัญต้องมีบทลงโทษที่ชัดเจนกับตัวผู้ทำผิด ปัจจุบันกฎหมายค่อนข้างอ่อน ทำให้เด็กกล้าก่อเหตุ แม้ว่าสถานศึกษาจะดำเนินการตามมาตรการป้องกันในทุกด้านแล้ว" นายจอมพงศ์กล่าว

 

 

ที่มา  มติชนออนไลน์

.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X