ยอมรับผิดทุกอย่าง ส่งหลุยส์เข้า"วังทวีวัฒนา"
2015-06-13 10:37:24
Advertisement
คลิก!!!

 

อนุมัติขัง12วัน สอบ-ขยายผล เตรียมพาชี้จุด ซ่อนทรัพย์สิน ปปช.จ่อฟันซ้ำ


ตร.นำตัว"คุณหลุยส์" ฝากขังต่อศาลอาญาอีก 1 ผัด รวม 12 วัน พร้อมยื่นค้านประกันตัว นำตัวไปควบคุมที่หน่วยฝึกทหารใหม่ทวีวัฒนา ตร.คุมตัวอดีตกรมวังผู้ใหญ่ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ชี้จุดสำคัญในกระทรวงไอซีที-พลังงาน แอบอ้าง"สมเด็จพระบรมฯ-อดีตพระวรชายา"ขอเป็นกรรมการในบอร์ดของกระทรวง เจ้าตัวยังเครียด พร้อมเปิดเผยสั้นๆ ยอมรับผิดแล้ว ด้านผบช.น.เตรียมสอบขยายผลนำไปสู่การยึดทรัพย์สินที่ได้ระหว่างกระทำความผิด ขณะที่ป.ป.ช.พร้อมรับสอบทุจริตต่อหน้าที่



ความคืบหน้ากรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมนายมนตรี โสตางกูร อายุ 54 ปี อดีตกรมวังผู้ใหญ่ในพระวรชายา ในความผิดฐานหมิ่นประมาทรัชทายาท, เป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจ เพื่อให้บุคคลใดมอบให้หรือหาให้ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น,เป็นเจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติอย่างใดในพฤติการณ์ที่ทำให้ผู้อื่นเชื่อว่ามีตำแหน่ง โดยตนเองไม่ได้มีตำแหน่งหรือหน้าที่นั้น เพื่อแสวงหาประโยชน์มิควรได้สำหรับตนเองหรือผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112,148,พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123 ซึ่งในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ตามข่าวที่เสนอมาแล้วนั้น



เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 12 มิ.ย. ที่สน.บางซื่อ สถานที่ควบคุมตัวนายมนตรีหลังจากแถลงข่าวเสร็จ พล.ต.ต.ก่อเกียรติ วงศ์สุเมธ ผบก.น.2 เปิดเผยว่าเมื่อช่วงเช้าได้เข้าไปเยี่ยมผู้ต้องหา ซึ่งนายมนตรี มีอาการเครียด และอ่อนล้า แต่รับประทานอาหารได้ปกติ โดยยังไม่มีญาติ หรือบุคคลใกล้ชิดเดินทางมาเยี่ยมแต่อย่างใด



ต่อมาเวลา 09.45 น. พล.ต.ต.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา รองผบช.น. พล.ต.ต.ก่อเกียรติ วงศ์สุเมธ ผบก.น.2 พ.ต.อ.สุริยา นาคแก้ว ผกก.สน. บางซื่อ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.บางซื่อ และตำรวจ 191 ตำรวจกองปราบฯ จำนวน 50 นาย ควบคุมตัวนายมนตรี ซึ่งอยู่ในเสื้อผ้าชุดเดิม สภาพอ่อนล้า ไปชี้จุดประกอบคำรับสารภาพที่ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) และกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ในศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ พื้นที่ของสน.ทุ่งสองห้อง โดยจุดแรกนำชี้ป้าย บริษัท กสท



จุดที่ 2 นำนายมนตรีไปชี้ห้องประชุมของคณะกรรมการ กสท โทรคมนาคม ที่ใช้นั่งประชุมในระหว่างนายมนตรีเป็นกรรมการ จุดที่ 3 นำไปชี้ป้ายกระทรวงเทคโนโลยีสาร สนเทศและการสื่อสาร ที่นายมนตรีเดินทางมาในช่วงวันเวลาเกิดเหตุ และจุดที่ 4 นำไปชี้ห้องทำงานของน.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว. เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในสมัยนั้น ซึ่งนายมนตรีเคยมาเข้าพบน.อ.อนุดิษฐ์ โดยแอบอ้างเบื้องสูงเพื่อขอให้แต่งตั้งตัวเองเป็นคณะกรรมการการสื่อสารแห่งประเทศไทย หรือ กสท.



เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พ.ต.อ.ชยุต มารยาทตร์ รองผบก.น.2 และคณะ ควบคุมตัวนายมนตรี ผู้ต้องหาตาหมายจับศาลอาญาคดีแอบอ้างเบื้องสูง มายื่นคำร้องฝากขังครั้งแรก เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 12-23 มิ.ย. เนื่องจากการสอบสวนไม่เสร็จสิ้น ต้องสอบสวนพยานอีก 10 ปาก และรอผลการตรวจสอบประวัติการต้องโทษผู้ต้องหา โดยพนัก งานสอบสวนได้ขอคัดค้านการประกันตัว ผู้ต้องหาด้วยเนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง และกระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ จึงเกรง ว่าผู้ต้องหาจะหลบหนีหรือยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน



ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนระบุได้ว่า หากศาลอนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหาในวันนี้ พนักงานสอบสวนจะขอรับตัวผู้ต้องหากลับไปควบคุมต่อ ที่หน่วยฝึกทหารใหม่ แขวงศาลาธรรม สพน์ เขตทวีวัฒนา กทม. เนื่องจากคดีนี้มีการ กระทำผิดในหลายท้องที่ และมีความจำเป็นต้องนำผู้ต้องหาไปชี้แหล่งซุกซ่อนทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิด เพื่อยึดมาเป็นของกลาง ประกอบการสอบสวนดำเนินคดีต่อไป 



ขณะที่คำร้องฝากขังบรรยายพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อต้นเดือนกันยายน 2554 ผู้ต้องหาขณะนั้นเป็นกรมวังผู้ใหญ่ ประจำพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ อดีตพระวรชายาฯ เข้าไปพบนายพิชัย นริพทะพันธุ์ ขณะนั้นเป็น รมว.พลังงาน ซึ่งผู้ต้องหาได้แอบอ้างว่าสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ มีความสนพระทัยด้านพลังงานและมีพระราชประสงค์ให้ผู้ต้องหารับตำแหน่งเป็นกรรมการหรือบอร์ด บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) นายพิชัย จึงได้เสนอผู้ต้องหาต่อ บมจ.ปตท. จนได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการ บมจ.ปตท. ซึ่งการกระทำของผู้ต้องหาดังกล่าวเป็นการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือ แสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท



ต่อมาเดือนพฤษภาคม 2558 พ.อ.วิจารณ์ จดแตง ผอ.ส่วนกฎหมายและสิทธิมนุษยชน กอ.รมน. ได้รับการแต่งตั้งจาก คสช. ให้สืบสวนหาข่าวและดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด ฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ซึ่งสืบสวนสอบสวนและพบว่าผู้ต้องหาได้กระทำความผิดจริง จึงเข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ ซึ่งต่อมาศาลอาญาได้ออกหมายจับ เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2558 โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการการปราบปราม ได้จับกุม ผู้ต้องหารายนี้ เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2558 จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีกับผู้ต้องหา ในความผิดฐานหมิ่นประมาทรัชทายาท, เป็น เจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจ เพื่อให้บุคคลใดมอบให้หรือหาให้ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น,เป็นเจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติอย่างใดในพฤติการณ์ที่ทำให้ผู้อื่นเชื่อว่ามีตำแหน่ง โดยตนเองไม่ได้มีตำแหน่งหรือหน้าที่นั้น เพื่อแสวงหาประโยชน์มิควรได้สำหรับตนเองหรือผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112,148,พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123 ซึ่งชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา



ขณะเดียวกัน พ.ต.อ.ชยุต ยังได้ยื่นคำร้องฝากขังนายมนตรี ผู้ต้องหา ตามหมายจับศาลอาญา คดีแอบอ้างเบื้องสูง พ.1265/2558 ในความผิดเดียวกันนี้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 , 148 , พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123 จากพฤติการณ์เดียวกัน กรณีเมื่อเดือน กันยายน 2554 นายมนตรี ผู้ต้องหาได้แอบอ้างถึงสถาบัน กับ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ไอซีที เพื่อให้ได้รับแต่งตั้งเป็นบอร์ดบริษัท กสทโทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) เหตุเกิดที่กระทรวงไอซีที ซึ่งชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาเช่นเดียวกัน



โดยพนักงานสอบสวนขออำนาจศาลฝากขัง เนื่องจากต้องสอบสวนพยานเพิ่มอีก 10 ปาก และรอผลการตรวจสอบประวัติการต้องโทษผู้ต้องหา ซึ่งพนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหาเช่นเดียวกัน



ศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้านแล้ว จึงอนุญาตให้ฝากขังได้ หลังเสร็จสิ้นกระบวนการฝากขังแล้ว ต่อมาเวลา 12.30 น.พนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวผู้ต้องหากลับไปทันทีเพื่อทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่กระทรวงพลังงานที่ ถ.วิภาวดีฯ



ต่อมาเมื่อเวลา 15.00 น.พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผบ.ตร.ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. พล.ต.ต.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา รองผบช.น. พล.ต.ต.ก่อเกียรติ วงศ์สุเมธ ผบก.น.2 พ.ต.อ.ชยุต และพ.ต.อ.สุริยา ควบคุมตัวนายมนตรี มาชี้จุดทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่กระทรวงพลังงาน ซึ่งเป็นสถานที่ที่นายมนตรีได้เคยมาพูดคุยกับนายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรมว.พลังงาน เพื่อให้ตั้งแต่งตนเองเป็นคณะกรรมการการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย และห้องทำงานบอร์ดคณะกรรมการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวนายมนตรีขึ้นไปชั้น 25 ที่เป็นที่ทำการของสำนักงานรัฐมนตรี เพื่อชี้จุดห้องประชุมของคณะกรรมการและห้องทำงานของนายพิชัย และเป็นห้องที่นายมนตรีขอเข้าพบ



ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างนำชี้จุดประกอบคำรับสารภาพ นายมนตรีมีสีหน้าท่าทางเคร่ง เครียด โดยเปิดเผยกับสื่อมวลชนแต่เพียงสั้นๆ ว่า ตนยอมรับว่าได้ทำความผิดจริงและสารภาพทุกข้อกล่าวหา ขณะนี้ตนสำนึกผิดแล้ว และรู้สึกผิดกับสิ่งที่ได้กระทำลงไป



ด้านพล.ต.ท.ศรีวราห์เปิดเผยว่า วันเดียวกันนี้ได้ขออนุญาตจากศาลเพื่อนำตัวนายมนตรีไปชี้จุดแผนประกอบคำรับสารภาพ และสอบสวนต่อ ส่วนการขยายผลว่าจะมีผู้ร่วมขบวนการหรือเกี่ยวข้องอีกหรือไม่นั้น จะต้องสอบสวนให้เสร็จสิ้นเสียก่อน ซึ่งทุกอย่างอยู่ในสำนวน ในส่วนของทรัพย์สินหากตรวจสอบพบว่าส่วนใดที่ได้มาโดยมิชอบตั้งแต่ที่เข้ามาดำรงตำแหน่งในบอร์ดบริหารทั้ง 2 ที่และได้มาโดยการใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ จะประสานไปยังปปง.เพื่อยึดอายัดทรัพย์สินต่อไป หลังจากทำแผนประกอบคำรับสารภาพเสร็จสิ้นในวันเดียวกันนี้ ก็จะนำตัวผู้ต้องหาไปควบคุมในสถานที่แห่งหนึ่ง เพื่อความปลอดภัยของตัว ผู้ต้องหา



ด้านพล.ต.ท.ประวุฒิเปิดเผยถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่ามีการจับกุมผู้ต้องหาในคดีนี้เพิ่มอีก 1 รายนั้น ไม่เป็นความจริง คดีนี้เป็นคดีที่เกิดมานานแล้ว มีนายมนตรีเป็นผู้ต้องหาเพียงคนเดียวเท่านั้น ในส่วนเส้นทางการเงินของนายมนตรีนั้นอยู่ระหว่างการตรวจสอบ



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 13 มิ.ย. เจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำตัวนายมนตรีไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ที่ธนาคารที่รับโอนเงินใกล้ๆ กับมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ท้องที่ สน.ทองหล่อ และจุดที่มีการรับเงิน ท้องที่สน.บางรัก



ด้านนายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานป.ป.ช. ให้สัมภาษณ์กรณีสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตรียมประสานข้อมูลมายังป.ป.ช.ในคดีกรมวังผู้ใหญ่แอบอ้างเบื้องสูงเรียกรับผลประโยชน์ว่าทราบจากข่าวว่าจะเป็นสัปดาห์หน้า เมื่อส่งมาที่ป.ป.ช.ก็ต้องนำเข้าหารือที่ประชุมคณะกรรมการป.ป.ช.เพื่อพิจารณาว่าเรื่องดังกล่าวอยู่ในอำนาจหน้าที่การพิจารณาของป.ป.ช.หรือไม่ตามข้อกฎหมาย อาทิ เป็นเจ้าหน้าที่รัฐที่กระทำการทุจริตหรือไม่ สอดรับกับกฎหมายป.ป.ช.หรือไม่ก็ต้องดูก่อน อย่างไรก็ตามที่ประชุมสามารถหารือกันได้ว่าหากเห็นว่าทางสำนักงานตำรวจดำเนินการเรื่องโดยพนักงานสอบสวนดำเนินการไปมากแล้วก็อาจจะส่งกลับไปให้เขาดำเนินการแทนได้ เหมือนกรณีของพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ซึ่งจะทำให้คดีรวดเร็วยิ่งขึ้น เมื่อส่งเรื่องมาก็จะนำเข้าหารือที่ประชุมป.ป.ช.ในทันที เรื่องนี้ต้องรวดเร็ว



เมื่อถามว่าต้องดำเนินการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินด้วยหรือไม่ นายปานเทพกล่าวว่า ก็น่าจะต้องทำ แต่ความจริงขณะนี้ทางสำนักงานตำรวจก็ดำเนินการอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามหากป.ป.ช.ดำเนินการก็ต้องทำควบคู่ไปกับปปง.เหมือนที่ทำอยู่หลายกรณี

 

ขอขอบคุณที่มา  ข่าวสดออนไลน์

 

 

.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X