|
นัมจูฮยอก (Nam Joo-hyuk) เพิ่งจะเดบิวต์ผลงานการแสดงเพียงแค่ 5 ปีเท่านั้น แต่ตอนนี้เขาถือเป็นพระเอกคิวทองอีกคนหนึ่งของวงการ เพราะแค่ปี 2020 ก็มีผลงานออกอากาศหลายเรื่อง รวมถึงซีรีส์กระแสแรงอย่าง Start-Up ที่ประกบคู่กับ แบซูจี (Bae Suzy) รวมถึง The School Nurse Files ที่รับบทนำคู่กับรุ่นพี่นักแสดงอย่าง จองยูมี (Jung Yu-mi) นอกจากนี้เขายังมีผลงานภาพยนตร์เรื่อง Josée กับ นางเอกฮันจีมิน (Han Ji-min) ที่จะเข้าฉายในเดือนธันวาคมนี้อีก จากนั้นในปี 2021 เขาจะกลับมาอีกครั้งในซีรีส์เรื่อง Here รับบทนำคู่กับชินมินอา (Shin Min-ah) เรียกว่าไม่มีเว้นว่างให้ต้องคิดถึงกันเลย
วันนี้เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับนัมจูฮยอกกันให้มากขึ้น
เขาชอบออกกำลังกาย
นัมจูฮยอก เคยให้สัมภาษณ์ไว้ในรายการ The Swoon ทาง Netflix เขาบอกว่าชอบเป็นผู้ตามมากกว่าเป็นผู้นำ แต่ถ้าต้องเป็นซีอีโอจริงๆ เขาอยากเป็นซีอีโอของยิม เพราะเขาชอบเข้ายิมมาก เขาจะวิดพื้นก่อนเข้านอนเป็นเวลา 4 นาทีเป็นประจำ
เขาเคยอยากเป็นนักบาสเกตบอล
ภาพ: @ bignam_china / Twitter
ก่อนหน้าที่จะมาเป็นนักแสดง นัมจูฮยอกเคยเป็นนายแบบมาก่อน แต่ความจริงแล้วเขาไม่อยากเป็นทั้งนายแบบและนักแสดง เขาเคยบอกไว้ในรายการ Radio Star ว่าอยากเป็นนักบาสเกตบอล เพราะตอนเรียน ม.ต้น เขาเคยเป็นนักกีฬาโรงเรียน ตอนนี้เขาก็ยังเป็นแฟนตัวยงของบาสเกตบอล และเคยได้แข่งกับนักบาส NBA ขวัญใจของตัวเองอย่าง Stephen Curry ในรายการ Infinite Challenge
เขาได้รับรางวัลการแสดงมากมาย
เขาได้รับรางวัลนักแสดงหน้าใหม่ยอดเยี่ยม 3 ครั้ง ครั้งแรกจาก ซีรีส์ Who Are You: School 2015 จากนั้นในปี 2016 เขาได้รางวัลนี้อีกครั้งจากเรื่อง Weightlifting Fairy Kim Bok-joo และจากภาพยนตร์เรื่อง The Great Battle ในปี 2018
เขาเป็นคนจริงจังกับความรัก
นัมจูยอกเคยเล่าว่า เขาเจ็บปวดมากตอนที่รู้ว่าดาราคนโปรดแต่งงาน
“ผมชอบนักแสดง [พัคซูจิน และ ยุนซึงอา] มาตั้งแต่เด็กครับ ตอนพวกเขาแต่งงานผมเจ็บปวดมาก ผมไม่อยากจะเจ็บปวดแบบนั้นอีกแล้ว”
นัมจูฮยอกเล่าว่าเขาตกหลุมรักครั้งแรกตอนอายุ 6 ขวบ! และบอกว่าช่วงอายุ 32 ปี เป็นอายุที่เขาคิดว่าเหมาะกับการแต่งงาน ผู้หญิงในอุดมคติของเขาต้องเป็นคนที่ดูมีอำนาจแต่ก็น่ารักในเวลาเดียวกัน
เขาเคยชงกาแฟเพื่อการกุศล
นัมจูฮยอก เคยร่วมทำกาแฟเพื่อการกุศลในรายการ Coffee Friends เมื่อปี 2019
เขาทำงานได้อย่างคล่องแคล่ว และคอยถามคนอื่นอยู่เสมอว่ามีอะไรให้เขาช่วยหรือไม่ รายได้จากการขายกาแฟในตอนนั้นอยู่ที่ 326,000 บาท และถูกนำไปบริจาคเพื่อช่วยเหลือเด็กพิการ