นายกฯ ไม่ห่วงสถานการณ์หลังถอดถอน “ปู” ชี้เป็นไปตามกฎหมาย-ไม่ได้เอาประเทศลงทุนไล่ล่า
2015-01-26 12:47:52
Advertisement
คลิก!!!
เมื่อเวลา 10.10 น.วันที่ 26 ม.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์หลังจากที่หลายฝ่ายเป็นห่วงสถานการณ์ทางการเมืองที่อาจเกิดความวุ่นวายขึ้นภายหลังที่สนช.มีมติถอดถอนนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า ไม่ห่วงทุกคนต้องเข้าใจว่าทุกอย่างเป็นไปตามกติกาและกฎหมาย "อย่าไปเขียนว่าเป็นการไปไล่ล่าใคร อย่าลงทุนกันมากขนาดนั้นเลย ไม่ได้ต้องการไปไล่ล่าใครเป็นกรณีพิเศษ แล้วต้องใช้ประเทศทั้งประเทศ หรือประชาชนทั้งประเทศมาต่อสู้กันนั้น ผมว่ามันไม่ใช่ ผมคงไม่ไปลงทุนขนาดนั้น ทุกอย่างก็ต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย กติกาและกฎหมายว่าอย่างไร ถ้ามันทำไม่ได้ก็คือทำไม่ได้อะไรทำได้ก็ทำได้"
เมื่อถามว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ได้มีการติดต่อมาบ้างหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวปฏิเสธว่า ไม่มีการติดต่อ เขาจะติดต่อมาเรื่องอะไร ยืนยันว่าไม่มีการโทรศัพท์มาพูดคุยหรือติดต่ออะไรมาทั้งนั้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากช่วงนี้นางสาวยิ่งลักษณ์จะขออนุญาต คสช.เพื่อเดินทางไปต่างประเทศทำได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องถามกระบวนการยุติธรรมเขาก่อนว่าจะว่าอย่างไร ปกติการจะห้ามคนเดินทางไปไหนมาไหนต้องใช้กฎหมายไม่ใช่อะไรก็จะถาม คสช.ฝ่ายเดียว วันนี้ต้องถามว่าฝ่ายกฎหมายว่าอย่างไร มีความผิดแล้วหรือยัง
เมื่อถามต่อว่า หากขั้นตอนของกฎหมายไม่มีข้อบัญญัติห้าม ก็มีสิทธิที่จะเดินทางไปต่างประเทศใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ถ้ายังไม่มีการห้ามมา ก็ต้องมาดูว่า วันนี้ยังอยู่ในกระบวนการการต่อสู้หรือเปล่า วันนี้ในเรื่องการถอดถอนจากตำแหน่งเป็นเรื่องของคดีทางการเมือง ซึ่งก็เหมือนทุกครั้ง ในส่วนคดีการถอดถอนมันไม่ได้มีคดีอาญาไม่ใช่หรือ
เมื่อถามว่า หากมองภาพกว้างของสถานการณ์ที่เกิดขึ้น จะส่งผลกระทบต่อการปรองดองหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวปฏิเสธว่า ไม่กระทบ "ผมบอกแล้วว่าให้แยกเรื่องออกจากกันว่า อะไรคือการสร้างความปรองดอง อะไรคือคดีความทางกฎหมาย ผมบอกแล้วไงว่า เราอย่าลงทุนประเทศทั้งประเทศกันเลย บางอย่างขอให้เป็นไปตามกระบวนการต่อสู้ ซึ่งทุกคนก็ต้องยอมรับในกติกา ถ้าทุกคนไม่ยอมรับกติกา ทุกอย่างก็จะกลับไปเป็นเหมือนเดิม กลับไปที่เก่า ผมเคยบอกแล้วว่าถ้าไม่ได้ทำอะไรให้เกิดปัญหา ไม่มีเรื่องเกิดขึ้น ก็จะไม่ต้องเข้าสู่กระบวนการ แต่เมื่อมันมีปัญหาเกิดขึ้นมา ทุกอย่างก็ต้องเข้าสู่กระบวนการ ทุกคนก็ต้องเคารพเมื่อตัดสินอย่างไรก็ต้องว่าไปตามนั้น วันนี้ไม่มีสภา มีแต่ สนช.และสปช.ซึ่ง สนช.ก็ต้องทำงานแทนสภา ก่อนหน้านี้ก็ใช่สภาเป็นที่ถอดถอนไม่ใช่หรือ ถ้าจะบอกว่าสภานี้ไม่ได้รับการเลือกตั้งมา แต่สนช. เป็นของรัฐบาลนี้ ซึ่งเป็นรัฐบาลในวาระพิเศษ ทำหน้าที่แทนรัฐบาลจริง เมื่อแต่งตั้ง สนช.ขึ้นมา เขาก็ต้องทำงานและสมาชิกที่อยู่ในสนช.ก็ไม่ใช่พวกผม ไม่ได้คัดมาเพราะพวกผม แต่คัดมาด้วยคุณสมบัติและความเหมาะสม เพียงแต่ต้องมีทหารและข้าราชการอื่นๆ เข้ามาด้วยและการตัดสินก็เป็นไปตามกระบวนการและวิจารณญาณของเขา ขึ้นอยู่กับการชี้แจงและการตอบคำถาม ผมออกมาอย่างไรก็เป็นอย่างยั้น ถ้ามันไม่ผิดก็คือไม่ผิดจะไปสั่งอะไรเขาได้ ผมไม่ได้ตั้งขึ้นมาเพื่อใช้ไปไล่ล่า ฆ่าฟันใคร เพียงแต่ตั้งขึ้นมาเพื่อแทนสภาเพราะยังมีกฎหมายอีกมากที่ริผ่านการพิจารณา"
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีข้อเท็จจริงอย่างไร เพราะขณะนี้มีกระแสข่าวว่า ถ้ามีการเคลื่อนไหวอย่างใดอย่างหนึ่ง จะมีการใช้กฎอัยการศึกเข้าไปดำเนินการ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า "ไม่ใช่เช่นนั้น เพียงแต่ไม่ว่าใครทั้งนั้น จะออกมาเคลื่อนไหวใดๆ ไม่ได้ ไม่ใช่เฉพาะเรื่องนี้เท่านั้น อันนี้เราต้องการความสงบสุขเรียบร้อย ประชาชนก็เรียกร้องว่าขอให้บ้านเมืองมีความสงบสุข ดังนั้น ไม่ว่าใครก็ออกมาเคลื่อนไหวไม่ได้ ไม่ใช่เฉพาะเรื่องคดีการถอดถอนเท่านั้น ทุกคณะจะออกมาเคลื่อนไหวใดๆ ไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม"
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงผู้แทนประเทศสหรัฐอเมริกาที่เดินทางเข้าพบพล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศว่า เป็นการมาเพื่อเรื่องทั่วๆ ไปและเท่าที่ทราบเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทยก็จะเดินทางมาประจำในเดือนก.พ. ก็เป็นเรื่องธรรมดาอย่าเอาไปพันกันกับคดีการถอดถอนอดีตนายกรัฐมนตรีเลย ในเตื่องที่ผู้แทนสหรัฐเดินทางมาก็เป็นการติดตามสถานการณ์ต่างๆ เราก็จะถือโอกาสได้ชี้แจงว่าเรามีพัฒนาการไปถึงไหนแล้ว ปัญหาอยู่ที่ไหน สหรัฐเขาไม่ได้มาดูเรื่องการตัดสินคดีของอดีตนายกรัฐมนตรี
เมื่อถามว่า แต่ทางสหรัฐเลือกจังหวะพอดีกับการถอดถอนอดีตนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็เป็นเรื่องของเขาก็เหมือนกันเรา สื่ออย่าไปวิเคราะห์ไปต่างๆ นานา สื่อก็ชอบวิเคราะห์และคิดเอง สหรัฐจะมาช่วงไหนก็เป็นเรื่องของเขา เราจะไปไหนก็เป็นเรื่องของเรา ทำไมจะต้องเอามาพันกัน เมื่อถามว่ามีการติดต่อมาพบนายกรัฐมนตรีบ้างหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่างย้อนถามว่า "เขาจะมาพบผมทำไม เขาไม่พบผมเพราะเขาก็รู้อยู่ว่าผมมาอย่างไร การเมืองก็คือการเมือง การเศรษฐกิจเขาก็มีการค้าขายกับเรา การฝึกร่วมรบก็ยังฝึกกับเรา เขาแยกแยะออกจากกัน แต่เรายังเอาหลายเรื่องมารวมกันอยู่เลย วันนี้หลายประเทศก็ยังค้าขายกับเราอย่างปกติ ประเทศที่ต่อต้านเราไม่เห็นชอบกับเรา แต่ก็ยังค้าขายกับเราได้"
ผู้สื่อข่าวถามว่า แต่ผู้แทนสหรัฐได้มีกำหนดในการพบนางสาวยิ่งลักษณ์ด้วย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็เป็นเรื่องของเขา เขาก็มีสิทธิที่จะพบ ซึ่งเขาต้องรู้ว่าเขาต้องทำอย่างไรก็แล้วแต่เขา เราก็ไม่ได้ไปห้ามปรามอะไรเขา "เพียงแต่ผมข้อร้องว่าอย่าไปเขียนว่าสิ่งที่ทำวันนี้เพื่อจะไปไล่ล่าอดีตนายกฯทุกคนมันไม่ใช่ ผมยืนยันอีกครั้งว่าเราทำเพื่อขับเคลื่อนประเทศ ผมบอกมาหลายครั้งแล้วว่าการที่เราออกมาควบคุมอำนาจนั้น เราไม่ได้ยึดอำนาจจากรัฐบาลที่มีอำนาจเต็ม ต้องเข้าใจว่าในช่วงนั้นบริหารงานไม่ได้เลย งบประมาณก็ใช้ไม่ได้ นั่นคือความจำเป็นที่เราต้องออกมา ทำให้คดีความและเรื่องต่างๆ ที่ติดขัดเดินต่อไปได้ นี่คือจุดมุ่งหวังของตนโดยให้ทุกคนดำเนินการไปตามปกติ ผมไม่ได้ไล่ล่าใคร ถ้าไล่ล่าก็ต้องตั้ง คตส. ตั้งอะไรอีกเยอะแยะ ซึ่งมันเร็ว แต่มันจะจบหรือไม่ แต่ขณะนี้ก็ต่อสู้กันไปถ้าอยากจะต่อสู้ก็ต่อสู้ เราให้ความเป็นธรรมกับทุกคนและทุกฝ่าย สื่อก็อย่าเขียนเอาทุกอย่างมาพันกันหมด ผมอยากจะมาขอร้อง"
เมื่อถามว่า นอกจากประเด็นการเมืองที่รัฐบาลต้องการชี้แจง ยังมีประเด็นอื่นหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าก็เป็นเรื่องของความก้าวหน้าต่างๆ ทั้งเรื่องการเตรียมการ การแก้ปัญหาเรื่องการค้ามนุษย์ เรื่องประมง เพื่อชี้แจงให้ทราบว่าขณะที่เรามีปัญหาอย่างนี้ เราจะมีการเดินน้าประเทศอย่างไร ในส่วนของกระบวนการประชาธิปไตยก็กำลังเดืนหน้าอยู่ รวมทั้งการเตรียมการเลือกตั้ง การร่างรัฐธรรมนูญก็ต้องอธิบายพื่อให้เขารู้พวกเราทุกคนก็ต้องช่วยกันอธิบายว่าอะไรคือเหตุผลและความจำเป็น เพราะถ้าวันนี้ทุกอย่างยังเป็นเหมือนเดิมยังมีการประท้วงเหมือนเมื่อ 6 เดือนที่ผ่านมา แล้วจะเกิดอะไรขึ้น จะมีคนบาดเจ็บล้มตายอีกเท่าไหร่ ถ้าไม่มีการทำอะไรจนเกิดผลเสียมันจะมีการประท้วงหรือ หากย้อนกลับไปปี 2553 ถามว่าใครเป็นรัฐบาลถ้าอีกพรรคเป็นรัฐบาลแล้วอีกพรรคจะประท้วงหรือไม่ ก็จะมีการประท้วงกลับไป กลับมาอยู่แบบนี้แล้วประเทศชาติจะอยู่ตรงไหน นี่คือสิ่งที่ทำให้ต้องมีรัฐบาลนี้
"ผมถามว่า ถ้าผมไม่ออกมาแล้ว เกิดรัฐบาลที่แล้วต้องออกไป อีกพรรคการเมืองเข้ามารัฐบาลชุดที่แล้วจะประท้วงหรือไม่ มันก็เหมือนเดิม แล้วเราจะปล่อยให้มันกลับไปกลับมาเช่นนี้หรือ เราก็ต้องไปปิดสถานการณ์ตรงนี้ให้ได้ เหมือนกับการหยุดเลือดที่มันไหลอยู่ เพราะประเทศเราเดินหน้าก็ไม่ได้ ถอยหลังก็ไม่ได้ สร้างความเข้มแข็งก็ไม่ได้ เศรษฐกิจก็ตกต่ำ จึงเป็นเหตุผลที่เราต้องเข้ามา เราไม่ได้เข้ามาเพื่อจับใครติดคุกหรือลงโทษ ทุกอย่างให้เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม ถ้าไม่กระทำความผิดก็ไม่ติดคุก ไม่ถูกดำเนินคดี ประเทศนี้ไม่ใช่จะเอากฎหมายมาไล่ล่าด้วยคดีการเมือง การเมืองก็คือการถอดถอน ความผิดคือการรับผิดชอบ หรือไม่รับผิดชอบ ถึงเรียกว่าคดีการเมือง สองคือคดีอาญาก็ต้องไปดูเรื่องการทุจริตต้องแยกกันให้ออก ถ้าแยกไม่ออกก็ยังเป็นอยู่แบบนี้ อยากให้เข้าใจกันสักที ผมไม่ได้ไล่ล่า ไม่ได้เป็นศัตรูกับใคร ไม่ได้รักใครพิเศษ หรือเกลียดใครพิเศษ วันนี้ที่ทำทั้งหมด ก็เพื่อประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ รัฐวิสาหกิจจะต้องดูแลอย่างไร มีการออกกฎหมายอย่างไร ไม่ใช่สั่งแล้วทั้งหมดจะออกมาได้ทันที ทุกอย่างต้องใช้กฎหมาย กระบวนการสร้างความน่าเชื่อถือ บางอย่างก็ต้องฟื้นฟูและต้องได้รับการยอมรับจากคนภายในองค์กร อย่าลืมว่าทุกคนต่างก็เป็นคนไทย ไม่ว่าจะเป็นสหภาพหรือแรงงานต้องสร้างความเข้าใจและกฎระเบียบใหม่ ให้ทุกคนเข้าใจว่าเราจะเดินหน้าประเทศ วันนี้อย่าเอาอดีตมาตีกัน แต่เอาอดีตที่เป็นปัญหามารวมกับปัญหาที่เกิดขึ้นในวันนี้ เพื่อแก้และเดินหน้าประเทศต่ออย่าเอาภาระที่พรุงพรังบวกเข้าไปจนเดินไม่ได้ ทุกคนอบากให้สร้างความปรองดองแล้วจะให้ยกเลิกทั้งหมดคงไม่ได้ ต้องรอให้กระบวนการยุติธรรมเป็นผู้ตัดสิน เพราะไม่มีใครตัดสินได้" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ที่มา ข่าวสดออนไลน์
onlyfans leaked xxx onlyfans leaked videos xnxx 2022 filme porno filme porno
.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X