"ฟอร์ด สบชัย" รุดให้ปากคำ กรณีอาร์เอสฟ้องละเมิดลิขสิทธิ์ หลังร้องเพลง "หยุดตรงนี้ที่เธอ" ที่ตัวเองเคยร้องออกอัลบั้ม ในงานแต่งงานเพื่อนสนิท นักร้องดังยืนยันถูกเชิญขึ้นร้องเป็นของขวัญ ไม่ได้ค่าตอบแทน ด้านผอ.ธุรกิจเพลงอาร์เอสแจง ไม่ได้ฟ้องนักร้อง แต่ฟ้องห้องจัดเลี้ยงที่ไม่ยอมจ่ายค่าลิขสิทธิ์

จากกรณีบริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เข้าร้องทุกข์กับตำรวจปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ) ต่อการละเมิดลิขสิทธิ์โดยนำเพลง "หยุดตรงนี้ที่เธอ" ของบริษัทไปร้องในงานแต่งงาน โดย "ฟอร์ด"สบชัย ไกรยูรเสน นักร้องชื่อดัง ที่เป็นผู้ร้องเพลงนี้ในอัลบั้ม ออลมายเลิฟ เมื่อปี 2542 ได้ร้องเพลงหยุดตรงนี้ที่เธอ ในงานแต่งงานดังกล่าว เมื่อวันที่ 30 ส.ค. 2557 ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 29 ม.ค. "ฟอร์ด"สบชัย ไกรยูรเสน เดินทางมาที่บก.ปอศ. เข้าพบกับพล.ต.ต.ชวลิต แสวงพืชน์ รรท.ผบก.ปอศ. เพื่อให้ปากคำกรณีถูกเชิญไปร้องเพลงในงานแต่งงานของเพื่อนสนิท จนกลายเป็นกรณีฟ้องร้องว่าได้รับค่าตอบแทน และไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ ทำให้อาร์เอสได้รับความเสียหาย

"ฟอร์ด"สบชัย กล่าวว่า ได้รับเชิญให้ไปร่วมงาน และผู้เชิญเป็นเพื่อนสนิทได้เชิญ ให้ร้องเพลงเพื่อเป็นของขวัญงานแต่งงาน และได้ร้องเพลงดังกล่าวจริง แต่ไม่ได้รับค่าตอบแทน

"ผมได้รับเชิญจากเพื่อนสนิทไปร่วมแสดงความยินดี และร้องเพลงเป็นเกียรติและเป็นของขวัญวันแต่งงานเท่านั้น ซึ่งผมก็ไม่ทราบว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ของทางอาร์เอส แต่อย่างใดเลย โดยที่มาวันนี้เนื่องจากถูกเชิญมาให้ปากคำว่าข้อเท็จจริงเป็นยังไงกับเรื่องดังกล่าว"

พล.ต.ต.ชวลิตกล่าวว่า เบื้องต้นจะเชิญตัว ผู้จัดงานและเจ้าของสถานที่ เข้ามาให้ปากคำว่าใครเป็นผู้ว่าจ้าง และได้รู้จักกับฟอร์ดเป็นการส่วนตัวหรือไม่ เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติม เช่นเดียวกับทางบริษัทอาร์เอส ก็ส่งเรื่องให้กับพนักงานสอบสวนรับไปดำเนินการสอบ สวนตามกระบวนการกฎหมาย ถูกผิดว่าไปตามพยานหลักฐาน

ด้านเณร-ศุภชัย นิลวรรณ กก.ผอ.ธุรกิจเพลง บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) ชี้แจงถึงเรื่องลิขสิทธิ์เพลงของฟอร์ดที่กำลังมีปัญหาว่าเรื่องหลักเกณฑ์ของลิขสิทธิ์ค่อนข้างชัดเจนอยู่แล้ว อาจจะมีขลุกขลักบ้างในส่วนของการปฏิบัติ บวกกับการสื่อสาร ความจริงเป็นอย่าง ข่าวสื่อสารเป็นอีกอย่าง พอเกิดทัศนคติแบบนี้ค่ายเพลงก็ดูไม่ดี เลือกปฏิบัติหรือเปล่า

"แต่จริงๆ ไม่ใช่ มันไม่ใช่เรื่องของเรากับนักร้อง เราโฟกัสไปที่สถานประกอบการ ห้องจัดเลี้ยงงานต่างๆ ซึ่งคนพวกนี้ต้องเสียค่าลิขสิทธิ์อยู่แล้ว เหมือนจ่ายค่าน้ำค่าไฟ เพลงที่เขานำไปใช้ก็ต้องจ่าย ที่มีปัญหาคือว่าเราทำหนังสือไปแล้ว 2-3 ครั้ง ให้ความรู้ไปแล้ว แจ้งเตือนแล้วก็ยังเพิกเฉย พอนำเพลงในส่วนของอาร์เอสไปร้องมันก็ผิดระเบียบ เราก็เลยดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ แล้วเจ้าหน้าที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ก็ต้องการพยานหลักฐาน เลยทำหนังสือแจ้งไปทางคุณฟอร์ด พอหนังสือถูกเผยแพร่ออกมาคนไม่ทราบข้อเท็จจริงเดิม อาจจะมองว่าค่ายเพลงไปฟ้องฟอร์ดหรือเปล่า ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ใช่" เณร-ศุภชัยกล่าว

เมื่อถามว่าคนมองอาร์เอสทำเกินกว่าเหตุ เณร-ศุภชัยชี้แจงว่า นั่นเป็นสิ่งที่คนมอง แต่นี่คือสิ่งที่สากลทำกัน ที่ผ่านมาคนไทยอาจจะไม่คุ้นเคยเรื่องการจ่ายค่าลิขสิทธิ์ การตลาดถูกแสนถูกยังไงก็แล้วแต่ก็ยังรู้สึกแพงอยู่ดีตามประสา ตามห้องจัดเลี้ยงแกรนด์บอลรูม จ่ายค่าลิขสิทธิ์ปีละแค่หมื่นกว่าบาทให้กับอาร์เอส มีกี่เพลงก็ร้องไป

"หมื่นกว่าบาทกับธุรกิจใหญ่โตผมว่ามันโอเคนะ แต่เมื่อเขาไม่เคยจ่ายก็รู้สึกว่ามันยังแพงอยู่ดี ก็ไม่อยากจ่าย ก็ต้องค่อยๆ ใช้เวลาสื่อสารให้เข้าใจ เรากังวลเหมือนกันนะว่าภาพที่ออกมาประชาชนจะมองอาร์เอสในแง่ลบหรือเปล่า แต่ทุกอย่างที่เราทำ อยู่บนหลักการที่ถูกต้องทั้งหมด ข้อเท็จจริงที่รับทราบกัน อาจจะมีขาดตกบกพร่องไปในบางมุม" เณร- ศุภชัยกล่าว

กก.ผอ.ธุรกิจเพลง กล่าวอีกว่า นักร้องทุกคนโดยหลักการแล้วเขาจ่ายค่าลิขสิทธิ์ทุกคน แม้กระทั่งนักร้องปัจจุบันในอาร์เอสเอง แต่เก็บในรูปแบบของสัญญาที่หักจากนักร้องอยู่แล้ว 30 เปอร์เซ็นต์ มันครอบคลุมหมดในเรื่องของลิขสิทธิ์เพลงด้วย ถ้าวันหนึ่งไม่ได้สังกัดอาร์เอส เอาเพลงไปใช้เขาก็ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ เพราะอาร์เอสต้องจ่ายให้ทีมงานคนอื่นๆ ทุกอย่างมีค่าใช้จ่าย เพียงแต่ว่าคนทั่วไปเข้าใจว่านักร้องไม่ได้จ่ายอะไร แต่จริงๆ แล้วนักร้องก็ต้องจ่าย ออกไปร้องโชว์ตามงานก็เก็บมาให้นักแต่งเพลง หักเงินนักร้องมาแบ่งให้ให้นักแต่งเพลง 10 เปอร์เซ็นต์ เรื่องพวกนี้มันยิบย่อยมาก

เณร-ศุภชัยกล่าวด้วยว่า สำหรับโชว์ของนักร้องอาร์สยาม เก็บนักร้อง 10 เปอร์เซ็นต์ให้ทีมงานและคนทำเพลง สมมติค่าตัว "ใบเตย อาร์สยาม" 2 แสนบาท ก็หัก 2 หมื่นบาทเข้าทีมงานต่อโชว์ 1 ครั้ง เพื่อเป็นค่าดำเนินการตรงนี้ ก็ต้องเข้าใจธุรกิจตรงนี้ด้วย

"ตัวผมเองต้องการให้มันวินวินกับทุกฝ่าย ผมพยายามจะจัดสรรเรื่องของผลประโยชน์ให้ทุกฝ่ายกับธุรกิจเพลงที่มันเกิดขึ้น วันนี้เราพยายามจัดระเบียบมันอยู่ ผมไม่เชื่อเรื่องการเอาเปรียบใครแล้วเจริญ มันทำอะไรได้ไม่ไกล ฉะนั้นเราจึงพยายามจัดสรรทุกอย่างให้ลงตัว แต่ถ้าเกิดปัญหาทางเราพร้อมชี้แจงให้เข้าใจอยู่แล้ว เราทำธุรกิจเพลงเราต้องการลูกค้า ไม่ได้ไล่ลูกค้า" เณร-ศุภชัยกล่าว

เมื่อถามว่า ฟอร์ด สบชัย ได้ค่าลิขสิทธิ์เพลงหรือไม่ เณร-ศุภชัยกล่าวว่า ลิขสิทธิ์เพลงก็เหมือนบ้าน คนสร้างอาจไม่ใช่เจ้าของ ถ้าเพลงไหนเขาแต่งเองแล้วขายเพลงให้เป็นลิขสิทธิ์ของบริษัท บริษัทก็เป็นเจ้าของ เวลาใครเอาไปเพลงของเขาไปเล่น บริษัทก็แบ่งค่าลิขสิทธิ์เพลงให้เป็นครั้งๆ ไป แต่ลิขสิทธิ์เพลงของคุณฟอร์ดเป็นยุคแรกๆ ที่ยังไม่มีอะไรแบบนี้

เณร-ศุภชัยกล่าวด้วยว่า ส่วนราคาของโชว์ก็เป็นเรื่องของตลาด ถ้าสูงมากไปคงไม่มีคนจ้าง ตลาดจะเป็นคนกำหนดราคาอยู่แล้ว ถ้ากำหนดราคาแล้วไม่มีคนซื้อโชว์ จะมีประโยชน์ อะไร ตลาดจะเป็นตัวกำหนด ขอยืนยัน อาร์เอสไม่เอาเปรียบศิลปินนักแต่งเพลงแน่นอน บริษัทให้ความยุติธรรมกับทุกฝ่าย อันนี้เป็นสิ่งที่ชัดเจนมากและชัดเจนมานานแล้ว