แม่เฒ่าวัย 66 ปั่นจักรยานจากชัยนาทเข้ากทม.ขอความเป็นธรรมนายกฯเรื่องที่ดิน-หมอทำลูกพิการ
2015-07-05 12:01:41
Advertisement
คลิก!!!

 

 เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 4 ก.ค. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังริมถนนสายเอเชีย ขาขึ้นกรุงเทพฯ ใน ต.หลักฟ้า อ.ไชโย จ.อ่างทอง หลังทราบว่า มีแม่เฒ่าวัย 66 ปี ขี่จักรยานเพียงลำพังมาจากชัยนาทมุ่งหน้าไปยังทำเนียบรัฐบาลเพื่อขอเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หลังจากเดินทางไปถึงก็พบกับนางละเอียด รักลี อายุ 66 ปี อยู่บ้านเลขที่ 12/2 หมู่ที่ 1 ต.ดอนลำ อ.สรรรคบุรี จ.ชัยนาท กำลังขี่จักรยานแบบชาวบ้านที่เบาะหลังบรรทุกถุงพลาสติกใส่เสื้อผ้า ด้านหน้ารถและหลังรถปักธงชาติไทย และมีป้ายที่ทำด้วยฟิวเจอร์บอร์ดสีขาว มีข้อความสีแดงว่า “ขอความเป็นทำ” ปักไว้ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง


 สอบถามนางละเอียด กล่าวว่า ตนเดินทางออกจากบ้านพักที่จังหวัดชัยนาทตั้งแต่ 04.00 น. ของวันนี้ โดยก่อนออกเดินทางได้เก็บเสื้อผ้าใส่ถุง พร้อมสัมภาระที่จำเป็นบรรทุกใส่รถจักรยานคู่ใจออกมา โดยมีจุดหมายปลายทางที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งตนจะไปขอเข้าพบนายกรัฐมนตรี เนื่องจากตนเดือดร้อนและไม่ได้รับความเป็นธรรมในหลายๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเรื่องที่ดินที่อยู่อาศัย เรื่องลูกที่ไม่สบายแล้วไปหาหมอถูกหมอฉีดยามาจนพิการเดินไม่ได้ และไม่ได้รับความเป็นธรรมจากผู้ใหญ่บ้านและข้าราชการระดับต่างๆ ในจังหวัด โดยเรื่องทั้งหมดนั้นตนต่อสู้มาเป็นระยะเวลากว่า 10 ปี จนผู้ว่าราชการของจังหวัดชัยนาทนั้นเปลี่ยนมา 3 รุ่นแล้ว ก็ไม่ได้รับความธรรม ต่อมารัฐบาลเปิดให้มีศูนย์ดำรงธรรมในจังหวัด ตนไปร้องเรียนผ่านศูนย์ดำรงธรรม ตั้งแต่เปิดศูนย์มาจนกระทั่งทุกวันนี้ เรื่องก็ยังเงียบ ตนเดือดร้อนมาก ไม่รู้จะพึ่งใคร ลูกก็พิการ หลานก็ยังเล็ก ข้าวจะกินยังไม่มี ไหนจะนมหลานอีก


 นางละเอียด กล่าวว่า สำหรับเรื่องที่ดินนั้น ปกติตนจะอาศัยอยู่บนที่ดินของหลวงโดยมีโฉนด นส.3ก มาตั้งแต่สมัยรุ่นพ่อรุ่นแม่ แต่ต่อมานั้นมีการเอาที่หลวงมาเป็นกรรมสิทธิ์ส่วนตัว มีการจัดสรรที่กันใหม่โดยแบ่งกันให้เช่า มีการนำมาขาย เมื่อตนจ่ายเงินไปแล้วก็ไม่ได้สิทธิ์ในที่นั้น เมื่อตนไปฟ้องร้องก็ถูกกลั่นแกล้งไม่ได้รับความเป็นธรรม เคยถึงขนาดถูกลอบยิงมาแล้วด้วยซ้ำ แต่เรื่องก็เงียบตำรวจไม่เห็นทำอะไร บอกยายตกใจปืน ยายอยากจะยิงตำรวจเลยแค้นมาก ใครไม่โดนอย่างยายจะไม่รู้สึกเจ็บหรอก ตนมีบ้านอยู่เพียงหลังเดียวกับที่แค่ประมาณ 1 ไร่ ไฟฟ้าก็ไม่มีใช้ 


 เคยมีทหารมาถามตนว่าอยากมีไฟใช้หรือไม่ เมื่อตนตอบไปว่า อยากมีทหารก็ให้เซ็นชื่อในเอกสาร แล้วให้ไปเดินไฟฟ้าภายในบ้านให้เรียบร้อย เมื่อตนดำเนินการเสร็จแล้ว ก็ยังไม่มีไฟฟ้าใช้ โดยเขาให้เหตุผลว่า ที่ข้างเคียงเขาไม่ให้ลากไฟผ่าน บางครั้งก็บอกไม่มีงบประมาณ ตนไม่รู้จะทำอย่างไร 


 กลางคืนก็ไม่ค่อยได้นอนเนื่องจากอากาศร้อน ต้องพาลูกสาว และหลานออกมานอนข้างนอก และคอยเอาพัดโบกให้หลานตลอดทั้งคืน ไหนจะเรื่องลูกสาวที่ก่อนหน้านี้ปวดหัว พอไปหาหมอ หมอฉีดยาให้แล้วกลับมาบ้านเดินไม่ได้ หมอก็ไม่รับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น ตนไม่รู้จะทำอย่างไร นั่งคิดนอนคิดมาเป็นปี จึงตัดสินใจว่าจะออกขี่จักรยานมาทำเนียบให้จงได้ ตนน้อยใจร้องเรียนมาถึง 3 ผู้ว่าฯ แล้วแต่เรื่องก็เงียบ อีกอย่างทหารของนายกฯก็มาทำไม่ดีกับตน จึงแค้นใจมากอยากจะไประบายไปขอความเป็นธรรมกับนายกฯ ตนไม่ไหวแล้วตายเป็นตาย ให้คนรู้ไปเลยว่าคนจนจะลุกขึ้นสู้คนรวยไม่ได้

 
 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นางละเอียดขี่จักรยานมาก็ได้เจอกับเจ้าหน้าที่ของสมาคมวีอาร์กู้ภัยจังหวัดอ่างทอง ที่คอยดูแลรถปิดท้ายรถจักรยานของนางละเอียดที่ขี่มาตามท้องถนน โดยได้ประสานกันไปเป็นช่วงๆ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอ่างทอง คอยดูแลป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ รวมทั้งเตรียมอุปกรณ์ปฐมพยาบาลมาด้วย นอกจากนั้นทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยและเจ้าหน้าที่ตำรวจยังประสานกันระหว่างจังหวัดเพื่อคอยส่งมอบการดูแลความปลอดภัยในรอยต่อของแต่ละจังหวัดด้วย

 
 ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ระหว่างที่นางละเอียดนั่งพักอยู่นั้น มีโทรศัพท์ปลายสายจากจังหวัดชัยนาท โทรมาบอกว่าที่บ้านของนางละเอียดนั้น ขณะนี้มีทั้งผู้ว่าราชการจังหวัด และนายกเทศบาลไปที่บ้านของนางละเอียดกันเป็นจำนวนมาก โดยนายสมเจตน์ ศรีสวัสดิ์ นายกเทศบาลตำบลดอนกำ ได้โทรมาหาถามไถ่นางละเอียดเกี่ยวกับการเดินทางด้วย ซึ่งนางละเอียดได้ตอบไปว่าที่อยู่ที่บ้านไม่มีใครสนใจพอออกเดินทางไปหานายกฯ ก็มีคนไปที่บ้านและตนจะเป็นคนทำให้คนในจังหวัดชัยนาทสบาย  


 สำหรับนางละเอียดขณะนี้มีโรคประจำตัวได้แก่โรคเบาหวานด้วยตอนนี้ได้เดินทางออกจาก อ.ไชโย มุ่งหน้าเข้า อ.เมือง และเดินทางเข้าจังหวัดพระนครศรีอยุธยาต่อ โดยไม่ได้ตั้งเป้าหมายว่าจะนอนที่ใด คิดเพียงแต่ว่ามืดไหน ก็นอนที่นั่นเท่านั้นเอง

 

 ต่อมานายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ผู้ว่าฯชัยนาท เดินทางไปยังบ้านของนางละเอียด รักลี อยู่บ้านเลขที่ 12/2 ม.1 ต.ดอนกำ อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท ได้พบกับน.ส.ศิริกมล รักลี อายุ 27ปี ลูกสาว สอบถามสาเหตุ ทราบว่า เรื่องที่นางละเอียดเคยร้องเรียนและขอความช่วยเหลือไว้ที่ศูนย์ดำรงธรรมมี 7 เรื่อง ส่วนใหญ่อยู่ระหว่างการสืบสวนข้อเท็จจริง และบางเรื่องได้ข้อสรุปเป็นที่พอใจของนางละเอียดแล้ว ส่วน 3 ข้อที่เป็นสาเหตุการปั่นจักรยานเข้า กทม. คือไฟฟ้า ได้ข้อสรุป กฟภ.จะปักเสาไฟฟ้าคอนกรีตให้ ส่วนค่าสายไฟฟ้าเข้าบ้าน 13,000 บาท กฟภ.จัดงบประมาณมาช่วย 6,500 บาทตามระเบียบ นายบัญชา เหมศรีสวัสดิ์ นายกเทศมนตรีตำบลดอนกำจะจัดงบช่วยอีก 6,500 บาท และเรื่องการรักษาของหมอ ที่นางละเอียดสงสัยว่าเป็นสาเหตุให้ลูกสาวพิการนั้น จะต้องตรวจสอบประวัติการรักษาแล้วให้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดชัยนาทเป็นผู้ชี้แจง ส่วนบ้านที่ถูกพายุพัดพังนั้นทาง อตต.ดอนกำ จะพิจารณาช่วยเหลือตามระเบียบราชการต่อไป


 ทั้งนี้ เมื่อนางละเอียดได้รับฟังแนวทางแก้ปัญหาของ ผู้ว่าฯชัยนาทจึงยินยอมเดินทางกลับบ้าน โดยมีนายบัญชานำรถยนต์เดินทางไปรับตัวในเวลา 17.30น.

 

ขอขอบคุณที่มา  ข่าวสดออนไลน์

 

 

.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X