เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 24 ม.ค. ที่บก.ป. ร.ต.ท.ปรีชา ศรีอุดม พนักงานสอบสวน กก. 1 บก.ป. เจ้าของคดีข่มขืน 2 สาวนักศึกษา-พริตตี้ กล่าวถึงความคืบหน้าของคดีว่า เมื่อคืนวันที่ 23 ม.ค. ได้สอบปากคำน.ส.เอ ผู้เสียหาย ตั้งแต่เวลา 20.00 น. ใช้เวลาประมาณ 2 ชม.จึงแล้วเสร็จ โดยน.ส.เอยังให้การตามคำบอกเล่าไปก่อนหน้านี้ ยืนยันกล่าวหาว่าโดนนายวิริยะ ที่เดินทางมาแสดงตัวกับพนักงานสอบสวนเมื่อวันที่ 23 ม.ค. ล่อลวงไปข่มขืนในโรงแรมจริง ไม่ใช่เป็นการสมัครใจไปมีเพศสัมพันธ์กันตามที่ฝ่ายชายระบุ

นอกจากนี้ยังต้องรอสอบปากคำน.ส.บี ผู้เสียหายอีกรายที่มาแจ้งความพร้อมกับน.ส.เอ ซึ่งแจ้งว่าเดินทางไปต่างจังหวัด เมื่อสอบทั้ง 2 คนแล้วก็จะทำหนังสือส่งตัวทั้ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลตำรวจ จะพบร่องรอยหรือไม่ก็ต้องส่งตัวไปตรวจโดยแพทย์ เพราะเป็นพยานหลักฐานทางคดี เพิ่งสอบปากคำได้ปากเดียว รอสอบอีกปากก่อนถึงจะทำหนังสือส่งตัวไปตรวจพร้อมกัน สำหรับชุดนักศึกษาของน.ส.บี ที่ระบุว่าโดนนายวิริยะฉีกขาดก็ยังไม่ได้นำมามอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ

ร.ต.ท.ปรีชา กล่าวต่อว่า เมื่อสอบปากคำทั้ง 2 คนที่กล่าวหาแล้ว จะพาไปชี้โรงแรมห้องที่เกิดเหตุ ตรวจสอบดูกล้องวงจรปิดว่าตอนเข้าไปใช้บริการในโรงแรมม่านรูดแห่งนั้น เป็นไปตามคำบอกเล่าของฝ่ายใด และสอบปากคำพนักงานที่มาให้บริการรูดม่านปิดห้อง ร่วมทั้งรับเงินค่าห้อง ดูว่ามีการสั่งเบียร์มาดื่มกันต่อ พร้อมสั่งถุงยางอนามัยมาใช้จริงหรือไม่อย่างไร เพราะในเรื่องนี้มีข้อขัดแย้งตรงข้ามกัน ยิ่งมาให้การเร็วจะได้พาไปชี้จุดเกิดเหตุเร็ว หลักฐานจากกล้องวงจรปิดของทางโรงแรมยังไม่โดนบันทึกซ้ำ

ร.ต.ท.ปรีชากล่าวว่า ส่วนผู้เสียหายนักศึกษา 2 คนที่นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ทนายความระบุว่าจะพามาอีก 2 คนนั้น ยังไม่ได้รับการติดต่อว่าจะพามาเมื่อใด ส่วนเบอร์โทร.ที่ตนฝากประกาศผ่านสื่อไปให้ผู้เสียหายรายอื่นๆ โทร.มาก่อนก็ไม่มีใครโทร.ติดต่อมาเช่นกัน ทั้งนี้ ยังคงดูในข้อหา 2 ข้อหาตามที่น.ส.เอ แจ้งความไว้ไม่มีการถอนแจ้งความ ยืนยันเอาผิดดำเนินคดีนายวิริยะ ไม่ยอมความ คือข่มขืน และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ซึ่งจะต้องพิจารณาว่าภาพที่มีการนำเข้าไปเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ตนั้น เข้าข่ายลามกอนาจารหรือไม่ เท่าที่ดูจากคลิปที่นายวิริยะอ้างว่าถ่ายน.ส.เอ ผู้เสียหายเพียงคลิปเดียว 14 วินาทีจากโทรศัพท์มือถือ จะต้องพิจารณาตรวจสอบก่อนว่ายังมีคลิปอื่นอีกหรือไม่ อย่างไร และคลิป 14 วินาที คลิปนี้ต้องให้ผู้ชำนาญการดูว่าเป็นคลิปลามกอนาจารหรือออกไปแนวศิลป์

ส่วนการนำคลิปไปเผยแพร่ในอินเตอร์เน็ตก็ต้องดูวัตถุประสงค์คนที่เอาไปใส่ ถ้ามีการเสียเงินเพื่อดูคลิปก็จะมีความผิดได้ แต่ทั้งนี้นายวิริยะได้ปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นคนนำเข้าสู่คอมพิวเตอร์ เป็นแค่ภาพที่แฟนเขาแค็ปภาพส่งมาให้ผู้เสียหายดูเพื่อยืนยันเท่านั้น ยังไม่รู้ว่าใครให้การจริงใครให้การเท็จ ต้องพิสูจน์กันก่อน

สำหรับคดีนี้ พ.ต.อ.อัคราเดช รรท.ผบก.ป. ให้แนวทางไว้ว่า เมื่อฝ่ายผู้ถูกกล่าวหามาพบเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ก็ให้สอบปากคำและรับฟังทั้งสองฝ่าย ซึ่งฝ่ายหญิงที่กล่าวหาว่าเป็นการข่มขืน ส่วนฝ่ายชายมายืนยันว่าเป็นการสมัครใจไปมีเพศสัมพันธ์กัน เรื่องนี้ตรงกันข้ามหมด ให้พิสูจน์ว่าฝ่ายใดพูดจริงและให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย ผิดถูกให้ว่ากันไปตามข้อเท็จจริง อย่าไปแกล้งหรือมีอคติกับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด

ต่อมาเวลา 13.00 น. ผู้สื่อข่าวสอบถามนายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ทนายความที่พา 2 สาวนักศึกษา-พริตตี้แจ้งความกองปราบฯ ถึงคดีว่า เมื่อคืนน.ส.เอเข้าให้ปากคำพนักงานสอบสวนแล้วจนถึงตี 1 ยืนยันไม่ยอมความเด็ดขาด ไม่อยากให้ไปก่อเหตุกันหญิงอื่นอีก น้องเอ แค้นใจมาก ก่อเหตุข่มขืนแล้วกลับมาบอกอีกว่าเป็นการสมยอม

ส่วนน้องบีขอตัวไปทำธุระต่างจังหวัดก่อน เสร็จสิ้นแล้วจะรีบมาให้ปากคำสัปดาห์หน้า ทางด้านคดี ตนพอใจที่ผู้ถูกกล่าวหาออกมายอมรับว่า ไปโรงแรมกับผู้เสียหายจริง มีการร่วมประเวณีกับผู้เสียหายจริง ส่วนการพิสูจน์เรื่องคลิปที่ถ่ายเอาไปเผยแพร่ในสังคมออนไลน์นั้น ทางตำรวจยึดเอาโทร.มือถือเครื่องดังกล่าวไปตรวจสอบ และกู้ข้อมูลว่ายังมีคลิปอื่นที่ถ่ายผู้เสียหายขณะข่มขืนแล้วลบทิ้งไปแล้วหรือไม่ ยืนยันดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ไม่ยอมความเด็ดขาด

ที่มา ข่าวสดออนไลน์