|
"อ.เจษฎา" ชี้ไม่แนะนำล้างหน้าด้วย "น้ำยาล้างจาน" เหตุมีสารเคมีเข้มข้ม อาจทำให้ผิวระคายเคือง อีกทั้งไม่ผ่านการทดสอบเหมือนพวกโฟมล้างหน้า แจงหน้าขาวใสขึ้นเพราะโดนน้ำยากัด!!
กลายเป็นเรื่องชวนชาวเน็ตอึ้งเบาๆ เมื่อสมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอมรายหนึ่ง ได้เข้ามาตั้งกระทู้ถามความคิดเห็นเกี่ยวกับพฤติกรรมของแฟนหนุ่มที่นำน้ำยาล้างจานมาใช้ล้างหน้า เมื่อวันที่ 30 พ.ค.58 ที่ผ่านมา แล้วพบว่าทำให้หน้าใส ผิวพรรณดี แต่เกรงว่าการใช้น้ำยาล้างจานจะเป็นอันตรายต่อผิวในระยะยาวหรือไม่
โดยหลังจากกระทู้นี้เผยแพร่ออกไป ก็มีผู้คนเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก ชาวเน็ตบางส่วนให้ความเห็นว่าอาจมีผลทำให้ผิวแห้ง บางส่วนก็เข้ามาแชร์ประสบการณ์ว่าเคยนำน้ำยาล้างจานมาใช้ล้างหน้าเช่นเดียวกัน
อ.เจษฎา บอกอีกว่า ทางคุณหมอจาก สถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ก็ให้ความเห็นตรงกันว่าไม่เหมาะจะนำมาใช้ล้างหน้า ซึ่งที่คิดว่าใช้แล้วหน้าใสขึ้น ขาวขึ้น ก็เพราะว่าน้ำยามันกัดผิวหน้าไปแล้ว แถมถ้าเข้าตา ก็อาจจะเป็นอันตรายต่อดวงตาได้อีกด้วย โดยข้อความทั้งหมดระบุว่า
"เอาซันไลต์ล้างหน้า ขึ้นอยู่กับความบอบบางของผิวหน้าแต่ละคน ไม่แนะนำให้ใช้ครับ"
จริงๆ เรื่องทำนองเคยมีมาก่อนแล้ว ปีก่อนก็มีเป็นคลิปออกมาเลย และก็ได้อธิบายไปแล้วว่า พวกน้ำยาล้างจานนี้มันก็เป็นสารซักล้างแบบหนึ่ง จะเอามาใช้ล้างหน้า ก็คงไม่ได้เป็นพิษ เป็นอันตรายเฉียบพลันแต่อย่างไร
แต่น้ำยาล้างจานที่ขายอยู่นั้น มักจะเป็นสูตรเข้มข้นของสารซักล้างหรือสารลดแรงตึงผิวพวก Sodium Lauryl Ether Sulfate ( SLES ) ซึ่งปรกติก็ควรละลายน้ำให้เจือจางก่อนจะใช้ เช่น ละลายน้ำได้ถึง 20 เท่าตามคำแนะนำปรกติ ถ้าเอามาใช้ล้างจานทั้งๆ ที่มันเข้มข้น ก็จะทำให้ผิวระคายเคืองได้ บางคนอาจจะเกิดอาการผิวแห้งเกิน ไปจนถึงกับแพ้ ผิวหนังลอกได้ (ถ้าจะให้แพ้น้อยลง ควรเลือกยี่ห้อที่มีสาร Cocamidopropyl betaine แทน SLES)
ทีนี้ ถ้าเอาไปใช้ล้างหน้า ซึ่งผิวหน้านั้นบอบบางกว่ามือมาก ก็มีโอกาสจะระคายเคืองได้ง่าย สารต่างๆ ในน้ำยาล้างจานก็ไม่ได้ผ่านการทดสอบแบบพวกโฟมล้างหน้าว่าใช้แล้วจะเป็นสิวแพ้ง่ายหรือเปล่า ดังนั้น ส่วนตัวผมจึงไม่ส่งเสริมให้ใช้ครับ
ล่าสุด คุณหมอจาก สถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ก็ให้ความเห็นตรงกันว่าไม่เหมาะจะนำมาใช้ล้างหน้า ที่คิดว่าใช้แล้วหน้าใสขึ้น ขาวขึ้น ก็เพราะว่าน้ำยามันกัดผิวหน้าไปแล้ว แถมถ้าเข้าตา ก็อาจจะเป็นอันตรายต่อดวงตาได้อีกครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก Jessada Denduangboripant