ทำไมคนดังต้องต่อแถวนับเดือน? เปิดตัวช่างอินดี้ตัดผมวันละ 7 หัวมีเงินก็ต้องต่อคิว?
2015-04-20 15:24:24
Advertisement
Pyramid Game

ศัลยกรรมอาจจะไม่ใช่คำตอบในการเสริมความสวยหล่อเสมอไป ในเมื่อมีสิ่งอื่นที่ทำให้คุณดูดีขึ้นได้ แต่หลายคนดันมองข้ามไปเหมือนเส้นผมบังภูเขา ใช่…มันก็คือ 'เส้นผม' ของคุณเองนั่นแหละ ถ้าถูกออกแบบและตัดให้เข้ากับรูปหน้าก็ทำให้คุณสวยหล่อขึ้นได้อย่างผิดหูผิดตา

บวกกับช่วงนี้ก็เข้าสู่เดือนที่ร้อนที่สุดของปีกันแล้ว เชื่อว่าต้องมีสาวๆ ผมยาวจำนวนไม่น้อยอยากตัดผมสั้น เพื่อคลายร้อน และช่วยระบายเหงื่อไปได้บ้าง ไหนๆ ก็พูดเรื่องตัดผมแล้ว วันนี้ ไทยรัฐออนไลน์ มีช่างผมฝีมือดีอย่าง เอ หรือ รัฐพักตร์ บัณฑิตฉาย แฮร์สไตลิสต์แห่ง อะคาเดะ แฮร์ซาลอน (AKADE Hair Salon) มาแนะนำ เขาคนนี้นอกจากจะมีฝีกรรไกรและปลายนิ้วที่พลิ้วไหวหาตัวจับยากแล้ว ยังเป็นนักออกแบบทรงผมระดับแถวหน้า ที่ได้รับการยอมรับจากคนในวงการความสวยความงาม

ขนาดดาราและคนเบื้องหลังวงการบันเทิงหลายคนก็ดั้นด้นมาตัดผมที่นี่ ทั้งๆ ที่ร้านนี้อยู่ในซอยลึก แถมยังรับลูกค้าแค่ 7 คนต่อวันเท่านั้น เปิดตัวมาได้เพียง 1 ปี แต่กลับมีลูกค้าโทรจองคิวกันไม่ว่างเว้น จองแต่ละทีก็รอคิวเป็นสัปดาห์ บางทีก็เกือบเดือน!

ภายในร้านอะคาเดะ

ทำไมร้านเล็กๆ ในหมู่บ้าน ถึงหาญกล้าประกาศก้องว่ารับลูกค้าแค่วันละ 7 คน หลายคนคงมองว่าช่างทำผมคนนี้ติสต์รึเปล่า? ซึ่งคุณเอก็ตอบแบบไม่อ้อมค้อมว่า

"ก็ติสต์นะ ติสต์มาก คือการที่รับแค่ 7 คนมันก็พอดี บางวันถ้าอารมณ์ไม่ดีก็ไม่อยากทำอะไรเลย และการตัดผม ถ้าตัดหลายคนจนเหนื่อย คนหลังๆ ที่มา เราก็ทำให้เขาได้ไม่เต็มร้อย แบบนี้ก็ไม่ดีต่อลูกค้า คืองานตัดผมเป็นงานที่ต้องทำมันด้วยความสุข แล้วมันจะออกมาดี ถ้าเราไม่มีความสุขเราก็ไม่อยากทำ เพราะมันจะออกมาไม่ดี

เรื่องของการทำผม เราไม่อยากให้มองว่ามันเป็นแค่งานตัดผม แต่มันคืองานศิลปะ ถ้าเราตั้งใจ ทำให้ลูกค้าจากใจ มันเพิ่มความมั่นใจให้เขาได้ (เหมือนเปลี่ยนชีวิต ?) ใช่ เวลาเขาตื่นมาแล้วเห็นตัวเองดูดีขึ้น เขาจะรู้สึกสดชื่น รู้สึกมั่นใจมากขึ้น"ช่างผมฝีมือดีบอกกับเรา

ขอย้อนกลับไปทำความรู้จัก 'ช่างเอ' จากจุดเริ่มต้นกันสักนิด ช่างเอเริ่มหัดตัดผมมาตั้งแต่อายุ 14 ปี จนตอนนี้ก็เข้าวัย 35 แล้ว เขาเล่าให้ฟังว่าเมื่อก่อนเคยทำงานอยู่กับร้านหรูแบรนด์ดังร้านหนึ่ง ตั้งอยู่บนห้างดังย่านใจกลางกรุงเทพฯ ต่อมาก็รู้สึกว่าการทำงานร้านหรูบนห้างไม่ได้ตอบโจทย์อาชีพช่างทำผมของตัวเอง บวกกับเริ่มอิ่มตัวกับงานตรงนั้น จึงตัดสินใจลาออกมาทำร้านเป็นของตัวเอง

"ซื้อบ้านไว้หลังหนึ่งกับแฟน ตอนแรกกะว่าจะทำเป็นเรือนหอ แต่พอเราเริ่มมีไอเดียว่าอยากทำร้านเอง บวกกับเรามีเพื่อนเป็นคนญี่ปุ่นเยอะ เพื่อนก็บอกว่าทำไมไม่เอาบ้านมาทำร้านทำผมล่ะ ตอนแรกยังไม่มั่นใจแต่ในที่สุดก็ทำ เพราะเราเชื่อว่าถ้าเราเน้นคุณภาพ ตัดดีๆ ต่อให้เราอยู่ไกลแค่ไหนลูกค้าก็ตามมาหาเรา แล้วเมืองไทยตอนนี้กระแสโชเชียลมาแรงมาก เราก็เลยดึงกระแสตรงนี้มาใช้โปรโมตร้านด้วย"

หน้าร้าน

การลองผิดลองถูกครั้งนี้แม้จะเสี่ยง แต่พอมีลูกค้าตามมาตัดถึงที่บ้านก็พิสูจน์ได้ว่าช่างผมคนนี้สามารถยืนด้วยขาตัวเองได้อย่างภาคภูมิ เขาบอกอีกว่า ร้านตัดผมดีๆ ไม่จำเป็นต้องอยู่บนห้างหรู แต่ถ้าช่างมีฝีมือจริงๆ ไปเปิดร้านที่ไหนก็มีลูกค้าได้ไม่ขาดสายเช่นกัน ร้านอะคาเดะอาจจะเป็นตัวอย่างให้ช่างรุ่นใหม่ได้เดินตามรอยก็เป็นได้

"แต่งร้านให้สวยๆ ดูสบายผ่อนคลาย แค่นี้ไปเปิดร้านที่ไหนก็ได้ แล้วต้องฝีมือดีมีคุณภาพ ต้องซื่อสัตย์กับลูกค้า พอลูกค้าเขาเชื่อใจ เขาก็จะมาตัดกับเราตลอด อย่างร้านเราจะเน้นเรื่องรูป กลิ่น เสียง เหล่านี้เราต้องเสิร์ฟให้ลูกค้าพอใจ

รูป คือ ตัวร้านต้องออกแบบตกแต่งภายในให้สวยงาม เห็นแล้วน่าเดินเข้ามาหา เก้าอี้นั่งสบาย เข้ามาแล้วรู้สึกผ่อนคลาย ต่อมาคือเรื่อง กลิ่น เพื่อนคนญี่ปุ่นก็แนะนำว่าให้เลือกใช้น้ำมันหอมระเหยในร้าน เพิ่มความผ่อนคลาย เราก็เลือกใช้พวกกลิ่นไม้หอมต่างๆ ส่วนเรื่อง เสียง ก็ต้องใช้ดนตรีเพราะๆ มาช่วยให้ลูกค้าได้ผ่อนคลายเช่นกัน เน้นเพลงเบาๆ ฟังสบายๆ คือการทำผม ไม่ใช่แค่มาตัดผม แต่เหมือนกับการได้มาพักผ่อนด้วย และเราเน้นความพึงพอใจของลูกค้าเป็นหลัก ไม่มีการเชียร์ผลิตภัณฑ์ทำผม ไม่เชียร์ให้ทำสี ดัด ถ้าลูกค้าอยากทำเขาจะบอกช่างเอง"

บรรยากาศในร้าน

มุมสวยๆ อีกมุม

เอาใจใส่ทุกรายละเอียดขนาดนี้ มิน่าล่ะถึงได้ใจลูกค้าไปเต็มๆ ขนาดว่ามีลูกค้าจากต่างจังหวัดอย่าง เชียงใหม่ หาดใหญ่ โคราช ฯลฯ ก็ยังเดินทางมาตัดกันที่นี่ ขนาดเจ้าของร้านเองยังอึ้งไปเหมือนกันว่าลูกค้าตามมาเจอได้ขนาดนี้ ส่วนหนึ่งคุณเอมองว่าอาจเป็นเพราะพฤติกรรมของลูกค้าเปลี่ยนไป

"เดี๋ยวนี้เขาไม่ได้เดินหาร้านแล้วสุ่มเข้าไปตัดนะ แต่เขาจะเสิร์ชหาข้อมูลก่อนว่าช่างคนไหนตัดดี ร้านไหนถนัดทรงผมสั้น ร้านไหนถนัดทรงผมยาว แล้วลูกค้าบอกกันปากต่อปาก ตรงนี้ก็รู้สึกว่าเราโชคดีมากที่มีลูกค้าเดินทางมาหาเราเยอะ แล้วก็ช่วยเผยแพร่ร้านเราไปในโลกออนไลน์ด้วย ก็รู้สึกดีมาก คือเห็นแล้วว่าถ้าเราตั้งใจจะทำอะไรจริงๆ ทำในสิ่งที่ดีมีคุณภาพ ลูกค้าเขาเชื่อใจ เขามาหาเรา"

สิ่งที่หลายคนอยากรู้เป็นลำดับถัดมา คงจะเป็นสไตล์การตัดผมของทางร้าน ซึ่งช่างเอบอกว่า ที่ร้านเน้นทรงผมสั้นสไตล์ญี่ปุ่น ช่างจะถนัดเป็นพิเศษ (แต่ผมยาวก็ทำให้ได้เช่นกัน) ส่วนรูปแบบการตัดจะเน้นตัดให้ผมดูหนา มีวอลลุ่ม เสริมให้ผมสปริงตัว และออกแบบผมให้เข้ากับรูปหน้า บวกกับการซอยผมให้ลูกค้าเซตเองได้ง่ายๆ ที่บ้าน

ลูกค้ามาทำผมแบบสบาย ผ่อนคลาย

บรรยากาศในร้าน

ส่วนราคาตัดผมเริ่มต้นที่ 700 บาท ทำสีราคาอยู่ที่ 2,000 - 4,500 (ไม่รวมค่าตัด) ส่วนดัดผมราคาอยู่ที่ 2,000 - 4,700 (ไม่รวมค่าตัด) เจ้าของร้านแอบกระซิบว่ารายได้ต่อเดือนตกอยู่ที่ประมาณ 3 แสนบาทเลยทีเดียว ว้าว!

"กลุ่มลูกค้าร้านเราเป็นกลุ่มวัยทำงานและวัยผู้ใหญ่ เขาต้องการทรงผมที่ดูเนี้ยบดูดี ราคานี้ลูกค้าเรายินดีจ่ายเพราะเขาได้ทรงผมตามที่เขาตั้งใจ เรารับ 7 คนต่อวัน ก็ทำให้เราอยู่ได้ คือลูกค้าอาจจะไม่ได้มาตัดผมอย่างเดียว แต่เขาจะมีทำสี ดัด ทำทรีตเมนต์ ซึ่งมันต้องใช้เวลา ฉะนั้นจึงต้องมีการโทรจองคิวก่อน อย่างการตัดผมก็ต้องมีรายละเอียดในการตัดแต่ละทรงค่อนข้างมาก และต้องใช้เวลาทรงละประมาณ 40 นาทีขึ้นไป

ขณะสระผมให้ลูกค้า

ต่อให้ช่างเก่งแค่ไหนก็ไม่สามารถตัดผมได้ในระยะเวลาสั้นๆ ถ้าอยากให้ทรงผมออกมาดีจริง ต้องใช้เวลา ต้องพิถีพิถันมากๆ อย่างช่างต่างประเทศ ไม่มีการตัดผมให้เสร็จเร็วๆ นะ เขาตัดช้ามาก เพราะว่าเขาอยากได้งานที่เนี้ยบ มันคืองานฝีมืออย่างหนึ่ง และทรงผมนั้นมันจะอยู่กับลูกค้าไปอีก 3 เดือน"

ช่างเอบอกอีกว่า แม้จะติสต์แต่ก็ไม่ได้ติสต์แตก เป็นช่างตัดผมติสต์ได้แต่ต้องมีขอบเขต เพราะสิ่งสำคัญที่ต้องมาคู่กันคือการบริการที่ดีต่อลูกค้า

เป็นช่างตัดผมติสต์ได้แต่อย่าติสต์แตก

"ไม่ใช่เก่งแล้วจะติสต์ยังไงก็ได้ แต่ต้องมีคำว่าบริการเข้ามาด้วย บางคนติสต์แตกพอลูกค้าเรื่องมากก็จะไม่ทำให้ คือเข้าใจว่าช่างตัดผมก็คือศิลปินแต่ก็ต้องเข้าใจด้วยว่าอาชีพนี้ต้องบริการลูกค้าให้เขาพึงพอใจสูงสุด ถ้าไม่ใส่ใจโอกาสที่จะเสียลูกค้าไปก็มีมาก"

สำหรับในอนาคต ถ้าเป็นไปได้ช่างเอก็อยากให้ร้านของเขาเป็นแบบอย่างให้กับช่างผมหน้าใหม่ๆ ที่ไม่ต้องไปยึดติด หรือไปแข่งขันกันบนห้าง หรือทำร้านใหญ่ๆ ริมถนนสายหลัก แต่อยากให้ปฏิวัติแนวคิดของวงการร้านทำผมเมืองไทยให้เหมือนในต่างประเทศ คือ สามารถเปิดร้านอยู่ที่ไหนก็ได้ และอยากให้แต่ละร้านมีสไตล์ของตัวเองชัดเจน

"ช่างตัดผมเหมือนคนทำอาหาร ทุกคนมีสูตรเป็นของตัวเอง ช่างทุกคนมีความถนัดของตัวเอง ไม่มีช่างคนไหนที่เก่งไปทุกเรื่อง หรือเก่งทรงผมทุกแบบ ช่างแต่ละคนมีสไตล์เป็นของตัวเอง ช่างบางคนเก่งผมยาว บางคนเก่งผมสั้น บางคนเก่งทำสี แล้วเราไปบอกลูกค้าไม่ได้หรอกว่า เธอต้องทำที่ร้านฉันเท่านั้น ห้ามไปตัดร้านอื่น บางทีลูกค้าเขาเบื่อ เหมือนเขากินแต่ข้าวมันไก่ เขาเปลี่ยนไปกินก๋วยเตี๋ยวบ้างไม่ได้เหรอ แล้วถ้าเขาไปกินร้านอื่น เราไปว่าเขาไม่ได้นะ เราต้องใจกว้าง เราก็แค่บริการของเราให้ดีที่สุด เวลาลูกค้าเข้ามาเราก็ยิ้มต้อนรับ และพร้อมให้บริการลูกค้าตลอด นี่แหละจะเป็นสิ่งที่ช่วยเชิดชูวงการช่างตัดผมในเมืองไทยให้ยกระดับขึ้น"

ลงมือผสมสีทำผมด้วยตัวเอง

ทรงผมต่างๆ ที่เคยออกแบบและตัดให้ลูกค้า

ขณะสระผมให้ลูกค้า

นอกจากนี้ ยังอยากต่อยอดเปิดคอร์สสอนตัดผมให้ช่างรุ่นใหม่ๆ อีกด้วย แถมท้ายไอเดียว่าอยากให้ทางการเข้ามาดูแลวงการร้านทำผมเพิ่มเติม เหมือนที่ผลักดันและพัฒนาวงการอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและวงการแฟชั่นไทย ที่ตอนนี้มีชื่อเสียงโด่งดังจนคนจากทั่วโลกรู้จัก จึงอยากเห็นภาพนี้เกิดขึ้นกับวงการร้านทำผมเมืองไทยด้วยเช่นกัน ช่างทำผมไทยจะได้สามารถโกอินเตอร์และสร้างชื่อเสียงให้ประเทศได้ไม่น้อยไปกว่าวงการอื่นๆ เลย

เป็นช่างทำผมที่นอกจากจะฝีมือดีแล้ว ยังมีวิสัยทัศน์ดีอีกด้วย ว่ามั้ยล่ะ?

เอ รัฐพักตร์ บัณฑิตฉาย แฮร์สไตลิสต์แห่ง AKADE Hair Salon

รับรองได้ทรงผมถูกใจครับ

*ล้อมกรอบ*
พิกัดร้าน AKADE Hair Salon

ตั้งอยู่ที่ 32/6 หมู่บ้านไพร์ม เกษตร-นวมินทร์ ซ.ประเสริฐมนูกิจ 22 (ซ.สุคนธสวัสดิ์ 11) แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติม หรือเลือกทรงผมก่อนก็ได้ในเพจเฟซบุ๊กของทางร้านที่AKADEHairSalon 

 

ขอขอบคุณที่มา  ไทยรัฐออนไลน์

 

.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X