สภากาชาดฯ ประกาศวิกฤตหนักขาดเลือด ปชช.รู้ข่าวแห่ร่วมบริจาค
2015-03-02 12:42:17
Advertisement
คลิก!!!
เมื่อวันที่ 1 มี.ค. พญ.สร้อยสอางค์ พิกุลสด ผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย กล่าวถึงกรณีการประกาศ ว่า "เลือดช็อตหมดสต๊อก วิกฤติหนักขาดแคลนทั่วประเทศ" ผ่านทางสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆนั้น ว่า เป็นเรื่องจริงที่ขณะนี้สภากาชาดกำลังขาดแคลนเลือดอย่างมาก โดยมีโรงพยาบาลที่รอเลือดจากสภากาชาดไทยกว่า 100 โรงพยาบาล และครั้งนี้ถือว่าเป็นวิกฤตหนักอีกครั้งในรอบ 1-2 ปีที่ผ่านมา หากสภากาชาด ไม่ประกาศว่าขาดแคลนหนักก็เชื่อว่าจะแย่อย่างแน่นอน โดยปริมาณความต้องการของเลือดที่โรงพยาบาลทั่วประเทศต้องการนั้น มีความคงที่ ในขณะที่ปริมาณเลือดที่ประชาชนมาบริจาคนั้นจะขึ้นๆ ลงๆ และต้องกระตุ้นให้คนมาบริจาคอยู่เสมอๆ โดยเกณฑ์เลือดสำรองไว้อยู่ที่ 3 วัน หรือ 5,000 ยูนิต แต่ช่วงที่ผ่านมามีเลือดเพียง 1,600 ยูนิต ในขณะนี้ความต้องการของโรงพยาบาลยังอยู่ในอัตราคงที่ ทำให้ผู้ป่วยบางส่วนต้องใช้เวลาในการรอเลือด ทำให้เสียโอกาสในการรักษา การหายขาดช้าลง 
 

 
 
 ทั้งนี้ จากที่ได้ประกาศไปว่าสภากาชาดขาดแคลนเลือด ก็มีประชาชนร่วมเข้ามาบริจาคจำนวนมากขึ้น เช่น ที่สภากาชาดไทย ถนนอังรีดูนังค์ เมื่อวันที่ 28 ก.พ. ที่ผ่านมา มีประชาชนมาบริจาคจำนวนมากจนต้องขยายเวลาให้บริการจากที่ปิดในเวลา 15.00 เป็นเวลา 19.00 น. โดยได้รับเลือดจำนวน 1,711 ยูนิต ซึ่งทำให้สภากาชาด เร่งนำเลือดให้โรงพยาบาลที่รอเลือดอยู่ได้ 
 

 
 
 “สถานการณ์ที่ผ่านมา สภากาชาด มีเลือดใช้เพียงวันต่อวันเท่านั้น ซึ่งโรงพยาบาลต้องมารับเลือดจากสภากาชาดตลอดเวลา เพราะไม่สามารถหาอัตราสำรองให้ได้ และเลือดเป็นสิ่งที่รอคนมาบริจาคให้ไม่ใช่สิ่งที่ซื้อขาย ส่วนค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในการที่ผู้ป่วยต้องจ่ายค่าเลือด ก็เป็นค่าถุงและค่าตรวจเชื้อเท่านั้น ส่วนเลือดที่ได้มาเป็นของประชาชนที่บริจาคให้ สภากาชาดจึงไม่สามารถให้เลือดแก่โรงพยาบาลไปสำรองได้ โดยความต้องการเลือดนั้นจะมีอัตราคงที่อยู่ที่ 1,500-2,000 ยูนิต แต่อัตราการบริจาคเลือดจะขึ้นๆลงๆ โดย 1 คนที่น้ำหนัก 45 กิโลกรัมขึ้นไปจะสามารถบริจาคได้ประมาณ 350 ซีซี” พญ.สร้อยสอางค์ กล่าว 
 

 
 
 พญ.สร้อยสอางค์ กล่าวว่า สถานการณ์ความขาดแคลนเลือดของสภากาชาดนั้น เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยที่สภากาชาดพยายามตั้งหน่วยบริจาคและกระตุ้นประชาชนให้มาบริจาคเลือดในเทศกาลต่างๆ เช่น วันวาเลนไทน์ วันมาฆบูชา หรือตรุษจีน เพื่อให้คนทำดีด้วยการให้ที่ไม่หวังผลตอบแทน ซึ่งจะมีการกระตุ้นในรูปแบบนี้ตลอดเวลา เพื่อเพิ่มอัตราการบริจาคเลือดของประชาชนให้เพิ่มขึ้น โดยสภากาชาด มีหน่วยรับบริจาคเลือดหมุนเวียนไปตามโรงเรียนต่างๆ เช่น ในช่วงปิดเทอมก็จะมีการหมุนเวียนไปตามโรงงาน ห้างร้าน บริษัทองค์กรต่างๆ แทน เพื่อเพิ่มอัตราเลือดทดแทนในกลุ่มโรงเรียน โดยสภากาชาดยังมีโรงพยาบาลประจำจังหวัดทุกจังหวัดเป็นศูนย์รับเลือดของสภากาชาดไทยด้วย แต่พบว่าพฤติกรรมของประชาชนจะคล้ายๆ กันคือ จะเห็นความสำคัญของการบริจาคเลือดต่อเมื่อมีญาติพี่น้องเจ็บป่วย หรือ ทราบว่าสภากาชาดกำลังขาดแคลนเลือดอย่างมาก ก็จะมีประชาชนเข้ามาบริจาคเพิ่มขึ้น ซึ่งสภากาชาดยังต้องรณรงค์และกระตุ้นให้ประชาชนมาบริจาคเลือดในมากขึ้น เช่น ในวันเกิดหรือวันสำคัญ เพื่อเพิ่มอัตราการบริจาคเลือดให้มากขึ้น
 
 พญ.สร้อยสอางค์ กล่าวว่า หลังจากมีข่าวว่าสภากาชาดขาดแคลนเลือดนั้น มีการกล่าวหาว่าสภากาชาด นำเลือดไปขายให้กับประเทศอื่น อยากขอยืนยันว่า เลือดที่คนไทยบริจาคนั้น การใช้แค่ภายในประเทศก็แทบจะไม่เพียงพอแล้ว และส่วนใหญ่เลือดจะเป็นเวชภัณฑ์ที่ใช้ภายในประเทศนั้นๆ ไม่ค่อยมีการข้ามประเทศกัน ยกเว้นหมู่เลือดที่หายาก ประเทศไทยก็เคยขอบริจาคจากประเทศอินเดียในบางครั้ง นอกจากนี้ ยังมีการกล่าวว่าความขาดแคลนเลือดเป็นเพราะสภากาชาดเลือกข้างทางการเมืองนั้น อยากยืนยันว่า สภากาชาดเป็นองค์กรที่มีความเป็นกลาง และการนำตราสัญลักษณ์ของสภากาชาดไปใช้ในทางการเมืองที่ผ่านมา ทางสภากาชาดก็ได้ทำหนังสือท้วงติงไปแล้ว ว่า เครื่องหมายของสภากาชาดนั้นใช้อย่างไร ซึ่งสภากาชาดไม่สามารถห้ามให้ใครหรือกลุ่มไหนบริจาคหรือไม่บริจาคได้ สภากาชาดยินดีรับเลือดของทุกคนที่มีร่างกายแข็งแรง มีเกณฑ์ผ่านตามที่กำหนดไว้ในเรื่องของสุขภาพ จึงอยากขอไม่ให้นำสภากาชาดเกี่ยวข้องกับเรื่องของการเมือง เพราะการช่วยเหลือคนเป็นเรื่องสำคัญที่สุดและเป็นหน้าที่หลักของสภากาชาด 
 
 ล่าสุดวันนี้ก็มีประชาชนที่ทราบข่าวการขาดแคลนเลือดของสภากาชาดไทยได้เดินทางมาขอบริจาคโลหิตกันจำนวนมาก อย่างต่อเนื่องจนแน่นสภากาชาดฯ 
 
 
ขอขอบคุณที่มา  ข่าวสดออนไลน์
 
 
.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X