5 เหตุผลที่จะทำให้รู้ว่าการเป็นไอดอลนั้นยากเย็นกว่าที่คุณคิด
2017-06-24 10:47:25
Advertisement
Pyramid Game

รายงานเศรษฐกิจกรุงโซล หนังสือพิมพ์เกาหลีได้กล่าวถึงเบื้องหลังของไอดอลกับหนทางที่ยากลำบากของพวกเขาก่อนที่จะมีชื่อเสียงอย่างเช่นทุกวันนี้

การสร้างไอดอลกลุ่มใหม่นับเป็นธุรกิจที่มีผู้สนใจลงทุนมากในขณะนี้ มีบริษัทมากมายจัดตั้งขึ้นเพื่อหวังสร้างไอดอลที่ได้รับการยอมรับและทำรายได้มากมายให้แก่บริษัท แต่หนทางแห่งความสำเร็จนั้นไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ กว่าจะประสบความสำเร็จได้หลายๆกลุ่มไอดอลก็ต้องผ่านความบอบช้ำ หลายคนก็ประสบความสำเร็จ แต่ก็มีไม่น้อยที่ไปไม่ถึงฝันอย่างใจหวัง

และนี่คือความท้าทายบางส่วนที่ไอดอลหลายคนต้องก้าวผ่านกันไปให้ได้

1. ไอดอลก็เหมือนพนักงานที่มีสัญญาจ้าง

2NE1 และ KARA 2 เกิร์ลกรุ๊ปที่เจออาถรรพ์ปีที่ 7

ทราบกันดีอยู่แล้วว่าสมาชิกในวงไอดอลนั้นมักจะเซ็นสัญญากับบริษัทเป็นระยะเวลานาน ปัญหาเกี่ยวกับสัญญาที่ยาวนานนี้ทำให้วงส่วนใหญ่ตัดสินใจยุบวงก่อนจะต้องต่อสัญญาที่ยาวนานอีกเป็นครั้งที่สอง 2NE1, KARA, 4minute และ Rainbow เป็นเกิร์ลกรุ๊ปที่ตัดสินใจยุบวงหลังจากสัญญาของสมาชิกแต่ละคนสิ้นสุดลง

ปัญหาอีกอย่างจากสัญญาที่ยาวนานเกินไปคือ สมาชิกบางส่วนในวงได้ตัดสินใจออกจากวง ตัวอย่างได้แก่ Miss A, BEAST และ Secret เมื่อสมาชิกในวงไม่เหมือนเดิม ปัญหามากมายก็เริ่มตามมา หลายคนพูดถึงอาถรรพ์ปีที่ 7 แต่ต้องเข้าใจว่าการยุบวงหรือออกจากวงของไอดอลนั้นเกิดจากการสิ้นสุดสัญญาที่ยาวนานเป็นเวลากว่า 7 ปีเช่นกัน

จุนซู (Junsu) ,ยูชอน (Yoochun) และ แจจุง (Jaejoong) กับข้อพิพาทกรณีสัญญาทาสกับต้นสังกัดเก่า SM

มาตรฐานระยะเวลาในสัญญา คือ 7 ปี แต่บางครั้งก็ไม่เป็นไปตามกำหนด เช่นกรณีของวงบอยแบนด์ชื่อดัง TVXQ เมื่อ 10 ปีที่แล้วที่ออกจากต้นสังกัด SM Entertainment เนื่องจากสัญญาที่ไม่เป็นธรรม หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น กฎการเซ็นสัญญาของไอดอลได้รับการแก้ไข โดยกำหนดว่าสัญญาระหว่างบริษัทและไอดอลนั้นจะมีระยะเวลาเกิน 7 ปีไม่ได้ แต่สามารถตกลงกันได้หากสัญญาเก่านั้นสิ้นสุดลงแล้ว

2. การจ่ายค่าตอบแทน

โดยทั่วไปแล้วสมาชิกวงไอดอลจะไม่ได้รับค่าตอบแทนจนกว่าพวกเขาจะทำรายได้ให้แก่บริษัท และจ่ายค่าใช้จ่ายในระหว่างการฝึกซ้อม ค่าที่พัก และต้นทุนการผลิตอัลบั้มของพวกเขาให้แก่บริษัทครบถ้วนเสียก่อน ไอดอลจะสามารถจ่ายคืนบริษัทได้หมดโดยใช้เวลาประมาณ 3 ปีสำหรับกลุ่มที่ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามในช่วงปีแรกของการเดบิวส์เท่านั้น ยกตัวอย่างเช่น GFRIEND ที่ได้รับค่าตอบแทนของพวกเธอหลังจากเดบิวส์เป็นเวลา 2 ปี ด้วยผลงานเพลงที่ได้รับความนิยมอย่าง Me Gustas Tu, Rough และ Navillera

ไอดอลคนหนึ่งที่เพิ่งเดบิวส์ได้บอกว่า :

“ฉันฝึกซ้อมอย่างหนักมาตั้งแต่เป็นเด็กฝึกหัด และเมื่อเดบิวส์แล้วก็หวังว่าเพลงและการเต้นของฉันจะได้รับการยอมรับ และได้รับความรักจากทุกคน เป้าหมายของฉันตอนนี้คือได้รับค่าตอบแทนก้อนแรกภายในเวลา 3 ปี”

บริษัทได้ให้คำอธิบายถึงเรื่องนี้ว่า “ในวงการไอดอลนั้นมีการแข่งขันกันสูงมาก และหากพวกเขาท้อในระหว่างการโปรโมท พวกเขาก็จะไม่ได้อะไรเลย การให้ค่าตอบแทนพวกเขาแบบนี้จึงเหมือนกระตุ้นให้พวกเขาพยายามให้มากขึ้น เพราะถ้าพวกเขายอมแพ้ แม้แต่เงินเล็กน้อยพวกเขาก็จะไม่ได้” โดยทั่วไปแล้วไอดอลจะได้มีรายได้มากหากผลงานได้รับการยอมรับ แต่ก็มีหลายวงที่รายได้ไม่เป็นไปตามเป้าที่บริษัทคาดหวัง

3. เวลา 24 ชั่วโมงต่อ 1 วันนั้นไม่เพียงพอ

ในวงการเพลงเกาหลีตอนนี้นั้นมีทั้งปล่อยเพลงเดี่ยว,มินิอัลบั้ม,อัลบั้มเต็ม และอัลบั้มรีแพคเกจ จะเห็นได้ว่ารูปแบบของสินค้านั้นเปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อก่อนที่จะโปรโมทปีละครั้ง ปล่อยอัลบั้มแบบเต็มออกมาแค่ปีละหน แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยน การตลาดแบบดิจิตอลเข้ามาแทนที่ การปล่อยเพลง อัลบั้มที่ถี่ขึ้นจึงเห็นได้จนชินชาในวงการเพลงเกาหลี

ยุคสมัยที่เปลี่ยนไป วงการบันเทิงก็เปลี่ยนแปลงไปด้วย เมื่อต้องออกเพลงถี่ขึ้น ไอดอลในหนึ่งวงก็ต้องแบ่งเป็นหลายกลุ่ม นอกจากนั้นยังต้องเดินสายโปรโมท ไม่ใช่แค่บนเวทีรายการเพลงเท่านั้น แต่รายการวาไรตี้พวกเขาก็ต้องไปออก เพื่อให้ผู้ชมจดจำใบหน้าของพวกเขาได้

ด้วยความนิยมของวงการเคป๊อบที่เพิ่มสูงขึ้น งานที่เคยมีเพียงแต่ในประเทศก็ขยายออกไปในหลายประเทศ ไอดอล B สมาชิกวงไอดอลวงหนึ่งที่เดบิวส์มาเป็นเวลา 4 ปี เปิดเผยถึงเวลาพักผ่อนที่มีเพียงน้อยนิดของเขา :

“หลังจากที่ฉันได้เป็นไอดอล ตอนนี้ฉันกลับอยากมีวันพักผ่อนสบายๆ ฉันไม่อยากไปต่างประเทศ อยากอยู่บ้านกับพ่อแม่และไม่ต้องคิดอะไรมาก เพียงวันเดียวก็ยังดี ฉันได้ไปประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่นเพื่อเข้าร่วมงานมีทติ้ง หลังเสร็จงานก็ต้องบินกลับโซลทันที ไม่ได้ไปเที่ยวเหมือนคนอื่นเขา ฉันรู้สึกอิจฉาเพื่อนๆที่มีงานปกติและมีเวลาท่องเที่ยวและพักผ่อน”

4. แค่ร้องเพลงและเต้น ยังไม่พอ

ไอดอลหลายคนยังเข้าสู่เส้นทางสายนักแสดงด้วย ไม่ว่าจะเป็น ซูจี (Suzy) , ยูอี (UEE) ,นานะ (Nana), ไอยู (IU), ยุคซองแจ (Yook Sung Jae), ดีโอ (D.O) ,ฮเยริ (Hyeri) ต่างก็เป็นไอดอลที่เป็นทั้งนักแสดงและนักร้องในเวลาเดียวกัน

ระยะเวลาในวงการของไอดอลนั้นส่วนใหญ่จะสั้นกว่าอาชีพนักแสดง เพราะฉะนั้นแล้วหากพวกเขาได้สร้างชื่อเสียงในเรื่องของการแสดงเอาไว้ด้วย พวกเขาก็จะอยู่ในวงการได้นานมากขึ้น

การเป็นนักแสดงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในวงการบันเทิง แต่ชื่อเสียงนั้นก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของตลาดเช่นเดียวกัน ในขณะนี้นักแสดงที่มีอายุประมาณ 20 กว่าๆกำลังขาดแคลนโดยเฉพาะนักแสดงหญิงที่รับบทนำเช่น ซูเอ (Soo Ae) , ซนเยจิน (Son Ye Jin) และ คิมฮานึล (Kim Ha Neul) ที่ตอนนี้พวกเธอมีอายุ 30 กันหมดแล้ว หากมีนักแสดงหน้าใหม่มาเพิ่มก็คงดี แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น คนดังหลายคนก็เคยยอมรับว่าพวกเขาสนใจวงการไอดอลก่อนที่จะเปลี่ยนใจมาเดินสายนักแสดง

ตัวอย่างคนดังที่เคยอยากเป็นไอดอลก่อนจะผันตัวเองมาเป็นนักแสดงคือพระเอกหนุ่มสุดฮอต พัคโบกอม (Park Bo Gum) โบกอมเคยอัดเสียงและส่งไปให้หลายบริษัท เขาเพิ่งมาเปลี่ยนใจหลังจากบริษัทได้ให้คำแนะนำกับเขาว่าหน้าตาของโบกอมนั้นเหมาะกับการเป็นนักแสดงและโน้มน้าวให้เขาเปลี่ยนใจ

ผู้จัดการของเหล่าไอดอลนักแสดงได้พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ :

“สำหรับในปัจจุบัน ไอดอลที่จะเดบิวส์ในบริษัทจะต้องเข้าคลาสเรียนการแสดงด้วย”

5. ไอดอลต้องจัดการกับอารมณ์ของทั้งของตนเองและของคนทั่วไป

ก่อนหน้านี้ได้มีการออกมาสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับไอดอลของผู้อำนวยการประชาสัมพันธ์ของบริษัทใหญ่แห่งหนึ่ง

“เราอยากให้คนทั่วไปเข้าใจว่าไอดอลนั้นไม่ต่างไปจากคนปกติทั่วไป พวกเขามีความรู้สึกเช่นเดียวกับคนปกติ”

ไอดอลมักจะถูกตั้งความหวังเกี่ยวกับทัศนคติและการปฏิบัติตัวของพวกเขา หากเหล่าไอดอลไปออกรายการวาไรตี้และแสดงท่าทางหยิ่ง หรือสีหน้าที่ไม่เหมาะสม พวกเขาจะตกเป็นหัวข้อในสังคมออนไลน์อย่าง Naver และ Nate คนเหล่านี้จะขุดหาเรื่องลบมาทำลายภาพลักษณ์ของไอดอล แม้แต่โพสส่วนตัวบน SNS ของเหล่าไอดอลก็สามารถถูกนำมาวิจารณ์และสร้างความเสียหายได้

เมื่อมีกระแสลบของเหล่าไอดอลบริษัทจะออกมาขอโทษอย่างเป็นทางการ ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้นบางครั้งคำขอโทษก็ไม่ได้สร้างความพอใจ และกลับทำให้เกิดการโจมตีที่รุนแรงมากกว่าเดิม เรียกว่าทำอะไรบางครั้งก็ไม่ถูกใจ เพราะฉะนั้นการทำใจยอมรับในอารมณ์ของคนเหล่านี้จึงเป็นสิ่งที่ไอดอลหลีกเลี่ยงไม่ได้

ถึงแม้การเป็นไอดอลเคป๊อบจะเป็นสิ่งที่หลายคนใฝ่ฝัน แต่อย่างที่บอกว่าหนทางนั้นไม่ได้ง่ายเลย ฉะนั้นจงภูมิใจในตัวของไอดอลคนโปรดของคุณให้มาก คิดถึงสิ่งที่พวกเขาต้องเจอก่อนที่จะเป็นเช่นปัจจุบันนี้ สนับสนุนและรักในตัวพวกเขาต่อไป

ที่มา http://www.koreaboo.com

แปลโดย http://www.popcornfor2.com

.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X